ป่วน 6 จุด 2 อำเภอ"ปัตตานี" เผากล้องซีซีทีวี ตู้โทรศัพท์ ถังขยะ น้ำท่วมซ้ำชาวบ้านอ่วม
ใต้เจอป่วนรับปีใหม่ คนร้ายปฏิบัติการก่อกวน 6 จุด 2 อำเภอที่ปัตตานี ทั้งเผาทำลายกล้องวงจรปิด ตู้โทรศัพท์ ถังขยะ และโปรยตะปูเรือใบ ด้านเจ้าหน้าที่ตั้งด่านเข้มตรวจยึดน้ำมันเถื่อนได้ 2 พันลิตร ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังอ่วม ฝนตก-น้ำป่าทะลัก ยะลาหนัก 6 อำเภอ นราธิวาสประกาศภัยพิบัติแล้ว 8 อำเภอ ปัตตานีจมที่มายอ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเทศกาลปีใหม่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย แม้จะมีฝนตกอย่างหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.2555 เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนปฏิบัติการก่อกวนสร้างสถานการณ์หลายจุดในท้องที่ 2 อำเภอ ดังนี้
อ.เมืองปัตตานี
- เผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) จำนวน 2 ตัวขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปูยุด ริมทางหลวงแผ่นดินสาย 410 บ้านรามง หมู่ 1 ต.ปุยุด
- เผาตู้โทรศัพท์ จำนวน 1 ตู้ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 บ้านรามง หมู่ 1 ต.ปุยุด เช่นกัน
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
- เผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบบนถนนสาย 4061 บ้านคงกูวา ต.ปิตูมุดี
- เผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบบนถนนสาย 4061 ช่วงบ้านจาแบปะ หมู่ 4 ต.ระแว้ง
- เผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบบนถนนสาย 4061 บริเวณรอยต่อ อ.ยะรัง กับ อ.มายอ จ.ปัตตานี
- เผาถังขยะที่บ้านราบอ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 อ.ยะรัง
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าปฏิบัติการทั้งหมดเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
อนึ่ง เหตุการณ์คนร้ายเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดคราวละหลายๆ ตัวเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้งในพื้นที่ จ.ปัตตานี ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา เริ่มจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2554 คนร้ายออกตระเวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ อ.สายบุรี ทำให้กล้องเสียหาย 29 ตัว จากนั้นวันที่ 5 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนออกปฏิบัติการก่อกวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 48 ตัว
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนตระเวนลอบวางเพลิงกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่บ้านปูโป๊ะ หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้กล้องเสียหายอีก 29 ตัว และเมื่อวันพุธที่ 7 ธ.ค. คนร้ายก็ลอบเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิดอีก 16 ตัว ในท้องที่ อ.ยะหริ่ง รวม 4 ครั้งมีกล้องถูกทำลายอย่างน้อย 122 ตัว ก่อนจะเกิดเหตุเผาทำลายกล้องวงจรปิดรับปีใหม่ล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค. ทำให้กล้องของ อบต.ปูยุด พังเสียหายไปอีก 2 ตัว
จับน้ำมันเถื่อน 2 พันลิตรคาด่านเกาะหม้อแกง
เวลา 22.45 น.วันเดียวกัน ขณะที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 โดยกองร้อยทหารราบที่ 2532 (ร้อย ร.2532) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี และอาสารักษาดินแดน(อส.) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (หาดใหญ่-ปัตตานี) ที่บ้านเกาะหม้อแกง หมู่ 6 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก อยู่นั้น เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจรถกระบะสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บห 7020 สงขลา พบกระบะท้ายดัดแปลงเป็นถังขนาดใหญ่เพื่อบรรจุน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีจำนวนถึง 2,100 ลิตร จึงควบคุมตัวคนขับรถเอาไว้ ทราบชื่อคือ นายอัสมิน เจะมะ อยู่บ้านเลขที่ 82/2 หมู่ 7 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก และนำตัวนายอัสมินพร้อมของกลางน้ำมันเถื่อนส่ง สภ.หนองจิก เพื่อดำเนินดีตามกฎหมายต่อไป
เวลา 04.50 น.วันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.เช่นกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์เก๋งสีดำเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง นายซาม แฮง เอ็ง อายุ 44 ปี สัญชาติมาเลเซีย ขณะขับรถตู้ทะเบียนมาเลเซียอยู่บริเวณหน้าโรงแรมอัมรินทร์ ถนนประชาวิวัฒน์ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่ถนนประชาวิวัฒน์ ซอย 8 โดยมีบุตรชายวัย 22 ปีและหญิงไม่ทราบชื่อนั่งมาด้วย กระสุนเข้าที่บริเวณลำตัวทำให้นายซาม แฮง เอ็ง ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ใต้อ่วม"ฝนหนัก-น้ำป่าทะลัก"
ด้านสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.2555 นายสุรยุทธ เอี่ยมสอาด ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยายะลา แถลงว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียตอนบน ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไปมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่
ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ในระหว่างวันที่ 1-2 ม.ค.
ยะลาอ่วม 5 อำเภอ-นราฯประกาศภัยพิบัติ 8 อำเภอ
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จ.ยะลา มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.รามัน อ.ยะหา อ.กรงปินัง อ.กาบัง และ อ.บันนังสตา มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวน 728 ครัวเรือน 1,388 คน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ถนนเสียหาย 19 สาย สะพานเสียหาย 4 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย
ที่ จ.นราธิวาส เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.สุไหงปาดี อ.เจาะไอร้อง อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ และ อ.สุคิริน โดยระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1-1.3 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงออกประกาศเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวัง และให้อพยพได้ทันทีหากมีน้ำป่าบนเทือกเขาไหลทะลักลงมา
นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดได้ประกาศพื้นที่ 8 อำเภอเป็นเขตประสบภัยพิบัติแล้ว พร้อมทั้งแจ้งไปยังนายอำเภอทั้ง 8 อำเภอให้เร่งเข้าพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งสำรวจความเสียหายเพื่อตั้งงบประมาณในการช่วยเหลือต่อไป
ต่อมาเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 1 ม.ค.ต่อเนื่องวันที่ 2 ม.ค. น้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรีซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้ไหลบ่าลงสู่แม่น้ำโก-ลก ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วจนล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมอาคารบ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่ริมน้ำใน อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.ตากใบ
ส่วนที่ จ.ปัตตานี มีน้ำท่วมสูงที่ ต.สะกำ อ.มายอ โดยน้ำเอ่อล้นมาจากคลองชลประทาน ทำให้บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม 450 หลังคาเรือน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 6 แห่ง มัสยิด 3 แห่ง และสถาที่ราชการอีก 6 แห่ง อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เช้าวันที่ 2 ม.ค.ฝนเริ่มทิ้งช่วงบ้างแล้ว ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมขังน่าจะดีขึ้น
สงขลาท่วมฉับพลัน 12 อำเภอ-สังเวย 1
ที่ จ.สงขลา ได้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 12 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สะเดา อ.หาดใหญ่ อ.เมือง อ.นาทวี อ.นาหม่อม อ.จะนะ อ.สะบ้าย้อย อ.คลองหอยโข่ง อ.บางกล่ำ อ.เทพา อ.สิงหนคร และ อ.สทิงพระ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือ นายฟักเม่ง แซ่เจีย อายุ 54 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมกะทันหัน นายฟักเม่งออกจากบ้านไม่ทัน ทำให้จมน้ำเสียชีวิต
ทั้งนี้ พื้นที่ที่ประสบวิกฤติอย่างหนัก คือ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา เนื่องจากถนนกาญจนวนิช (สะเดา-หาดใหญ่-สงขลา) บริเวณบ้านทุ่งลุง เขตเทศบาลตำบลพะตง อ.หาดใหญ่ น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ อ.สะเดา ถูกตัดขาด ส่วนเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ก็ถูกน้ำท่วมสูงบริเวณรางในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลพะตง ส่งผลให้รถไฟไม่สามารถให้บริหารได้ ขบวนรถขนส่งสินค้าต้องจอดพักที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ ส่วนขบวนรถไฟสายบัตเตอร์เวอร์ธ-กรุงเทพฯ ที่มาจากประเทศมาเลเซีย ต้องจอดที่สถานีปาดังเบซาร์เช่นกัน แต่การเดินรถไฟในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังให้บริการตามปกติ
หาดใหญ่ชูธงแดงเตรียมอพยพ
นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ประกาศขึ้นสัญลักษณ์ "ธงแดง" ให้เตรียมอพยพประชาชนและขนของขึ้นที่สูงใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย ชุมชนจันทร์วิโรจน์ ฝั่งซ้ายของคลองอู่ตะเภา (วัดหาดใหญ่ใน) และชุมชนเทศาพัฒนา เนื่องจากมีการประเมินว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา จะไหลเข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าวและประเมินระดับน้ำไว้ที่ 1.20 เมตร
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องในทุกพื้นที่ ส่งผลให้ระดับน้ำในลำคลองสายหลักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง เป็นพื้นที่แรกที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของลมมรสุม ทำให้เกิดคลื่นลมแรง ชาวบ้านต้องนำเอาเรือประมงชายฝั่งเข้าไปหลบตามลำคลองสายต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดกับเครื่องมือหาปลาและเรือประมง ขณะเดียวกันในพื้นที่แนวเทือกเขาหลวงซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม ได้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มอย่างเร่งด่วน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายแวเลาะ ราแม ชาวบ้านตลาดล่าง หมู่ 6 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา กำลังถ่อเรือที่ต่อขึ้นเองจากยางรถยนต์ขนาดใหญ่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องการสัญจรโดยไม่ต้องรอขอเรือท้องแบบจากหน่วยงานรัฐ โดยนายแวเลาะบอกว่าเรือยางรถยนต์นี้ต่ออย่างง่ายๆ เมื่อนำไม้มาพาด สามารถบรรทุกคนได้ถึง 8 คน (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)