ยธ.สั่งยกเครื่องเรือนจำชายแดนใต้ป้องกันจลาจลซ้ำ
กระทรวงยุติธรรมสั่งยกเครื่องเรือนจำชายแดนใต้ เน้นเรื่องปัจจัยขั้นพื้นฐาน “น้ำ-อาหาร” หวังลดความตึงเครียด หลังเกิดจลาจลล่าสุดที่เรือนจำกลางปัตตานีและมีนักโทษสังเวยชีวิต เผยนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 3 เดือน โดยก่อนหน้านี้เกิดความวุ่นวายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาสอีก 2 ครั้ง ขณะที่ยอดผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศพุ่งถึง 2.4 แสนคน
เกิดจลาจลภายในเรือนจำกลางปัตตานีเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 5 ก.ย.2554 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วในห้วงเวลาเพียง 3 เดือนที่เรือนจำในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย
เรือนจำกลางปัตตานีตั้งอยู่นอกเมือง ใกล้กับเขตอุตสาหกรรมปัตตานี ริมถนนนาเกลือ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยเหตุจลาจลเกิดขึ้นเพราะมีผู้ต้องขังกลุ่มหนึ่งไล่ทุบตีกัน ทำให้เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย
ผู้เสียชีวิตคือ นักโทษชาย (นช.) ภานุวัฒน์ คงอินทร์ อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 1 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณศีรษะและลำตัว ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นช.วายุ เอ็งฉ้วน และ นช.ศักดิ์ ไก่ ชาวพม่า มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณลำตัว เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี โดยในช่วงค่ำมีรายงานว่า นช.วายุ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า เหตุวุ่นวายเกิดขึ้นบริเวณเรือนนอน มีการทะเลาะวิวาทไล่ทุบตีกันระหว่างกลุ่มนักโทษ เนื่องจากนายภานุวัฒน์ซึ่งมีความประพฤติดีได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าหน้าที่ให้เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ แต่มีนักโทษมุสลิมไม่พอใจ กล่าวหาว่านายภานุวัฒน์ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อนักโทษมุสลิม โดยเฉพาะเรื่องอาหารและการวางกฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวด ที่ผ่านมาเคยมีการร้องขอให้ผ่อนคลายบางเรื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้กลุ่มนักโทษก่อเหตุรุนแรงขึ้น
อนึ่ง เรือนจำกลางปัตตานีมีนักโทษถูกคุมขังอยู่ถึงกว่า 1,300 คน มีนักโทษกลุ่มหนึ่งที่เคยก่อเหตุจลาจลในเรือนจำจังหวัดยะลา (15 ราย) และนราธิวาส (19 ราย) ซึ่งถูกย้ายมา ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่านักโทษกลุ่มนี้อาจมีส่วนร่วมในการก่อเหตุ
รัฐรับ 7 ข้อเรียกร้อง-ยอมสลาย
หลังเกิดเหตุ ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ นายเสรี ศรีหะไคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย นายขัวญชาติ วงศ์ศุภวานันท์ ปลัดจังหวัดปัตตานี และกำลังตำรวจ ทหาร อาสาสมัครรถดับเพลิง ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อกดดันให้กลุ่มนักโทษหยุดก่อเหตุวุ่นวาย โดยมีการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินด้วย
ต่อมา กลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุได้ยื่นข้อเรียกร้องจำนวน 7 ข้อ ประกอบด้วย
1.ขอเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เข้มงวดไม่ให้ตึงเครียดเกินไป
2.ขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโรงครัวให้เป็นผู้ต้องขังมุสลิมทั้งหมด
3.ขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจค้นสิ่งของญาติเยี่ยมให้เป็นเจ้าหน้าที่มุสลิม
4.ขอปรับเปลี่ยนระบบงานกองอวน
5.ขอให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรง
6.ให้ผู้ต้องขังไทยพุทธที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดย้ายเรือนจำ
7.ห้ามโยกย้ายผู้ต้องขังที่ก่อเหตุในวันนี้ ถ้าย้ายจะมีการก่อเหตุที่รุนแรงขึ้นอีก
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติได้นำข้อเรียกร้องของนักโทษมาหารือร่วมกัน และสุดท้ายมีมติรับข้อเรียกร้องทั้งหมด ทำให้กลุ่มนักโทษพากันพอใจ และยุติการเคลื่อนไหวในที่สุด
ต้นเหตุผู้ต้องขัง 2 พวกขัดแย้งกันเอง
นายอาวุธ สุวรรณโณ ผู้บัญชาการเรือนจำ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากความขัดแย้งและความไม่พอใจส่วนตัวของกลุ่มผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำจนนำมาสู่การทะเลาะวิวาทกันขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ดูคล้ายเป็นการจลาจล
"ปัญหาเริ่มจากการวิวาทของนักโทษชาวไทยมุสลิมและไทยพุทธที่ไม่พอใจกันเอง ทำให้มีการใช้กำลังและลุกลามเป็นเรื่องการเรียกร้องในประเด็นอื่นๆ ตามมา หลังจากนี้จะหารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อยุติปัญหาโดยเร็ว" นายอาวุธ กล่าว
ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และฝ่ายปกครองเห็นตรงกันว่า ควรจัดประชุมทุกฝ่ายเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนนักโทษไม่ให้มากเกินความสามารถในการรองรับของเรือนจำ เพราะเรือนจำในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดจลาจลมาแล้วหลายครั้ง
ญาติเครียด-โทร.เช็ควุ่น
ข่าวจลาจลในเรือนจำกลางปัตตานีทำให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องขังที่อยู่ทางบ้านพากันวิตกกังวลไปด้วย โดยมีรายงานว่ามีญาติของนักโทษหลายรายโทรศัพท์ไปตามหน่วยงานต่างๆ และ "ทีมข่าวอิศรา" เพื่อสอบถามสถานการณ์ และพยายามเข้าเยี่ยมพี่น้องบุตรหลานในเรือนจำเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย
นางรอปีอะห์ อับดุลเลาะ ญาติผู้ต้องขังคดียาเสพติดจาก อ.เมือง จ.ปัตตานี กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ภายหลังทราบข่าวจากทีวีก็รู้สึกเป็นห่วงพี่สาวที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ตอนแรกตั้งใจว่าช่วงสายๆ จะไปเยี่ยมพี่สาวอยู่แล้ว โดยได้เตรียมกับข้าว และแต่งตัวออกจากบ้านแล้ว พอดีเห็นทีวีออกข่าวจลาจลในเรือนจำ จึงพยายามโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนว่ายังเปิดให้เยี่ยมอยู่หรือไม่
“เราก็เป็นห่วงพี่สาว อยากไปเยี่ยม แต่ก็เกรงว่าเรือนจำจะปิดหรือสั่งห้ามเยี่ยมเพราะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเช็คไปก็ได้รับการยืนยันว่าเรือนจำงดให้ญาติเยี่ยมชั่วคราว แต่ก็ยังดีที่เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าพี่สาวของเราปลอดภัย ทำให้คลายความเป็นห่วงลงได้บ้าง” รอปีอะห์ กล่าว
เปิดสถิติป่วนเรือนจำชายแดนใต้-ผู้ต้องขังทั่วประเทศ 2.4 แสนคน
อนึ่ง ในห้วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน เรือนจำในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดเหตุจลาจลขึ้นแล้วถึง 3 ครั้ง โดยสองครั้งแรกที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่รวม 25 ราย กับวันที่ 11-12 ส.ค.มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่เรือนจำกลางปัตตานี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ได้มอบหมายให้ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงไปติดตามการแก้ไขปัญหา และจะต้องมีการประชุมเพื่อวางแนวทางป้องกันในระยะยาว โดยเฉพาะการจัดการปัญหาเรื่องปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เช่น น้ำ อาหาร และความแออัด ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของความอึดอัดกระทั่งเกิดความวุ่นวายแทบทุกครั้งในเรือนจำ
สำหรับจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำทุกประเภททั่วประเทศ สำรวจ ณ วันที่ 1 ส.ค.2554 มีทั้งสิ้น 239,477 คน แยกเป็นผู้ต้องขังชาย 205,363 คน และผู้ต้องขังหญิง 34,114 คน ตัวเลขนี้รวมหมดทั้งนักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์-ฎีกา ระหว่างไต่สวน-พิจารณา ระหว่างสอบสวน เยาวชนที่ฝากขัง ผู้ถูกกักกัน และผู้ต้องกักกัน
ส่วนเรือนจำในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในเขต 9 ประกอบด้วย เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เรือนจำกลางปัตตานี เรือนจำพิเศษปัตตานี เรือนจำกลางยะลา เรือนจำพิเศษยะลา เรือนจำอำเภอเบตง (ยะลา) และยังมีเรือนจำชั่วคราวโคกยามูด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ข้อมูลข่าวบางส่วนและภาพประกอบจาก ปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวเครือเนชั่นประจำจังหวัดปัตตานี
หมายเหตุ : ภาพประกอบได้รับการตกแต่งโดย ฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา