รัฐต่ออายุ พ.ร.ก. สั่งดึงภาคประชาชนร่วมประเมินผล ลุ้นศาลสั่งล็อตแรกเข้าอบรม ม.21
รัฐบาลต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน แต่เพิ่มเงื่อนไขให้ กอ.รมน.กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งให้ดึงภาคประชาชนร่วมประเมินผลก่อนพิจารณาขยายเวลาครั้งต่อไป ขณะที่ศาลนาทวีนัดพิจารณาสั่งบุคคลเป้าหมายเข้ารับการอบรมแทนดำเนินคดีกลุ่มแรก 4 คนเข้ากระบวนการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 14 ธ.ค. ใต้ยังระอุมอเตอร์ไซค์บอมบ์ถล่มทหารพรานที่โคกโพธิ์ ส่วนรือเสาะป่วนระเบิดฐานทหาร 2 แห่งหวังบุกเข้าโจมตีแต่ผิดแผน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 13 ธ.ค.2554 ได้อนุมัติขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ออกไปอีก 3 เดือน ซึ่งนับเป็นการขยายเวลาครั้งที่ 26 หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องในพื้นที่นี้มาตั้งแต่เดือน ก.ค.2548 หรือนานกว่า 6 ปีเต็ม
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ครม.ได้อนุมัติขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2554 ถึงวันที่ 19 มี.ค.2555 โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดำเนินการ และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ความสำคัญเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนภายใต้ภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รวมถึงกฎกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้น ยังให้มีการประเมินผลการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยในการขยายเวลาครั้งต่อไปให้ กอ.รมน.นำองค์กรภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ประเมินผลด้วย รวมทั้งให้ติดตามการสั่งของศาลในการนำบุคคลเป้าหมายเข้าสู่กระบวนการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ) ตลอดจนการเข้ารับการอบรมตามคำสั่งของศาลตามโครงการนำร่องในพื้นที่เสี่ยง 4 อำเภอของ จ.สงขลา มาประกอบด้วย ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้ภาครัฐสามารถใช้เป็นยุทธวิธีเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะนำไปสู่การประเมินรายละเอียดในรายพื้นที่ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในบางพื้นที่ต่อไป
ลุ้นศาลสั่งบุคคลเป้าหมาย 4 รายแรกเข้ากระบวนการ ม.21
มีรายงานว่า ในวันพุธที่ 14 ธ.ค.2554 ศาลจังหวัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา นัดพิจารณาว่าจะมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคง เข้ารับการอบรมตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่ ซึ่งนับเป็นกรณีแรกตั้งแต่รัฐบาลประกาศให้พื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
ทั้งนี้ มาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กำหนดให้ศาลสามารถสั่งให้บุคคลเข้ารับการ "ฝึกอบรม" อยู่ภายใต้การดูแลของ กอ.รมน.ได้เป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน เมื่อปรากฏเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1.ครม.มีมติตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ให้อำนาจ กอ.รมน.ดำเนินการภายในเขตพื้นที่ที่กำหนด
2.เมื่อปรากฏว่าบุคคลใดต้องหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามที่ ครม.กำหนด แต่ผู้นั้นกลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนแล้วปรากฏว่าบุคคลนั้นได้กระทำไปเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และการเปิดโอกาสให้บุคคลนั้นกลับตัวจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
โดยขั้นตอนการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ได้แก่
1.พนักงานสอบสวนส่งสำนวนรายงานการสอบสวนและความเห็นไปให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน. - กรณีจังหวัดชายแดนภาคใต้ หมายถึง ผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งก็คือแม่ทัพภาคที่ 4)
2.เมื่อ ผอ.รมน.เห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวน และตรงกับเงื่อนไขข้างต้นครบถ้วน ให้ ผอ.รมน.ส่งบันทึกสำนวนพร้อมความเห็นไปยังพนักงานอัยการ
3.พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงให้ ผอ.รมน.เพื่อเข้ารับการอบรม
4.หากผู้ต้องหายินยอมเข้ารับการอบรมและปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ และศาลเห็นสมควร ศาลจะสั่งให้ส่งผู้ต้องหานั้นให้ ผอ.รมน.เพื่อเข้ารับการอบรมเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน รวมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ ที่ศาลกำหนด
5.เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ารับการอบรม รวมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ ที่ศาลกำหนดเสร็จสิ้น ผลคือสิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องผู้ต้องหาเป็นอันระงับไป
สำหรับบุคคลที่ต้องหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่กลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนแล้วปรากฏว่าบุคคลนั้นได้กระทำไปเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กลุ่มแรกที่จะเข้าสู่กระบวนการให้ศาลพิจารณาและสั่งเข้ารับการอบรมเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน มีอยู่ด้วยกัน 4 ราย ซึ่งคาดว่าศาลจังหวัดนาทวีจะมีคำสั่งในวันเดียวกันนี้ (14 ธ.ค.)
มอเตอร์ไซค์บอมบ์ที่โคกโพธิ์ทหารพรานสาหัส
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดวันอังคารที่ 13 ธ.ค.ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 14.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์ดักสังหารชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4203 กำลังพล 11 นาย ขณะลาดตระเวนเดินเท้าเพื่อรักษาความปลอดภัยให้คณะครู บนถนนสายชนบทใกล้โรงเรียนบ้านป่าบอน หมู่ 1 ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) นราธิป ชูโชติ อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบสวนจนทราบว่า คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายใน ไปจอดไว้ข้างทาง เมื่อทหารพรานชุดดังกล่าวลาดตระเวนผ่าน จึงกดจุดชนวนระเบิดจน อส.ทพ.นราธิป ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้ฝ่ายทหารพรานยิงตอบโต้กระทั่งคนร้ายล่าถอยไป กระสุนจากการปะทะไปถูกบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายเล็กน้อย และเศษกระเบื้องได้ตกใส่ศีรษะ นางอามีเนาะ สายอ อายุ 40 ปีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนได้รับบาดเจ็บด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
จ่อยิงทหารพรานดับคาบ้านที่ยะลา
ก่อนหน้านั้น เวลา 14.10 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.จรัส ชิณนะพงศ์ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน (รอง ผกก.สส.) สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ 6 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 (ยะลา-ปัตตานี) เป็นบ้านยกพื้นเลขที่ 3/1 หมู่ 6 ต.ยุโป พบศพ นายอารัญ อาแว อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 หมู่ 1 ต.บุดี อ.เมืองยะลา สภาพศพนุ่งโสร่ง ไม่สวมเสื้อ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าบริเวณแผ่นหลังและศีรษะรวม 3 นัด เสียชีวิตคาที่ ในที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนตกอยู่ 3 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า นายอารัญเป็นอาสาสมัครทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 47 ก่อนเกิดเหตุเพิ่งออกเวรและเดินทางกลับมาพักที่บ้านหลังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของภรรยา โดยขณะนั้นฝนตก นายอารัญจึงนั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านเพียงลำพัง จากนั้นมีคนร้าย 2 คนนุ่งโสร่ง สวมหมวกกะปิเยาะห์ ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเข้าไปที่ใต้ถุนบ้าน ทำทีเป็นหลบฝน เมื่อนายอารัญเผลอ คนร้ายได้ชักอาวุธปืนพกออกมาจ่อยิงศีรษะนายอารัญจนล้มลง และยิงซ้ำที่แผ่นหลังอีก 2 นัดจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ช่วงเช้าวันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกประกบยิง นายวิรัช บำรุงวงศ์ อายุ43ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 1ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา อาชีพช่างกลึง ทำงานอยู่ในโรงกลึงในเขต อ.เมืองปัตตานี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (ปัตตานี-หาดใหญ่) บริเวณสามแยกเข้าเมืองปัตตานี ท้องที่หมู่ 1 บ้านดอนรัก ต.ดอนรัก อ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุล้างแค้นส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ระเบิด-เอ็ม 79 ถล่มฐานทหาร 2 แห่งในรือเสาะ
ที่ จ.นราธิวาส เวลา 02.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบผูกระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูกที่บรรจุในถังแก๊สและกล่องเหล็ก บริเวณกำแพงรั้วหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานปฏิบัติการทหาร กองร้อยทหารราบที่ 15323 (ร้อย ร.15323) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 คาดว่าคนร้ายต้องการให้กำแพงพังเพื่อบุกเข้าไปโจมตีฐานทหาร แต่ระเบิดสร้างความเสียหายไม่มากพอ อย่างไรก็ดี เสียงระเบิดได้ทำให้ทหารในฐานใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้อย่างหนาแน่น ส่งผลให้คนร้ายขว้างระเบิดเข้าไปภายในรั้ว อบต.อีก 1 ลูกก่อนจะล่าถอยไป ระเบิดตกบนหลังคา อบต.ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่บริเวณฐานปฏิบัติการทหารหมวดปืนเล็กที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 คนร้ายคาดว่าเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง มีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่ฐาน 1 นัด แต่กระสุนพลาดเป้า ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับอันตราย นอกจากนั้นตามรายทาง ยังมีคนร้ายอีกกลุ่มตัดต้นไม้ขวางถนนด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการก่อเหตุใหญ่ในลักษณะปล้นฐานทหาร แต่ปฏิบัติการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะระเบิดไม่แรงพอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : หัวกระสุนที่ตกในที่เกิดเหตุ หลังคนร้ายจ่อยิง นายอารัญ อาแว อาสาสมัครทหารพราน เสียชีวิตคาบ้านในท้องที่ อ.เมือง จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)