ตั้งเสียที..."ทวี สอดส่อง" นั่งเลขาฯ ศอ.บต. - ทหารคุมดับไฟใต้
ครม.มีมติตั้ง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” นั่งเลขาธิการ ศอ.บต.ระดับ 11 แล้วหลังตกเป็นข่าวมานาน โยก "ภาณุ อุทัยรัตน์" ซึ่งตั้งสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ ด้าน กอ.รมน.เป็นเจ้าภาพจัดเวิร์คชอปบูรณาการดับไฟใต้ จัดโครงสร้างใหม่เป็นบอร์ด 2 ชั้น ระดับนโยบายให้ "โกวิท" นั่งประธาน ส่วนระดับพื้นที่ให้แม่ทัพภาค 4 คุมเบ็ดเสร็จ อ้างเพื่อเอกภาพ ผบ.ทบ.ยันทหารไม่ได้เอางบมาถือ ย้ำเงินยังอยู่ในมือกระทรวง ทบวง กรม ยืนยันไม่ถอนทหาร ฉะมีกระบวนการมุ่งให้เกิดความรุนแรง
ในที่สุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีมติแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขึ้นเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คนใหม่ หลังจากมีข่าวลือว่าจะให้ พ.ต.อ.ทวี ไปดำรงตำแหน่งนี้มานานนับเดือนตั้งแต่ตั้งรัฐบาลใหม่ๆ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 18 ต.ค.2554 ว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับโอน นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และแต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.แทน
ทั้งนี้ ตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 เทียบเท่าปลัดกระทรวง การแต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี ขึ้นเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.จึงทำให้เขาผงาดจากระดับ 10 ขึ้นระดับ 11 และนับเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.คนที่ 2 ต่อจากนายภาณุ อุทัยรัตน์ นับตั้งแต่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ พ.ร.บ.ศอ.บต.มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่่ 30 ธ.ค.2553 ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
พ.ต.อ.ทวี เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน (นรต.) รุ่น 37 สมัยยังสวมเครื่องแบบสีกากี เขามีความโดดเด่นในงานด้านสืบสวนปราบปราม เคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ 2 กองปราบ (ผกก.2 ป.) หรือตำแหน่งผู้กำกับประเทศไทย และขึ้นเป็นรองผู้บังคับการกองปราบ ก่อนโอนย้ายไปสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม และขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ตามด้วยรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ส่วน นายภาณุ เป็นข้าราชการระดับ 11 อีกรายหนึ่งที่ถูกโยกย้ายในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นระดับ 11 คนที่ 2 ที่ถูกเด้งไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ต่อจาก นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
นายภาณุ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ เมื่อรู้ตัวเรื่องถูกโยกย้ายว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรและไม่ได้คิดอะไรมาก การเป็นข้าราชการประจำต้องพร้อมทำงานให้ได้ทุกตำแหน่ง และไม่ได้มีปัญหาอะไรกับรัฐบาล พร้อมทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
"โกวิท"เปิดประชุมบูรณาการดับไฟใต้
วันเดียวกัน ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คชอป) แก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 รอให้การต้อนรับ
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวในพิธีเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า ความเป็นเอกภาพในกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4 รับผิดชอบปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) ยังไม่ชัดเจน เพราะบางองค์กรมีอิสระ มีกฎหมายของตัวเอง แต่อยากทำเข้าใจว่าโครงสร้างของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นเรื่องของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ไม่ใช่ทหารอย่างเดียว การประชุมมีเป้าหมายเชิงบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาภาคใต้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความชัดเจน จะได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
โครงสร้างใหม่ระดับปฏิบัติการทหารคุมเบ็ดเสร็จ
สำหรับการจัดตั้ง “องค์กรบริหาร” เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่ กอ.รมน.เสนอ และรัฐบาลให้ความเห็นชอบไปแล้วนั้น จะมีคณะกรรมการ หรือ "บอร์ด" 2 ระดับ คือระดับนโยบาย ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ นชต. มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการ สมช. รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.รมน. หมายถึงผู้บัญชาการทหารบก) และเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นรองประธานกรรมการ นอกจากนั้นยังมีหัวหน้าส่วนราชการอีก 27 หน่วยงานร่วมเป็นกรรมการ
ส่วนในระดับพื้นที่ (สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา) ให้จัดตั้งคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กบชต.เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการบูรณาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยมีแม่ทัพภาค 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธาน และมีผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา รวมทั้งผู้แทน ศอ.บต.และผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นรองประธาน มีกรรมการได้แก่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างสันติสุข และผู้แทนศูนย์ข่าวกรองจังหวัดชายแดนภาคใต้
"ประยุทธ์"แจงทหารไม่ได้แย่งงบมาถือ
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมานาน การแก้ไขปัญหาทุกคนจะต้องเข้าใจร่วมกันว่าการต่อสู้เชิงความคิดไม่ได้เป็นการต่อสู้ด้วยการเอากำลังมารบกันตามปกติ และในพื้นที่ยังมีกลุ่มต่างๆ ที่ร่วมก่อความรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้สถานการณ์ภาคใต้แย่ลงไปอีกในสายตาประชาชนและต่างชาติ สิ่งที่เป็นห่วงคือความเข้าใจของทุกหน่วยงานที่รัฐบาลสั่งการลงไป
"ฉะนั้นการบูรณาการตามแนวทางใหม่ไม่ได้หมายความว่าทหาร หรือ กอ.รมน.จะเข้าไปก้าวก่ายกระทรวง ทบวง กรมของท่าน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการขับเคลื่อนในระดับรัฐบาล โดยมีกระทรวงทั้งหมด 19 กระทรวง และหน่วยงานกลางระดับสำนักงาน 11 หน่วยงาน ซึ่งจะขับเคลื่อนโดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ.โกวิท) เป็นประธาน เป็นการทำงานระดับบนเพื่ออุดช่องว่างเรื่องงบประมาณต่างๆ ที่เคยมีปัญหาอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า
“ผมไม่ได้เอางบประมาณของพวกท่านมาถือ งบประมาณยังอยู่กับท่านเหมือนเดิม เพียงแต่ว่างบประมาณทั้งหมดจะต้องนำมาเปิดดูว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ขอทำความเข้าใจว่า งบประมาณของ กอ.รมน.ไม่ได้มีเหลือเฟืออย่างที่เข้าใจ งบประมาณ 60-70% เป็นงบของกำลังพล เรื่องความมั่นคงต้องให้ทหารดูแลเป็นหลัก เพราะในต่างประเทศเวลาเกิดความไม่มั่นคงหรือเกิดสงคราม ทหารจะเป็นหลักในการดูแล โดยครั้งนี้ได้ให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแล หากในพื้นที่เข้มแข็ง ทหารก็พร้อมถอนกำลังออกมา"
"หากบอกว่าให้ถอนทหารออกไปแล้วเหตุการณ์สงบ ใครจะรับรองตรงนี้ เพราะมีพวกที่มุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง เรื่องนี้มันมีกระบวนการ ทหารพยายามทำทุกอย่างให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจหลายหมื่นนายอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี หากพบว่าใครไม่ดีก็ปรับย้ายออกไป อย่าบอกว่าใครเก่งกว่าใคร ผมไม่ได้เก่งกว่าท่าน ท่านก็ไม่ได้เก่งกว่าผม เราต้องเอาหัวมาชนกันเพื่อแก้ไขปัญหา” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า การขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่ใช่เอาทหารมานำการเมือง และจะไม่ไปยุ่งกับงบประมาณของกระทรวง ทบวง กรม ทุกคนทำงานก็คาดหวังให้ภาคใต้สงบ จะได้นำงบไปทำอย่างอื่นให้กับประเทศ เช่น สร้างเขื่อนในแม่น้ำเจ้าพระยายังดูดีกว่า ใครเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหา ทหารอยู่ภายใต้กลไกของรัฐ ไม่มีปัญหา การแก้ไขปัญหาทุกฝ่ายต้องช่วยกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
ขอบคุณ : ข่าวในส่วนของ พล.ต.อ.โกวิท และ พล.อ.ประยุทธ์ จากสำนักข่าวเนชั่น โดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์ ผู้สื่อข่าวสายทหาร