บึ้มยะลา 20 จุดกู้ได้ 3 ตาย-เจ็บระนาว คนร้ายสังเวยด้วย กอ.รมน.เชื่อไม่เกี่ยว 7 ปีตากใบ
ใต้เดือดวันครบรอบ 7 ปีตากใบ วางระเบิดในเขตเมืองยะลา 20 ลูก บึ้มสนั่น 17 ลูก กู้ได้ 3 ตาย 3 เจ็บครึ่งร้อย เผยจุดเกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและย่านการค้า แถมไฟดับหลายจุดทำอลหม่านทั้งเมือง แฉคนร้ายสังเวยด้วย 1 ศพเหตุระเบิดทำงานผิดพลาด กอ.รมน.แจงหวังตอบโต้การทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ไม่ให้น้ำหนัก 7 ปีเหตุการณ์ตากใบ เชื่อหวังสร้างข่าวกลบน้ำท่วม
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อนแรงขึ้นอีกครั้งในวันครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยเมื่อเวลา 18.30 น.จนถึงเวลา 20.30 น.ของวันอังคารที่ 25 ต.ค.2554 ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นในเขต อ.เมือง จ.ยะลา เกือบ 20 จุด โดยระเบิดลูกแรกดังขึ้นที่บริเวณถนนศรีปุตรา 1 ถนนสิโรรส ในเขตเทศบาลนครยะลา หลังจากนั้นก็มีระเบิดตามมาเป็นระลอก ทิ้งช่วงกันราว 5-10 นาทีต่อ 1 ลูก
ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุเท่าที่รวบรวมได้จนถึงเวลา 21.30 น.ได้แก่ ถนนศรีปุตราย่านตลาดเก่า, ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนเทศบาล 1, ที่หน้าร้านแซบอีสาน 2 ถนนผังเมือง 6 หลังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.), ร้านข้าวต้มคนจน หัวมุมถนนรวมมิตร, หน้าโรงแรมโคล่า, หน้าเซ็นจูรี่ผับ โรงแรมปาร์ควิว, สี่แยกซุ้มเบียร์ถนนรวมมิตร, หน้าโรงแรมยะลารามา ถนนศรีบำรุง, หน้าร้านเก่งเครื่องเขียน ถนนอาคารสงเคราะห์ ใกล้สำนักงานเขตการศึกษา, หน้าตลาดผลไม้ตลาดเมืองใหม่ ถนนเปรมจิตต์-สุรพันธ์, หน้าร้านฟูดเซ็นเตอร์ ถนนสิโรรส, ร้านสะดวกซื้อซอย 11 ถนนผังเมือง 4, ร้านโชว์ไทม์สี่แยกถนนจงรักษ์, หน้าสำนักเขตการศึกษาที่ 12, ร้านยะลาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส, ถนนปิติอุทิศ หน้าโรงแรมเทพวิมาน และหน้าตลาดสดผังเมือง 4 ถนนผังเมือง 4 โดยขณะเกิดเหตุปรากฏว่าไฟฟ้าดับหลายพื้นที่ในเขตเทศบาล ทำให้เมืองทั้งเมืองอลหม่าน สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว
ขณะที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (ศจฉ.กอ.รมน.ภาค 4 สน.) รายงานเมื่อเวลา 21.40 น.ว่า เกิดเหตุระเบิดทั้งหมด 17 จุด เจ้าหน้าที่กู้ได้สำเร็จ 3 จุด (รวมคนร้ายวางระเบิด 20 จุด) มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บประมาณ 50 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 15 คน ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
เปิดรายชื่อคนเจ็บสาหัส 15 ไม่สาหัสอีกเพียบ
สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บที่อาการสาหัส ได้แก่ 1.นายเศรษฐวุฒิ ทองจีน อายุ 17 ปี 2.นายซารียะ ดุลยเสรี 3.นายฉลองชัย สายกะทะ 4.นางสร้อยแก้ว หงวนฝัน 5.นายพงษ์เทพ แซ่ซิ้ม 6.นางรีกาญจน์ ไม่ทราบนามสกุล 7.นายสุเทพ ผ่องสุวรรณ 8.นายเจริญ แซ่เล่า 9.นางสุวรรณา ศรีเดช 10.น.ส.ขวัญชนก รักษ์ทอง 11.นางสุภาวดี ทองเพชร 12.นายสุรศักดิ์ สันติธัญญาโชค 13.นายซุลกิพลี ไม่ทราบนามสกุล 14.นางมารีแย สุหลง 15.หญิงไม่ทราบชื่อ ทั้งนี้ นายเศรษฐวุฒิ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสอีกจำนวนมาก เฉพาะที่ทราบชื่อ อาทิ ด.ญ.กัลยกร สุวรรณชาตรี, นายกัมปนาท สุวรรณชาตรี, ด.ญ.ศิริวิภา สายอาทร, นายชนา ยานุมาศยุคล, นางโสภา วรวัฒนวิชัย, นายทรงพล คงนะ, นายกิตติพัฒน์ อารีรักษ์, น.ส.จงใจ วงศ์คำอินทร์, น.ส.ณิชิกร มอคำ, นางพิไล เลากาวงศ์, น.ส.ขนิษฐา สายยะนะ, นายอาชิยา ดุลยเสรี, นายโชติวิทย์ สังข์แก้ว, นายบุญช่วย สังข์แก้ว, นางพงศ์กฤษณ์ แก้ววิจิตร, นายอาวุธ ชมจันทร์ เป็นต้น
มีรายงานด้วยว่า ผู้เสียชีวิตหนึ่งใน 3 รายนั้น คือคนร้ายที่นำระเบิดไปวางย่านตลาดเก่า ถนนศรีปุตรา แต่เกิดความผิดพลาดทำให้ระเบิดทำงานก่อนเวลาจนตัวตาย
กอ.รมน.ไม่ให้น้ำหนัก 7 ปีตากใบ เชื่อสร้างข่าวกลบน้ำท่วม
พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้มี 3 ประเภท คือ มอเตอร์ไซค์บอมบ์ (ติดตั้งระเบิดในรถจักรยานยนต์) ระเบิดแสวงเครื่องจุดระเบิดด้วยการตั้งเวลา และระเบิดแสวงเครื่องจุดระเบิดด้วยการใช้วิทยุสื่อสาร โดยเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจุดแรกที่ถนนศรีปุตรา ย่านตลาดเก่านั้น เป็นระเบิดชนิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ มีพยานยืนยันว่าผู้เสียชีวิตอาจเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุเอง เนื่องจากในขณะระเบิดผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว
พล.ต.อัคร กล่าวอีกว่า การก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มก่อความไม่สงบในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐใน 2 เรื่องหลัก คือ 1.เจ้าหน้าที่ได้กดดันปิดล้อมจับกุมแนวร่วมและผู้ก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการได้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา จนสามารถสอบสวนหาข้อมูลเครือข่ายผู้ก่อความไม่สงบได้เป็นจำนวนมาก และ 2.ตอบโต้การใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เป็นเครื่องมือในการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม
ส่วนประเด็นครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์ตากใบนั้น อาจเป็นส่วนหนึ่งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุนำเอาวันที่ 25 ต.ค.มาเป็นสัญลักษณ์
แหล่งข่าวซึ่งเป็นนายทหารใกล้ชิดแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องครบรอบ 7 ปีตากใบ และคิดว่าไม่น่าเป็นการก่อเหตุด้วยเหตุผลนี้ เมื่อพิจารณาจากลักษณะการก่อเหตุที่ใช้ระเบิดลูกเล็ก ไม่ใช่ลูกใหญ่ อานุภาพไม่ร้ายแรงมาก แต่เน้นเรื่องจำนวน เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบให้ดังกว่าข่าวน้ำท่วมมากกว่า หลังจากข่าวของขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรงเงียบหายไปจากสื่อเนื่องจากเจอกระแสน้ำท่วมกลบ
อนึ่ง เหตุการณ์ตากใบที่มีการพูดถึงกันนั้น คือเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสลายการชุมนุมของพี่น้องมุสลิมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมและเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมโดยวิธีถอดเสื้อมัดมือไพล่หลังเรียงซ้อนกันบนรถยีเอ็มซี เพื่อนำไปสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รวม 85 ราย ขณะที่กระบวนการยุติธรรมไม่อาจเอาผิดการกระทำที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากนี้ได้ แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ตาม
ภาคประชาสังคมแถลงประณามผู้ก่อการ
หลังเกิดเหตุไม่นาน มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ใช้ความรุนแรงในการก่อเหตุร้าย โหดร้าย มุ่งประสงค์ต่อผู้บริสุทธิ์และสร้างความเสียหายต่อสาธารณะในครั้งนี้ ทั้งยังขอให้ผู้ก่อเหตุร้ายยุติการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ที่สร้างความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยต่อสาธารณชน เพราะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถสร้างความชอบธรรมในการเรียกร้องความเป็นธรรมได้
นอกจากนั้น ยังขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงดังกล่าวทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขมาตรการความปลอดภัยให้มีมาตรฐานสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีแนวโน้มการใช้วัตถุระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงและมีความถี่ของการก่อเหตุมากขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมีความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุและสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ และปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เคารพต่อหลักการกฎหมาย สิทธิมนุษยชน และการใช้เครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ
ดักยิงทหารวัย 53 ปางตายขณะขี่รถไปทำงาน
ด้านเหตุรุนแรงอื่นๆ ในรอบวัน เวลา 08.10 น.คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง จ.ส.อ.สมพร แก้วทองประคำ อายุ 53 ปี สังกัดจังหวัดทหารบกปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 บ้านนาประดู่ หมู่ 1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กระสุนถูกบริเวณศีรษะ 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะ จ.ส.อ.สมพร ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนอยู่บนทางหลวงแผ่นดินสาย 409 ท้องที่บ้านชะเมา หมู่ 2 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยแต่งกายนอกเครื่องแบบ เพื่อเดินทางไปทำงานที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 09.45 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.กฤษณะพงษ์ แพทย์สิทธิ์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน (สว.สส.) สภ.รามัน จ.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.ต.ประเทือง สุวรรณชาตรี สารวัตรปราบปราม (สวป.) สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน และ พ.ต.ท.เนติธร วัตตธรรม นักวิทยาศาสตร์ (สบ.2) ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 4 หลังในพื้นที่บ้านกำปงบือแน หมู่ 6 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน
ผลการตรวจค้นปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดอาวุธปืนคาร์บิน จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืน เอ็ม 79 ปืนลูกซอง และปืนพกรวม 80 ปลอก ชุดลายพรางของทหารจำนวน 2 ชุด และหมวกลายพราง 1 ใบ จึงได้เก็บหลักฐานจากคนในบ้านไปตรวจเทียบดีเอ็นเอต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลากำลังลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดส่งห้องไอ.ซี.ยู. (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
หมายเหตุ : ภาพผ่านการปรับแต่งโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา เพื่อลดการสื่อสารความรุนแรง