ข้อมูล ผบ.ทบ.ผู้ก่อความไม่สงบเหลือ 5 พัน หมู่บ้านเสี่ยง 217 แห่ง
“ประยุทธ์” แจงชายแดนใต้ป่วนหนักช่วงรอมฎอน เหตุขบวนการบิดเบือนคำสอนศาสนา ชักชวนก่อเหตุหากพลีชีพได้กุศล 2 เท่า ยันใช้กฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิดเท่านั้น ไม่ใช้ความรุนแรงโต้กลับ ชี้ยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่มความแค้น บานปลายไม่สิ้นสุด ยันแก้ปัญหาถูกทาง กลุ่มก่อความไม่สงบลดฮวบเหลือ 5 พัน หมู่บ้านเสี่ยง 217 แห่ง ด้านคนร้ายยังสร้างสถานการณ์รายวัน ทั้งดักบึ้มทหาร ยิงป้อมจุดตรวจ ตายเจ็บระนาว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 2 ส.ค.2554 ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดเหตุรุนแรงถี่ขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอนว่า สถานการณ์เป็นแบบนี้ทุกปี เพราะมีความพยายามสร้างสถานการณ์จากคำสอนที่ผิดที่สอนว่าหากมีการพลีชีพในช่วงนี้จะได้กุศลเป็นสองเท่า ทั้งๆ ที่ทุกศาสนาไม่ได้สอนให้คนฆ่ากัน จุดนี้ทำให้มีการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่มากขึ้น
สำหรับแนวทางแก้ไขนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องใช้ 3 มาตรการ คือ 1.มาตรการเชิงรุกปิดล้อมตรวจค้นตามกฎหมาย เพราะหากทำนอกกฏหมายจะมีเรื่องตามมามาก 2.มาตรการเชิงลับในการดูแลประชาชน และ 3.งานด้านการพัฒนา
"เราต้องระวังเรื่องกฎหมายเด็ก (ปัญหาการนำเด็กไปฝึกเป็นทหารของกลุ่มก่อความไม่สงบ) และเรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ทุกอย่างเราพยายามทำให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของเราเอง ซึ่งก็ได้ขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการปิดกั้นเพื่อตรวจค้น แต่จำนวนอำเภอและจำนวนคนมีมากถึง 2 ล้านคนเศษ กว่า 90% เป็นคนไทยอิสลาม มีเพียง 1% ที่เป็นไทยพุทธ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อันตรายในขณะนี้คือสองฝ่ายถูกบ่มเพาะให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ฉะนั้นต้องช่วยกันทำให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งมีคนไม่ดีที่มุ่งหวังทำให้เกิดความแตกแยกจำนวนหนึ่ง เราจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอาญา ตามหลักฐานที่มีอยู่ แต่การหาหลักฐานไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง เพิ่มจุดตรวจ จุดสกัด รวมถึงมาตรการทางด้านการข่าว
"เราทำหมดแล้วทุกมาตรการ สิ่งที่เราทำไม่ได้คือการใช้ความรุนแรง แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับใช้อยู่ ไม่ใช่เราจะไปรุนแรงมากกว่าเขาเพื่อให้มันจบ เพราะมันไม่จบหรอก ถ้ายิ่งฆ่ากันไปเรื่อยๆ ความแค้นเคืองและความไม่เข้าใจก็จะมากขึ้น คนไม่หวังดีก็จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปบ่มเพาะสร้างให้เจ้าหน้าที่ถูกเกลียดชัดมากขึ้นไปอีก เดิมเราประมาณการณ์ผู้ก่อความไม่สงบมีหมื่นคนเศษ ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 5 พันคน ถ้าเราแก้ไขปัญหานี้ไม่ถูกจุดจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย เพราะเราไปสร้างศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ" ผบ.ทบ.ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าใช้ความรุนแรงอาจสุ่มเสี่ยงที่จะมีกลไกต่างๆ เข้ามาในประเทศ (หมายถึงองค์กรจากนอกประเทศ) และจะทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ยอมรับว่าปัจจุบันการแก้ไขปัญหาของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ยังแก้ไขปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไม่ได้ 100% เพราะต้องไปดูแลประชาชนเป็นการเร่งด่วน 1,600 หมู่บ้านจาก 3,000 กว่าหมู่บ้าน มีหมู่บ้านเร่งด่วนอีก 629 หมู่บ้าน และหมู่บ้านสุ่มเสี่ยง 217 หมู่บ้าน
บึ้มทหารพรานไร้เจ็บ-ยิงจุดตรวจ อส.ดับ 1
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 2 ส.ค.คนร้ายใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัมซึ่งบรรจุไว้ในถังดับเพลิง ดักสังหารทหารพรานหน่วยพัฒนาสันติที่ 30-8 บนถนนในหมู่บ้านบุโป หมู่ 1 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะขับรถไปส่งกำลังพลที่ได้ลาพักที่ตลาดรือเสาะเพื่อเดินทางต่อกลับบ้าน แต่โชคดีที่รถระบะแล่นผ่านจุดระเบิดไปก่อน ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย มีเพียงรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย
เวลา 18.10 น. คนร้ายประมาณ 5-6 คนมีรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีดำเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และลูกซอง ยิงใส่ป้อมจุดตรวจของอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่บริเวณถนนจอมพลพัฒนา หมู่ 1 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร เป็นเหตุให้ อส.มนัส แววภักดี อายุ 23 ปี อส.ประจำ อ.ศรีสาคร เสียชีวิต และ น.ส.ฟาติเมาะ ดือราแม อายุ 34 ปี ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนอาก้าประจำกายของ อส.มนัส ไปด้วย พร้อมวางวัตถุต้องสงสัยเพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่
ส่วนที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่บ้านเรือนประชาชนซึ่งเปิดเป็นร้านขายน้ำและน้ำเข็งในท้องที่บ้านท่าเรือ หมู่ 1 ต.รือเสาะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้งสามเหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ดักระเบิดทหารชุดลาดตระเวนพลีชีพ 1 เจ็บ 2
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ส.ค.เวลา 06.55 น. พ.ต.ท.ธวัชชัย สังฆมิตกล รองผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดที่บริเวณริมถนนสายชนบท สายโคกหญ้าคา-โฉลง ริมแม่น้ำปัตตานี เขตรอยต่อ อ.ยะรัง กับ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ท้องที่หมู่ 6 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณป้ายบอกทางริมถนน มีหลุมระเบิดกว้าง 1 เมตรลึก 10 เซ็นติเมตร พร้อมสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อน โดยมีสายไฟฟ้าลากยาวข้ามแม่น้ำปัตตานีไปยังฝั่งตรงข้าม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 8021 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 จำนวน 3 นาย ทราบชื่อคือ ส.ท.อรรถพล หงส์คำ อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าท้อง กระดูกซี่โครงหัก สุดท้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาลยะรัง ส่วนอีก 2 นายคือ ส.อ.ประจักษ์ วิเศษรัตน์ อายุ 27 ปี และ พลทหารอัศวิน พูนผ่าน อายุ 21 ปี ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สอบสวนทราบว่า ทหารชุดดังกล่าวมีกำลัง 6 นาย ปฏิบัติภารกิจเดินเท้าลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทางซึ่งเป็นทางสัญจรของคณะครู เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้แบตเตอรี่กดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม วางไว้ริมถนน จนเกิดระเบิดอย่างรุนแรงขึ้น 1 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บรวม 3 นายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะก่อนหน้านี้หน่วยข่าวได้แจ้งเตือนว่าคนร้ายเตรียมก่อเหตุด้วยระเบิดหลายจุดในเขต จ.ปัตตานี
เวลา 08.30 น.วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุ สภ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งจากทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ธารโต-บ้านแหร) บ้านเจ๊าะซีโป๊ะ หมู่ 8 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงได้ประสานแจ้งไปยัง พ.ต.อ.วิชัย แจ้งสกุล ผู้กำกับการ สภ.ธารโต เพื่อนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบเศษซากกล่องเหล็ก เศษเหล็กเส้นตัดท่อนขนาด 1 เซ็นติเมตร และสายไฟกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม บรรจุในกล่องเหล็กที่คนร้ายซุกไว้ริมถนน ส่วนวิธีการจุดชนวนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ได้ออกลาดตระเวนเดินเท้าไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 และได้พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดวางอยู่ริมถนน จึงปิดกั้นพื้นที่ และประสานขอกำลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าทำการเก็บกู้ทำลาย แต่ระหว่างรอได้เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน แต่เนื่องจากกำลังทหารเฝ้าระวังอยู่แล้ว จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ :
- ภาพ ผบ.ทบ.จากศูนย์ภาพเนชั่น
- ข่าว ผบ.ทบ.และข่าวเหตุรุนแรงบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น