น้ำลดระเบิดผุด ยิงปลัด อบต.หญิงดับ ผู้ค้ายะลาโวย"เซฟตี้โซน" นายกฯลงใต้แค่หาดใหญ่
ใต้เริ่มป่วนทันทีหลังน้ำลด ดักบึ้มทหารดับ 1 เจ็บ 1 ที่ธารโต ประกบยิงปลัด อบต.หญิงดับคารถที่บาเจาะ นักการเมืองท้องถิ่นตกเป็นเป้าความรุนแรงเพียบ ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงตามรวบแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับสั่งการ ด้านผู้ค้ายะลาปิดถนนประท้วงมาตรการ "เซฟตี้โซน" ส่วนนายกฯลงใต้แค่หาดใหญ่ ศาลสั่งสหกรณ์ครูยะลาคืนสิทธิ "มะยาเต็ง" ที่หายสาบสูญไปหลายปี
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงปลายเดือน พ.ย.ต่อต้นเดือน ธ.ค.2554 เริ่มมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปรายภายหลังอุทกภัยเริ่มคลี่คลาย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.เวลา 15.35 น.คนร้ายจำนวน 4 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ประกบยิง น.ส.อรุณ บัวจุด อายุ 39 ปี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคารถของ อบต.ขณะเดินทางกลับบ้านในพื้นที่ อ.บาเจาะ เหตุเกิดบนทางหลวงสาย 4168 บ้านกือดายือริง หมู่ 8 ต.ปะลุกาสาเมาะ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้รุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอนูวา สาและ คนขับรถของ อบต.ได้ขับรถกระบะของ อบต.ปะลุกาสาเมาะ เพื่อไปส่ง น.ส.อรุณ กลับบ้าน เมื่อถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณหน้าตลาดนัด มีประชาชนจอดรถจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก ทำให้ นายอนูวาต้องชะลอรถ จังหวัดนั้นเองคนร้าย 4 คนได้ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันตามประกบ แล้วใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิงใส่หลายนัด กระสุนถูก น.ส.อรุณ เสียชีวิตคาที่ ส่วนนายอนูวาวิ่งหนีลงจากรถ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ก็ไม่ตัดทิ้งการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ดักบึ้มทหารชุดลาดตระเวนที่ธารโตดับ 1 เจ็บ 1
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค.เวลา 08.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดทหารชุดลาดตระเวนเดินเท้าเพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทางและดูแลความปลอดภัยครู สังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 เหตุเกิดบนถนนสายชนบทหน้ามัสยิดบ้านบัวทอง หมู่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา
ทั้งนี้ แรงระเบิดทำให้ พลทหารเกรียงไกร พรหมฝาย อายุ 22 ปี เสียชีวิต และพลทหารสยาม แซ่เล้า อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บ โดยระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล่องเหล็ก วางไว้บริเวณเสาหลักริมถนน จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่
ต่อมาวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดพุทธภูมิพระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.โชค เพิกโสภณ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพพลทหารเกรียงไกร โดยมีข้าราชการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง คณะครู และประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับครอบครัวจำนวน 5 แสนบาท ก่อนจัดพิธีส่งศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของ พลทหารเกรียงไกร ที่ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน
ดักสังหารรองนายก อบต.ที่ยะรัง-สมาชิก อบต.ที่เจาะไอร้อง
วันพุธที่ 30 พ.ย.เวลา 22.00 น.คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะกอเซ็ง อีปง อายุ 39 ปี รองนายก อบต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 43 บ้านบาซาเวาะเซ็ง หมู่ 2 ต.ปิตูมุดี ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตขณะพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดบริเวณปากทางเข้ามัสยิดบ้านบาซาเวาะเซ็ง หมู่ 2 ต.ปิตูมุดี ขณะนายมะกอเซ็งกำลังขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น
วันอังคารที่ 29 พ.ย.เวลา 20.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะรีเพ็น เจ๊ะมุ อายุ 49 ปี สมาชิก อบต.บูกิต อยู่บ้านเลขที่ 40/1 บ้านเจาะเกราะ หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กระสุนเข้าจุดสำคัญทำให้นายมะรีเพ็นเสียชีวิต เหตุเกิดขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนภายในหมู่บ้านเจาะเกราะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
รวบแกนนำกลุ่มป่วนใต้ระดับสั่งการที่ยะรัง
ด้านปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันพุธที่ 30 พ.ย.หน่วยเฉพาะกิจตปัตตานี 21 จัดกำลังร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและบุคคลเป้าหมาย โดยปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 58/4 บ้านกอตอรานอ บ้านย่อยบ้านโคกหญ้าคา หมู่ 1 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ผลการตรวจค้น สามารถควบคุมตัว นายมูฮำมัด จิใจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/2 บ้านบาซากาจิ หมู่ 2 ต.กระโด อ.ยะรัง ซึ่งจากแฟ้มประวัติของฝ่ายความมั่นคงระบุว่าเป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบระดับสั่งการ และทำหน้าที่เป็นครูฝึก ทั้งยังเป็นผู้ต้องสงสัยคดียิงผู้เจ้าหน้าที่ทหารชุดตรวจเลือกทหารที่ อ.ยะรัง เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2552 ด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21
ผู้ค้ายะลาปิดถนนประท้วง"เซฟตี้โซน"
ด้านความคืบหน้าการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในย่านการค้า เขตเทศบาลนครยะลา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดกว่า 30 จุดใน อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยฝ่ายความมั่นคงได้สร้าง "เขตปลอดภัย" หรือเซฟตี้ โซน (Safety Zone) บนถนนรวมมิตรซึ่งเป็นย่านการค้า ด้วยการจัดการจราจรแบบเดินรถทางเดียว (วันเวย์) และอนุญาตให้รถเข้าพื้นที่ได้เพียง 5 เส้นทาง มีทางออก 11 ช่องทาง และให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งกองกำลังภาคประชาชนกว่า 200 นาย คอยตรวจสอบรถทุกคันที่จะเข้า-ออกอย่างละเอียดนั้น
ล่าสุดมาตรการดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ค้า ถึงขั้นออกมารวมตัวปิดถนนประท้วง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.บริเวณปากซอยสองพี่น้อง หน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้า ถนนรวมมิตร ได้มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมกว่า 100 คน นำแผงเหล็กมากั้นถนนรวมมิตร และชูป้ายเขียนข้อความว่า "ไม่ได้สร้างปัญหา แต่ว่าเดือดร้อน ค้าขายไม่ได้" , "ขอบคุณสำหรับความปลอดภัย แต่ขอให้คิดถึงปากท้องด้วย" , "ซื้อไม่ได้ ขายไม่ออก" และ "เซฟตี้โซน คิดดีแต่ต้องมีทางเข้าและออกหลายทาง"
หลังจากนั้น นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และ นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพูดคุยกับกลุ่มผู้ค้า พร้อมนัดให้ไปรวมตัวให้ข้อมูล และพูดคุยเพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงยอมเปิดถนนและสลายตัวไป
น.ส.หทัย บุญโชติ ตัวแทนกลุ่มผู้ค้า กล่าวว่า มาตรการที่ทำขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่พักอาศัยบริเวณถนนรวมมิตรและซอยต่างๆ ในละแวกใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง การจราจรไม่คล่องตัว การค้าขายก็ซบเซา กระทบกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ดี ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่พยายามวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย แต่อยากขอให้ปรับปรุงเพื่อความสะดวกในการสัญจรและให้การค้าขายราบรื่นขึ้น
"โกวิท"ไปรามัน-นายกฯลงใต้ครั้งแรกแค่หาดใหญ่
ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง วันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ และปกครองในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรอให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนบินกลับไปรับฟังบรรยายสรุปที่ ศชต.โดยเฉพาะการติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เช่นกัน และเป็นการล่องใต้ครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งผู้นำประเทศ แต่ไปแค่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่ได้ไปถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ภารกิจของนายกฯที่ อ.หาดใหญ่ คือเป็นประธานเปิดงาน “5 ธันวาฯ รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพร” ที่ลานจัตุรัสนครหาดใหญ่ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยมีข้าราชการ และประชาชนมารอต้อนรับกว่า 2,000 คน รวมทั้งชาวบ้านมุสลิมจากหมู่บ้านคนเสื้อแดงแห่งแรกของภาคใต้ ตั้งอยู่หมู่ 5 ต.คู อ.จะนะ จ.สงขลา และเครือข่ายคนเสื้อแดงของ จ.สงขลา มารอต้อนรับอย่างคึกคักด้วย
หลังจากนั้น นายกฯได้พบปะกับตัวแทนภาคธุรกิจและภาคเอกชนของ จ.สงขลา ที่โรงแรมซากุระแกรนด์วิว ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจเอกชน โดยข้อเรียกร้องของภาคเอกชนคือ
- ต้องการให้ขยายพื้นที่ด่านพรมแดนสะเดา (อ.สะเดา จ.สงขลา) ซึ่งเป็นด่านที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดในประเทศประมาณ 4.2 แสนล้านบาทต่อปี เพราะปัจจุบันคับแคบ ทำให้ล่าช้าทั้งการขนส่งสินค้าและการเข้า-ออกของนักท่องเที่ยว
- ขยายถนนกาญจนวนิช (หาดใหญ่-สงขลา) เป็นมอเตอร์เวย์
- เร่งสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล เชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน
- โครงการรางรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูงในภาคใต้
- โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ด
- เปิดเส้นทางบินใหม่ พร้อมเร่งสานต่อโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
ศาลสั่งสหกรณ์ครูยะลาจ่ายเงินครอบครัว "มะยาเต็ง"
มีรายงานจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งทำงานด้านการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ศาลจังหวัดยะลาได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.865/2554 ลงวันที่ 1 พ.ย.2554 ให้สหกรณ์ครูจังหวัดยะลารับ นายมะยาเต็ง มะรานอ กลับเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยะลา และให้สหกรณ์ฯดำเนินการจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน รวมทั้งจ่ายเงินตามสิทธิในฐานะสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ผู้เสียชีวิต และจ่ายเงินเรือนหุ้นคืนให้กับครอบครัวนายมะยาเต็ง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายครอบครัวนายมะยาเต็งต้องชำระค่าหุ้นของนายมะยะเต็งเดือนละ 500 บาทตั่งแต่เดือน ก.ค.2550 ถึง ก.ย.2552 รวมเป็นเงิน 13,500 บาทด้วย ขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูยะลามีหน้าที่ชำระเงินคืนทั้งสิ้น 967,250 บาทให้แก่โจทก์ ซึ่งก็คือภรรยาและบุตร 2 คนของนายมะยาเต็ง
คดีนี้ นางซูมะอิเด๊าะ มะรานอ ภรรยา และบุตรของนายมะยาเต็งซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับนานหลายปี ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยะลา กรณีคณะอนุกรรมการติดตามหนี้สหกรณ์ครูยะลาได้มีมติ ครั้งที่ 11/2550 ลงวันที่ 12 พ.ย.2550 ให้นายมะยาเต็งออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ (หลังจากหายตัวไป) โดยอ้างว่านายมะยาเต็งในฐานะสมาชิกของสหกรณ์ยะลาผิดนัดชำระหนี้ และให้ยึดเอาทุนเรือนหุ้นบังคับชำระหนี้กู้ยืม แม้ว่าเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2552 ศาลจังหวัดยะลาได้มีคำสั่งให้นายมะยาเต็งเป็นบุคคลสาบสูญตามกฎหมาย อันทำให้สิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบที่ผู้ตายจะต้องได้รับนับยังคงมีสมบูรณ์ แต่โจทก์ในฐานะทายาทตามกฎหมายกลับไม่ได้รับสิทธิในการรับเงินปันผลจากหุ้นและเงินเฉลี่ยคืนเมื่อนายมะยาเต็งเสียชีวิต (การเป็นบุคคลสาบสูญเท่ากับเสียชีวิตในทางกฎหมาย) รวมทั้งเงินจากกองทุนสงเคราะห์สมาชิกผู้เสียชีวิต รวมถึงสิทธิอื่นๆตามข้อบังคับหรือระเบียบของสหกรณ์ครูยะลา
อย่างไรก็ดี สหกรณ์ออมทรัพย์ครูยะลายังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายใน 30 วัน
สำหรับนายมะยาเต็ง เป็นภารโรงโรงเรียนบ้านบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ปิดล้อม ตรวจค้น และควบคุมตัวนายมะยาเต็งพร้อมรถยนต์ของเขาไปเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2550 จากนั้นนายมะยาเต็งก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เป็นครั้งแรก แต่ไปแค่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่ได้เลยไปที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)
2 พิธีรดน้ำศพ พลทหารเกรียงไกร พรหมฝาย
3 ผู้ค้ายะลาประท้วงปิดถนนให้ปรับปรุงมาตรการ "เซฟตี้ โซน"
4 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา
หมายเหตุ : ภาพที่ 2-4 โดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์