อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาฆ่า 10 ศพไอร์ปาแย!
อัยการนราธิวาสสั่งฟ้องอดีตทหารพรานผู้ต้องหาฆ่า 10 ศพในมัสยิดไอร์ปาแยแล้ว เผยสั่งตำรวจสอบเพิ่ม 11 ประเด็น ก่อนมีความเห็นสั่งฟ้อง ยันพิจารณาด้วยความเป็นธรรม-เท่าเทียม ไม่เคยคิดเรื่องศาสนา ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ กราดเอ็ม 16 ดับชาวสวนยางที่ระแงะ ยิงนักศึกษาสาหัสในศาลาละหมาดโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ขณะที่อดีตเลขาฯสมช.เตือนรัฐคิดให้ดีก่อนดัน "ปกครองพิเศษ"
อัยการจังหวัดนราธิวาสมีความเห็นสั่งฟ้อง นายสุทธิรักษ์ หรือ "จุ๋ม" คงสุวรรณ อดีตทหารพราน ผู้ต้องหาฆ่าหมู่ชาวบ้านขณะกำลังละหมาดภายในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 12 ราย ภายหลังผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ปีที่แล้ว และพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
คำสั่งฟ้องของอัยการจังหวัดนราธิวาสเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือในพื้นที่ว่าอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีตามความเห็นของพนักงานสอบสวน โดยคดีฆ่า 10 ศพในมัสยิด หรือที่เรียกกันติดปากว่า "คดีไอร์ปาแย" นั้น เป็นหนึ่งในคดีที่กลายเป็นเงื่อนไขความรู้สึกไม่พอใจรัฐและกระบวนการยุติธรรมของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยมุสลิม
นายโสภณ ทิพย์บำรุง อัยการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า คดีไอร์ปาแยเป็นคดีที่รับผิดชอบโดยพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เมื่อส่งสำนวนมาถึงอัยการ เขาได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมรวม 11 ประเด็น และมีความเห็นสั่งฟ้อง 2 ข้อหา สั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา
ทั้งนี้ 2 ข้อหาที่มีความเห็นสั่งฟ้องคือ ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องคือข้อหามีและพกพาอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ แต่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ปืนของกลางมายืนยัน จึงต้องพิจารณาในลักษณะที่เป็นคุณกับผู้ต้องหา คือฟ้องในข้อหามีและใช้อาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นโดยที่ตนเองไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนนั้นไปใช้กระทำความผิด เรื่องนี้ถือเป็นการให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหา
"ผมคิดว่าข่าวลือที่ออกมาคงเกิดจากความสับสนที่อัยการสั่งไม่ฟ้องในบางข้อหา จึงนำไปพูดกันว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา ทั้งๆ ที่เราสั่งฟ้องในข้อหาหลักคือฆ่าและพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"
เร่งร่างคำฟ้อง-เผยผู้ต้องหาขึ้นศาลอีกคดี
อย่างไรก็ดี นายโสภณ กล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญและเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน ประกอบกับมีระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ระบุว่าหากเป็นคดีที่มีหลายข้อหา และอัยการจังหวัดสั่งไม่ฟ้องในบางข้อหา จะต้องส่งสำนวนไปให้อธิบดีอัยการเขตพิจารณาด้วย ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสำนักงานอัยการเขต 9 ซึ่งที่ผ่านมาก็ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการเขต 9 พิจารณาทำความเห็นแล้ว และล่าสุดอธิบดีอัยการเขต 9 มีความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดียวกัน
"ล่าสุดท่านอธิบดีอัยการเขตเพิ่งส่งสำนวนกลับมาให้ผมร่างฟ้อง ซึ่งเมื่อผมร่างฟ้องเสร็จ ก็ต้องส่งให้ท่านพิจารณาอีกครั้ง เพราะเป็นคดีสำคัญ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหายื่นฟ้องต่อศาล" อัยการจังหวัดนราธิวาส ระบุ
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหาคือนายสุทธิรักษ์นั้น ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศาล เนื่องจากมีคดีเก่าที่อัยการสั่งฟ้องไปอีก 1 คดี คือคดีฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2551 ที่ ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่วนอีกคดีหนึ่งที่เป็นคดีฆ่าผู้อื่นเหมือนกัน เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2551 ที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
"ผมไม่ทราบว่าศาลอนุญาตให้นายสุทธิรักษ์ประกันตัวหรือไม่ แต่ในชั้นอัยการผมให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นนโยบายของท่านอัยการสูงสุดที่ว่า การให้ประกันตัวเป็นหลัก ส่วนการไม่อนุญาตให้ประกันเป็นข้อยกเว้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหา แต่หากมีผู้เสียหายมาร้องเรียนว่าถูกผู้ต้องหาข่มขู่ หรือมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ผมก็จะยื่นเรื่องต่อศาลให้ถอนประกันทันที" อัยการจังหวัดนราธิวาส กล่าว
เผย"สุทธิรักษ์"อ้างตัวเป็นมุสลิม
นายโสภณ บอกอีกว่า ที่ผ่านมามีการไปปล่อยข่าวลือในแง่ลบว่า อัยการหรือตำรวจมักไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่เป็นมุสลิม เลือกให้ประกันตัวเฉพาะผู้ต้องหาที่เป็นไทยพุทธ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย โดยเฉพาะสำนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาสไม่เคยคิดเรื่องศาสนา และยึดหลักให้ประกันทุกคดี ยกเว้นไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือมีพฤติการณ์หลบหนีจริงๆ เท่านั้นจึงจะไม่ให้ประกันตัว
ที่สำคัญในคดีไอร์ปาแย นายสุทธิรักษ์ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนเดียวในขณะนี้ ก็ให้การในสำนวนว่าเขานับถือศาสนาอิสลาม แต่เป็นการเปลี่ยนจากศาสนาพุทธไปนับถืออิสลามเนื่องจากได้ภรรยาเป็นมุสลิม
อีกเรื่องหนึ่งที่สื่อมวลชนนำไปรายงานคลาดเคลื่อน คือ ข้อมูลที่ว่าศาลพิพากษายกฟ้องคดีความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากถึง 80-90% ซึ่งไม่เป็นความจริง เฉพาะคดีในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาส ศาลก็พิพากษาลงโทษเกินครึ่ง
ยิงรายวันเพียบ-บึ้มทหารที่ระแงะไร้เจ็บ
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดวันพุธที่ 17 ส.ค.2554 ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กราดยิง นายอับดุลเลาะ สาแม อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 238/3 หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะกรีดยางอยู่ในสวนยางพาราบ้านฮูลูปาเร๊ะ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบด้วยการสังหารผู้บริสุทธิ์รายวัน
เวลา 13.45 น. คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อสีขาว ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายมูฮัมหมัด วารยามคาน อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 3 ต.ตะลุโบ๊ะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ขณะกำลังเดินออกจากศาลาละหมาดด้านหลังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้นายมูฮัมหมัดได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าน่าเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัว โดยกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของโรงพยาบาลสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ ตำรวจกำลังเร่งติดตามล่าตัว
เวลา 14.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดและซุ่มยิงอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จำนวน 8 นาย ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครู เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านบาโงอาแซ หมู่ 6 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
อดีตสมช.เตือนรัฐ “ปกครองพิเศษ” นับหนึ่งแยกดินแดน
วันเดียวกัน มีการสัมมนาเรื่อง “ทิศทางประเทศไทยในสถานการณ์ด้านความมั่นคง” ซึ่งจัดโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสมาคมรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ โดย นายขจัดภัย บุรุษพัฒษ์ นายกสมาคมรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย และอดีตเลขาธิการ สมช. กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตลอดเกือบ 8 ปีมีทั้งตำรวจ ทหาร และประชาชนเสียชีวิตกว่า 4,300 คน บาดเจ็บกว่า 7,000 คน ฉะนั้นรัฐบาลต้องสนใจใส่ใจ และต้องตรวจสอบศึกษาว่านโยบายที่ผ่านมาบกพร่องผิดพลาดหรือไม่ โดยฟังความเห็นจากทุกฝ่าย อย่าเพิ่งสรุปแล้วเสนอนโยบายขึ้นมา
“ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บางเรื่องมีความอ่อนไหว เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กแต่กลับเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ ดังนั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพึงระวัง หากจะเสนอนโยบายอะไรก็ตามต้องปรึกษาหน่วยงานความมั่นคงอย่างใกล้ชิดด้วย รวมทั้งการเสนอให้มีเขตปกครองพิเศษในช่วงหาเสียง ท่านคิดได้แต่จะต้องปรึกษาฝ่ายความมันคงก่อน เพราะจะนำไปสู่การปกครองตัวเอง การแบ่งแยกดินแดน จึงขอให้คุยกันภายในให้เป็นเอกภาพก่อน" นายขจัดภัย กล่าว
อนึ่ง พรรคเพื่อไทยชูนโยบายหาเสียงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่า จะจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นพิเศษรูปแบบใหม่เรียกว่า "นครปัตตานี" โดยรวมพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็น "นครปัตตานี" แล้วให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่าราชการนครปัตตานีโดยตรงเหมือนกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมให้ยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ซึ่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เพิ่งออกกฎหมายรองรับอำนาจ โครงสร้าง และการทำงานเรียบร้อยเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง แต่นโยบายดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.เลยแม้แต่คนเดียวจากทั้ง 11 เขตเลือกตั้งในสามจังหวัดชายแดน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : โฉมหน้า นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ ผู้ต้องหาหนึ่งเดียวในคดีไอร์ปาแย
ขอบคุณ : สำนักข่าวเนชั่นเอื้อเฟื้อข่าว นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ อดีตเลขาธิการ สมช.