ชายแดนใต้ชื่นมื่นรับฮารีรายอ...
จุฬาราชมนตรีออกประกาศ "วันตรุษอีดิ้ลฟิตริ" หรือเทศกาล "ฮารีรายอ" ตรงกับวันอังคารที่ 30 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนเซาวาล มุสลิมชายแดนใต้สุดคึก มุ่งหน้าหอชมดวงจันทร์ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เนืองแน่น เด็กๆ จุดประทัดเฉลิมฉลองรายอปอซอ ขณะที่มุสลิมหญิงชายเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ ก่อนร่วมละหมาด-ให้ทาน-เยี่ยมญาติ บรรยากาศสุดชื่นมื่น
สำนักจุฬาราชมนตรีได้ประกาศผลการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1432 เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.2554 โดยผลจากการประชุม นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ประกาศให้วันตรุษอีดิ้ลฟิตริตรงกับวันอังคารที่ 30 ส.ค.2554
ประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรีเป็นไปตามประกาศเรื่อง “ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันอีดิ้ลฟิตริ” ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 กำหนดให้จุฬาราช มนตรีมีอำนาจหน้าที่ในการออกประกาศแจ้งผลการดูดวงจันทร์ตามมาตรา 8 (3) เพื่อกำหนดวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล (วันอีดิ้ลฟิตริ) ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1432 ในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.2554 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า และปรากฏว่ามีผู้เห็นดวงจันทร์ จึงประกาศให้วันตรุษอีดิ้ลฟิตริตรงกับวันอังคารที่ 30 ส.ค.2554 ดังกล่าว
ผลของคำประกาศทำให้วันสุดท้ายของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน คือ วันจันทร์ที่ 29 ส.ค. และวันแรกของเดือนเซาวาล ซึ่งเป็นวันตรุษอีดิ้ลฟิตริ หรือที่เรียกว่า “วันอีด” หรือ "วันรายอ" ตรงกับวันอังคารที่ 30 ส.ค.
สำหรับบรรยากาศที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้คึกคักตั้งแต่ช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 29 ส.ค. โดยมีพี่น้องมุสลิมจำนวนมากเดินทางไปที่หอชมดวงจันทร์ บ้านบูเก๊ะปาเระ ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาด้านหลังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อร่วมดูดวงจันทร์ และแม้จะไม่มีผู้ใดเห็นเพราะฝนตกหนัก แต่ก็ยังมีผู้สังเกตเห็นดวงจันทร์จากจุดอื่นของประเทศไทย
พลันที่สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศกำหนดวันตรุษอีดิ้ลฟิตริ บรรดาเด็กๆ และวัยรุ่นในพื้นที่ต่างพร้อมใจกันจุดประทัดจนเกิดเสียงดังต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศการเฉลิมฉลอง ซึ่งหลายคนบอกว่าปีนี้เป็นปีแรกที่พี่น้องประชาชนจุดประทัดกันมากมายขนาดนี้ สะท้อนถึงสถานการณ์ในพื้นที่ที่บางฝ่ายมองว่าเริ่มลดความตึงเครียดลง แต่บางฝ่ายก็มองว่าอาจเป็นเพราะประชาชนเริ่มชินชากับความรุนแรง จึงเลิกหวาดกลัว และหันมาใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ตามตลาดทุกอำเภอมีมุสลิมหญิงชายไปจับจ่ายซื้อของกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีสันสดใส
เช้าตรู่วันฮารีรายออีดิ้ลฟิตริ มุสลิมทุกเพศทุกวัยจะพร้อมใจกันไปละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้าน จากนั้นก็ไปรับฟังบรรยายธรรม โดยก่อนละหมาดจะมีการบริจาคทาน ข้าวสารหรือเงินให้กับผู้ยากไร้ รวมทั้งเด็กๆ เมื่อเสร็จจากละหมาดก็จะไปรวมตัวกันที่กุโบร์ (สุสาน) เพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นก็ไปเยี่ยมญาติพี่น้องตามสถานที่ต่างๆ
นับเป็นเทศกาลที่มีแต่รอยยิ้ม อิ่มบุญ และเต็มไปด้วยความสุข...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย http://www.cicot.or.th/2011/main/