ชายแดนใต้สั่งเตรียมพร้อม-จัดสถานที่อพยพรับอุทกภัย
ผู้ว่าฯชายแดนใต้เรียกประชุมทุกหน่วยวางแผนรับมือฝนกระหน่ำ-น้ำท่วมใหญ่ หวั่นซ้ำรอยวิกฤติเมื่อปีที่แล้ว สั่งเตรียมสถานที่รองรับอพยพ ทั้งวัด มัสยิด โรงเรียน หอประชุม พร้อมแจ้งเตือนชุมชนริมแม่น้ำและทะเลทะยอยเก็บข้าวของ เผยอำเภอเสี่ยง ปะนาเระ สายบุรี ยะหริ่ง หนองจิก อุตุฯชี้ฝนตกเพิ่ม 60% ด้านเทศบาลนครยะลาจับมือตำรวจเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยผู้ประสบภัย ภาคเอกชนสนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดผ่านสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังมีเหตุร้ายประปราย ยิงรายวัน 4 เหตุ ดับ 3 เจ็บ 1 ปิดล้อม ต.บาลอ อ.รามัน รวบมือขวา "อุสตาซรอฮิง"
ในขณะที่หลายจังหวัดภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ปรากฏว่าที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีการประชุมวางแผนเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรงเหมือนวิกฤตการณ์พายุฝนถล่มเมื่อปลายปีที่แล้ว
ที่ จ.ปัตตานี ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เรียกประชุมผู้แทนส่วนราชการทุกแห่งเพื่อวางแผนรับมืออุทกภัย และจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยวาตภัยและดินโคลน ถล่มในเขตพื้นที่ จ.ปัตตานี
เบื้องต้นได้สั่งการให้ฝ่ายโยธาธิการขุดลอกท่อระบายน้ำที่อุดตันและขุดลอกคลองเพื่อเปิดทางให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก พร้อมทั้งเร่งเตรียมสถานที่รองรับผู้ประสบภัยหากเกิดภาวะวิกฤติและต้องอพยพคน โดยใช้พื้นที่วัด มัสยิด โรงเรียน หอประชุม และอาคารเอนกประสงค์ประจำอำเภอ ขณะเดียวกันก็ได้แจ้งเตือนไปยังชุมชนที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี และริมทะเล ให้ทะยอยเก็บข้าวของหนีน้ำ อาทิ อ.ปะนาเระ อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง อ.เมือง และ อ.หนองจิก
พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจระดับจังหวัดและระดับอำเภอทั้ง 12 อำเภอ เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ด้วย
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่มขึ้นเช่นกัน โดยกำหนดแผนรองรับไว้ 7 ประการ ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติที่มอบหมายให้นายอำเภอและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น (อปท.) รับผิดชอบ ได้แก่
1.สำรวจจุดเสี่ยงเกิดเหตุดินถล่มหรือน้ำท่วม โดยพิจารณาข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี 2.จัดตั้งกองอำนวยการพร้อมแบ่งภารกิจของแต่ละฝ่าย 3.กำหนดระบบเตือนภัยและการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ 4.กำหนดจุดอพยพชาวบ้าน ทั้งสถานที่ปลอดภัยและเส้นทางที่ใช้อพยพ สำหรับกรณีที่แจ้งเตือนชาวบ้านในจุดเกิดเหตุให้ออกจากพื้นที่แล้วชาวบ้านไม่ยอมออก ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
5.สำรวจพื้นที่ราบต่ำ โดยพิจารณาเน้นความสำคัญไปยังพื้นที่ราบต่ำที่มีประชาชนาอาศัยอยู่ก่อนพื้นที่การเกษตร 6.จัดทำบัญชีข้อมูลอุปกรณ์ เรือท้องแบน หรือรถยกสูงที่จะใช้ขนย้ายราษฎร ซึ่งมีทั้งหมด 60 คัน และ 7.กำหนดวิธีแจกจ่ายสิ่งบรรเทาทุกข์เพื่อให้เป็นระบบและทั่วถึง
นอกจากนั้น ยังได้จัดเจ้าภาพเพื่อบริหารจัดการด้านต่างๆ ด้วย แบ่งเป็น 1.เจ้าภาพการบริหารน้ำ ได้แก่ ชลประทานจังหวัดยะลา ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด 2.เจ้าภาพระบบเตือนภัย ได้แก่ สำนักงานป้องกันและและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) ร่วมกับสำนักงานอุตุนิยมวิทยา และประชาสัมพันธ์จังหวัด 3.เจ้าภาพระบบสื่อสาร ได้แก่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ร่วมกับฝ่ายปกครองยะลา และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (กอ.รมน.จังหวัด)
4.เจ้าภาพการแจกจ่ายสิ่งบรรเทาทุกข์ ได้แก่ สำนักงานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับสาธารณสุขจังหวัด 5.เจ้าภาพซ่อมแซมทรัพย์สินสาธารณะและชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยผู้ประสบภัย ได้แก่ แขวงการทางยะลาร่วมกับกรมทางหลวงชนบท องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และโยธาธิการจังหวัด 6.เจ้าภาพประสานงานกับส่วนราชการ ได้แก่ ปภ.ร่วมกับปกครองจังหวัด และ 7.เจ้าภาพสรุปผลการดำเนินงานและการติดตามผลงานเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชา เมื่อมีการตรวจเยี่ยมพื้นที่
สำหรับสภาพอากาศที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ช่วงนี้มีฝนหนักเกือบทุกวันครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด โดยเฉพาะในช่วงเย็นและค่ำ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศแจ้งเตือนว่าในช่วงเดือน ต.ค.นี้ จะมีฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 60
อนึ่ง ช่วงปลายเดือน ต.ค.ต่อเนื่องต้นเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว มีพายุฝนถล่มพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จนเกิดน้ำท่วมใหญ่ บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมทะเลถูกพายุพัดได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในท้องที่ อ.สายบุรี ปะนาเระ หนองจิก และ อ.เมืองปัตตานี ทำให้ปีนี้ทุกภาคส่วนต้องเร่งเตรียมความพร้อมรับมือกันอย่างเต็มที่
ยะลาเปิดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ขณะเดียวกัน เทศบาลนครยะลาร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ขณะที่ความเคลื่อนไหวของภาคเอกชน นางวรรณะ ระเด่นอะหมัด กรรมการผู้จัดการบริษัทเพชรน้ำใส จำกัด ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ผู้ผลิตน้ำดื่มน้ำแร่ธรรมชาติ ได้มอบน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อมีริน จำนวน 100 โหล ให้กับ นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดยะลา และ นายมะลูดิง ตีโด ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ประจำจังหวัดยะลา ในฐานะผู้แทนสื่อมวลชนจังหวัดยะลา เพื่อนำไปมอบให้ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รวบรวมนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างต่อไป
ขณะที่สื่อมวลชนใน จ.ยะลา นำโดย นายอับดุลการิม ได้หารือร่วมกับ นายสัมพันธ์ มูซอดี ประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา เพื่อจัดกิจกรรม "สื่อยะลาช่วยผู้ประสบภัย" รณรงค์หาเงินสมทบทุนช่วยประชาชนที่้ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ด้วย
ดักยิงพ่อค้ายางดับที่บันนังสตา
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 00.45 น.วันพุธที่ 12 ต.ค.2554 พ.ต.อ.สุวัตต์ วงค์ไพบูลย์ ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายกอเดร์ บาโระสะนอ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/2 หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่ศีรษะ หน้าอก และกลางหลัง นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน ใกล้ๆ กันยังมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดเสียหลักอยู่อีก 1 คัน คาดว่าเป็นของผู้ตาย
สอบสวนทราบว่า นายกอเดร์มีอาชีพรับซื้อยางพาราแผ่นในหมู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปทำธุระ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไล่หลังมาแล้วเรียกให้หยุดเพื่อพูดคุยกัน เมื่อนายกอเดร์เผลอจึงใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนนายกอเดร์เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากนายกอเดร์เป็นผู้กว้างขวาง รู้จักกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หลายฝ่าย
ล้อมจับมือขวา "อุสตาซรอฮิง" คาขนำในสวนยางรามัน
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 06.45 น.วันอังคารที่ 11 ต.ค. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา) พร้อมด้วย พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม ที่ปรึกษาผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 รวมทั้งชุดนิติวิทยาศาสตร์ เข้าปิดล้อมตรวจค้นสวนยางพาราบ้านบาลูกาปาลัส หมู่ 7 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา หลังสืบทราบว่า นายอับดุลรอฮิง ดา อีซอ ฉายาเปเล่ดำ หรือ อุสตาซรอฮิง, นายอาลาวี เจ๊ะเต๊ะ หรือ เวาะ โคกสะตอ และ นายฮัมดี ยะดารอ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง มีหมายจับของ สภ.รามัน และ สภ.รือเสาะ นราธิวาส เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านญาติในสวนยางพาราดังกล่าว
เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่พบขนำหลังหนึ่งปลูกอยู่ท้ายสวนยางพารา จึงได้ปิดล้อมเอาไว้ แล้วบุกเข้าไปภายใน พบ นายอาลาวี เจ๊ะเต๊ะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/4 หมู่ 1 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กำลังนอนหลับอยู่ จึงได้ควบคุมตัวไว้ พร้อมยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 20 นัด และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียจำนวน 2 เครื่อง ก่อนคุมไปซักถามข้อมูลที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา ต.วังพญา อ.รามัน
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอาลาวี ให้การว่า เข้าไปหลบซ่อนตัวพร้อมกับ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือเปเล่ดำ หรือ อุสตาซรอฮิง, นายฮัมดี ยะดารอ และชายไม่ทราบชื่ออีกคนหนึ่ง รวมเป็น 4 คน แต่อีก 3 คนไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน
สำหรับ นายอาลาวี หรือ เวาะ โคกสะตอ มีหมายจับในคดีซุ่มยิงและระเบิดทหารชุด รปภ.ครู ในพื้นที่ ต.โคกสะตอ เป็นมือขวาของอุสตาซฮิงนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ (เปเล่ดำ) หรือ อุซตาสรอฮิง ผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงมีหมายจับหลายหมายในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา และ พื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
ประกบยิง อส.ยะรังแต่พลาด - สังหารสามีภรรยาที่สุไหงปาดี
ช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 10 ต.ค. เกิดเหตุยิงปะทะกันบนถนนสายบ้านต้นมะขาม-อ.มายอ หน้าสุสานบ้านสะตา หมู่ 3 บ้านสะตา ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะที่ นายฮาซัน บือแน กับ นายมะตอยีดี บือแน อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.ยะรัง กำลังเดินทางกลับบ้านโดยใช้รถกระบะส่วนตัว โดยมี นายอุซรี บือแน อายุ 20 ปี ลูกชายของนายฮาซันเป็นคนขับนั้น ได้ถูกคนร้าย 2 คนซึ่งมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขี่ตามประกบ และใช้อาวุธปืนพกยิงใส่ แต่กระสุนพลาดเป้า ทำให้คนร้ายเร่งเครื่องรถหลบหนี แต่รถเกิดล้มีคว่ำ ทำให้นายฮาซันกับนายมะตอยีดีไล่ตามทัน และเกิดยิงปะทะกันครู่หนึ่ง คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงทิ้งรถจักรยานยนต์วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 19.00 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถยนต์เก๋งเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกยิง นายไพรซา มือลี อายุ 25 ปี อาชีพช่างซ่อมรถยนต์ อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 8 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้านป่าไผ่ หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เบื้้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์รายวันของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
วันอาทิตย์ที่ 9 ต.ค. เวลา 11.30 น. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกประกบยิง นางสว่าง ตูเละ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่พร้อมกับชายไม่ทราบชื่อซึ่งคาดว่าจะเป็นสามี เหตุเกิดขณะทั้งคู่ขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนจารุเสถียร ช่วงสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง ท้องที่บ้านต้นไม้สูง หมู่ 2 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะนางสว่างมีบัตรสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เจ้าหน้าที่กำลังนำรถแบ็คโฮขุดลอกคลองในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อเตรียมรับน้ำที่อาจท่วมเพราะฝนตกหนักในเร็ววันนี้
2 กรรมการผู้จัดการบริษัทเพชรน้ำใส จำกัด ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ผู้ผลิตน้ำดื่มน้ำแร่ธรรมชาติ มอบน้ำดื่มบรรจุขวดจำนวน 100 โหล ให้กับเลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เพื่อนำไปสมทบบริจาคแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)