คาร์บอมบ์ปัตตานีตายเจ็บระนาว กมธ.สภาจี้คดี "4 ศพ" กองทัพลั่นไม่ถอนทหารพราน
ใต้ป่วนหนักอีกระลอก คนร้ายจุดชนวนระเบิด "คาร์บอมบ์" หน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ตูมสนั่นชาวบ้านสังเวย 1 ศพ เจ็บอีก 8 สลดเด็กหญิงวัยแค่ 2 ขวบโดนสะเก็ดระเบิดด้วย ส่วนอีกจุดบึ้มชุด รปภ.ครูที่บาเจาะ ทหารเจ็บ 2 นาย นครบาลมึนรวบหนุ่มสายบุรีที่ สน.นางเลิ้ง ขณะเสียค่าปรับจราจร ตำรวจอ้างมีหมายจับจากชายแดนใต้ แต่เจ้าตัวปฏิเสธลั่นไม่รู้เรื่อง ด้าน กมธ.สภาฯหลายชุดไล่บี้คดี 4 ศพปัตตานี จี้ถอนทหารหลักจาก 3 กองทัพภาคพ้นพื้นที่ ใช้ทัพ 4 แทน ขณะที่ กอ.รมน.ยืนยันไม่มีถอนทหารพรานหลังเกิดกรณียิงพลาด ยันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผบ.ทบ.ฉะมีพวก "เป่าหู" ทำมาตรา 21 สะดุด
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนระอุขึ้นอีกครั้งเมื่อเกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ในเขตเมืองปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บถึง 8 ราย โดยในจำนวนนี้มีเด็กหญิงอายุแค่ 2 ขวบรวมอยู่ด้วย
เมื่อเวลา 08.05 น.วันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.2555 เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกไว้ในรถกระบะ (คาร์บอมบ์) บริเวณสี่แยกหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ถนนสฤษดิ์ ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้มีประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี
รายชื่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายมานิต อูมา อายุ 64 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นายซูเฟียน ยูโซ๊ะ อายุ 18 ปี นายมะรอเซ๊ะ แวซอเฮาะ อายุ 37 ปี และชายไทยไม่ทราบชื่อ ทั้งสามรายนี้อาการสาหัส ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ได้แก่ ด.ญ.ชุติมา งามวงศ์ อายุเพียง 2 ขวบ นางอัมรา สิงห์สวัสดิ์ อายุ 53 ปี น.ส.เจ๊ะรอสีดะห์ เจ๊ะแว อายุ 29 ปี นางโนรี มูซอ อายุ 24 ปี และ นายนิมะ หะอีฮาแซ อายุ 40 ปี
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า คนร้ายได้นำวัตถุระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนไว้ในรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน กข 8546 ภูเก็ต แล้วนำรถไปจอดไว้บริเวณริมถนนสี่แยกหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
พบรถรองผู้ว่าฯโดนสะเก็ดระเบิดส่อตกเป็นเป้า
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ พบว่ามีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน กม 9336 สงขลา ซึ่งเป็นรถที่ ว่าที่ รต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ใช้ระหว่างปฏิบัติภารกิจในพื้นที่รวมอยู่ด้วย แต่ขณะเกิดเหตุ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ ไม่ได้อยู่ในรถ คาดว่ายังไม่ได้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเมื่อวันพุธที่ 8 ก.พ. ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ เพิ่งเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกิจการชายแดน สภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา เกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารพรานใช้อาวุธปืนยิงรถต้องสงสัยจนทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 รายที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.2555
พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้ของกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังจากเจ้าหน้าที่เน้นหนักงานมวลชนจนสามารถทำให้ประชาชนร่วมปฏิเสธความรุนแรงในพื้นที่ได้มากขึ้น รวมทั้งคนร้ายยังพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเกี่ยวโยงกับเหตุทหารพรานยิงรถต้องสงสัยจนมีผู้เสียชีวิต 4 ศพที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ระหว่างการคลี่คลายข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการอิสระที่แต่งตั้งขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังเป็นการตอบโต้กรณีสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและยึดยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก
ดักบึ้มทหารชุด รปภ.ครูที่บาเจาะเจ็บอีก 2 นาย
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.40 น.วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องริมทางหลวงหมายเลข 4168 บ้านบาตู หมู่ 6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อดักสังหารทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 กำลังพล 6 นายขณะออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางและรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) โรงเรียนบ้านบาตู ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ โดยใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ แรงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ.อ.ศักดิ์มงคล น้อยทรง และ พลทหารจักรกฤษณ์ ยอดคง เพื่อนทหารช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลบาเจาะ
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง วางซุกไว้ริมถนนบริเวณกอตะไคร้ เมื่อทหารชุด รปภ.ครู ขี่รถผ่านมา จึงจุดชนวนระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ยิงรายวันชาวบ้านตากใบ-สายบุรีสังเวยอีก 2
เวลา 18.15 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายรอปียี ปิ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 บ้านโคกกาเปาะ หมู่ 5 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่ นายรอปียี ขับรกระบะอยู่บนถนนสายตากใบ-สุไหงโก-ลก ท้องที่บ้านสะหริ่ง หมู่ 1 ต.โฆษิต อ.ตากใบ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพุธที่ 8 ก.พ.เวลา 20.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายดุลเลาะ เปาะซา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ถนนกระจูด ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้านแคและ หมู่ 7 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อกลับบ้านของภรรยาหลังจากดื่มน้ำชาที่ร้านในหมู่บ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
พระราชทานเพลิงศพ 2 อส.พลีชีพที่ยะลา
ที่ศาลาสวดพระอภิธรรมศพ วัดยุโป ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายสุพัศ อินตนก อายุ 38 ปี และ นายรณชิต พรายแก้ว อายุ 26 ปี สมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.เมืองยะลา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มขณะ อส.ทั้งสองนายกำลังเดินทางไปปฏิบัติภารกิจคุ้มครองพระสงฆ์บิณฑบาต เหตุเกิดบนถนนสายบ้านเบอร์เส้ง หมู่ 1 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ. ทั้งนี้ภายในงานมีครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของผู้ตายไปร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด
รวบหนุ่มสายบุรีที่กรุงเทพฯ โวยลั่นไม่ใช่แก๊งป่วนใต้
มีรายงานว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) ได้จับกุม นายมูฮามะดารี แยนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 หมู่ 6 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย เป็นอั้งยี่ และสมคบกันเป็นซ่องโจรเพื่อการก่อการร้าย ตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.22/2549 ลงวันที่ 14 ม.ค.2549 โดยจับกุมได้ที่ สน.นางเลิ้ง ขณะที่ นายมูฮามะดารี เดินทางไปจ่ายค่าปรับจราจร
นายมูฮามะดารี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าตนเองมีหมายจับ โดยเขาจบการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน จากนั้นไปเป็นครูสอนวิชาชีพที่หมู่บ้านในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยสอนซ่อมรถจักรยานยนต์ และมีร้านซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นของตนเอง จึงอาจเป็นไปได้ว่าลูกค้าที่เข้ามารับบริการที่ร้านนำรถไปก่อเหตุรุนแรงจนเกิดความเข้าใจผิดว่าตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเขาทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา โดยทำมา 3 ปีแล้ว
กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จะส่งตัว นายมูฮามะดารี ให้กับพนักงานสอบสวน สภ.สายบุรี เพื่อดำเนินการต่อไป
ฝ่ายความมั่นคงรุกหนักรวบผู้ต้องสงสัย-ยึดยุทโธปกรณ์อื้อ
สำหรับปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคง เมื่อเวลา 13.50 น.วันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รามัน จ.ยะลา สนธิกำลังกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยเลขที่ 34/1 หมู่ 3 ต.กอตอตือระ อ.รามัน หลังสืบทราบว่ามีสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่
ผลการตรวจค้น สามารถควบคุมตัว นายอิสมะแอ เร็งมา อยู่บ้านเลขที่ 45 บ้านสะแนะ หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยนายอิสมะแอเป็นสามีของ นางแอเสาะ แมอาแต เจ้าของบ้าน จึงนำตัวไปสอบสวนตามกรรมวิธีต่อไป
วันอังคารที่ 7 ก.พ.เวลา 13.30 น.หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 จัดกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.ธารโต ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายปกครอง เข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายที่บ้านเลขที่ 47/1 บ้านนัดตันหยง (บ้านย่อยของบ้านบัวทอง) หมู่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย คือ
1.นายมาหะมะมูบาเราะ โด อยู่บ้านเลขที่ 40 บ้านบัวทองใต้ หมู่ 9 ต.บ้านแหร อ.ธารโต มีหมายจับคดีความมั่นคงหลายหมาย
2.นายกอเซ็ม โต๊ะ อยู่บ้านเลขที่ 28 ชุมชนกาแป๊ะกอตอ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา มีหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) 1 หมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้งคู่ไปซักถามขยายผลที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41
ต่อมาวันพุธที่ 8 ก.พ. เจ้าหน้าที่ทหารหลัก ทหารพราน ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ซุกซ่อนยุทโธปกรณ์บริเวณป่ากล้วย ใกล้กับบ้านเลขที่ 47/1 บ้านนัดตันหยง หลังจากซักถามขยายผลผู้ต้องหา 2 รายที่ควบคุมตัวได้ดังกล่าว พบอาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งมีหมายเลขทะเบียนปืน พร้อมซองกระสุนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง
วันจันทร์ที่ 6 ก.พ.เวลา 18.00 น.ขณะที่ชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4811 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 กำลังลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่บ้านเมเร (บ้านย่อยของบ้านปูลาสะนอ) หมู่ 3 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นสวนยางพาราของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่พบขวดน้ำอัดลมจำนวน 3 ขวด ลักษณะถูกตัดคอขวดออก ภายในบรรจุเสื้อลายพราง 1 ตัว กางเกงฝึกลายพราง 1 ตัว และหมวดเบเร่ต์สีแดง จึงยึดไปตรวจสอบ
ต่อมาวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม พบถังแก๊สปิคนิค ชุดฝึก สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ดำรงชีวิตในป่าจำนวนมาก จึงยึดไว้และส่งตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
กมธ.กิจการชายแดนจี้คดี 4 ศพปัตตานี
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับชายแดนใต้ ที่รัฐสภา วันพุธที่ 8 ก.พ.มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการชายแดน สภาผู้แทนราษฎร โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ การติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อกรณีทหารพรานกองร้อย 4302 ยิงรถต้องสงสัยจนชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะติดตามจับกุมคนร้ายที่ใช้อาวุธสงครามยิงฐานทหาร เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.
โดยเจ้าหน้าที่ที่ กมธ.กิจการชายแดน เรียกมาชี้แจงมีทุกฝ่าย อาทิ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายลือชัย เจริญทรัพย์ นายอำเภอหนองจิก พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี นายปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นต้น
ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ ชี้แจงว่า การสอบสวนทางคดีมีความคืบหน้า โดยเน้นให้เกิดความยุติธรรมทั้งฝ่ายทหารและชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในพื้นที่พบว่ามีบุคคลที่สาม โดยเฉพาะกลุ่มเอ็นจีโอ (องค์กรพัฒนาเอกชน) เข้าไปแทรกแซงการทำงาน ทำให้บางเรื่องที่จะจบก็ไม่จบ และกลายเป็นประเด็นขยายผล ส่วนตัวกังวลว่าอาจมีคนอีกกลุ่มหนึ่งนำประเด็นนี้ไปบิดเบือนและก่อเหตุรุนแรงขึ้นได้
ขณะที่ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหาในพื้นที่ที่ยังไม่จบนั้น เป็นเพราะผู้นำในท้องถิ่นและทุกภาคส่วนไม่ให้ความร่วมมือ ชาวบ้านรู้ดีว่าใครเป็นโจรแต่ไม่กล้าพูด ทำให้ทหารและตำรวจเสี่ยงตายทุกวัน ยอมรับว่าคนในพื้นที่มีความหวาดกลัวและหวาดระแวงเจ้าหน้าที่รัฐมาก
"การแก้ปัญหาในพื้นที่ไม่ใช่ลงไป 1-2 วันแล้วสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะในพื้นที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย อีกทั้งความคิดทางการเมืองก็หลากหลาย คนที่เป็นผู้แทนลงไปเป็นหัวหน้าขบวนการก็มี อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณี 4 ศพผมยืนยันว่าจะหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน" พล.ต.ต.พิเชษฐ์ กล่าว
จี้ถอนทหารภาคอื่น-ใช้ทัพ 4 คุมเต็มพื้นที่
นายอับดุลการิม เด็งระกีนา ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่กองทัพต้องปรับกำลังพลในพื้นที่ โดยนำทหารที่เป็นคนพื้นที่มาดูแลพื้นที่เอง และนำทหารจากกองทัพภาค 1, 2 และ 3 ออกจากพื้นที่ไป ทั้งนี้เขาในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันได้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดอย่างต่อเนื่องนั้น เพราะมีเจ้าหน้าที่ต่างพื้นที่เข้าไปปฏิบัติงาน
นายธีระ ไตรสรณกุล ผู้ช่วยเลขานุการ กมธ.กิจการชายแดน กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าอาสาสมัครทหารพราน และ อส.ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นเป้าหมายที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงโจมตีมากที่สุด ที่สำคัญการส่งทหารจากนอกพื้นที่เข้าไปทำงานโดยมีการฝึกอบรมก่อนไปปฏิบัติงานเพียง 1 เดือนนั้นไม่เพียงพอ ต้องปรับเปลี่ยนระบบใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้าน พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 42 ชี้แจงว่า ขณะนี้ผู้นำเหล่าทัพได้มีนโยบายให้ทยอยนำกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 ออกจากพื้นที่ และใช้กำลังจากกองทัพภาค 4 ปฏิบัติงานแทน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ตั้งกองพลทหารราบที่ 15 และรับประชาชนในพื้นที่เข้ามาเป็นกำลังพล
ส่วนเหตุยิง 4 ศพที่ปัตตานีนั้น สาเหตุเป็นเพราะฝ่ายทหารพรานถูกยิงฐานปฏิบัติการ และฐานนี้เคยถูกยิงมาแล้ว 2 ครั้ง จึงมีการทำแผนเผชิญเหตุเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นในคืนวันที่ 29 ม.ค. ทหารก็ได้ปฏิบัติการตามแผน แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่มืดมาก และผู้ต้องสงสัยยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ก่อนจำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันชีวิต จนกลายเป็นความสูญเสียขึ้น ฉะนั้นทางกองทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจ และไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเลย
นอกจาก กมธ.กิจการชายแดนแล้ว เมื่อวันอังคารที่ 7 ก.พ.ยังมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ หรือ กมธ.ปรองดอง ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธาน และมีการหารือกันถึงเหตุการณ์ทหารพรานยิงรถต้องสงสัยจนชาวบ้านเสียชีวิต 4 รายที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ด้วย โดยกรรมาธิการฯหลายรายชี้ปัญหาว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการส่งกำลังพลจากกองทัพภาคอื่นๆ ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จึงเรียกร้องให้กองทัพปรับกำลังในส่วนนี้
กอ.รมน.ยันใช้ทหารพรานดับไฟใต้ไม่มีถอน
ด้านท่าทีของฝ่ายทหาร มีความเคลื่อนไหวออกมาสื่อสารกับสังคมหลายครั้งเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อวันพุธที่ 8 ก.พ.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ใช้ทหารหลักแทนทหารพรานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดกรณีทหารพรานยิงรถต้องสงสัยจนชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
พล.ต.ดิฎฐพร กล่าวว่า ปัจจุบันมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในภารกิจหน้าที่ของการใช้ทหารพรานในพื้นที่ เพราะเรื่องนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 และมีเหตุรุนแรงรายวันต่อเนื่องมา จนต้องมีการระดมกำลังทหารหลักจากกองทัพภาคที่ 1-4 ลงไปปฏิบัติการเป็นจำนวนมากเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เล็งเห็นว่า การแก้ปัญหาตลอด 8 ปีทำให้สูญเสียกำลังทหารที่ใช้ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศในกองทัพภาคต่างๆ รวมถึงงบประมาณ จึงให้นำกำลังทหารพรานไปใช้ทดแทนกำลังทหารหลักในกองทัพภาคที่ 1-3 เพื่อให้ทหารหลักดังกล่าวกลับไปทำหน้าที่ในพื้นที่ของตัวเอง
"ทหารพรานมีขีดความสามารถเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งด้านการข่าว มวลชน ที่ผ่านมาก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการจัดตั้งทหารพรานก็ใช้เวลาไม่นาน สามารถยุบหรือเรียกรวมตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการฝึกก็ใช้เวลาสั้น เพราะเป็นการฝึกจรยุทธ์เพื่อเข้าถึงในพื้นที่ที่มีความลำบาก และทหารพรานมีความชำนาญในพื้นที่ป่าเขา นอกจากนั้นยังเป็นคนในพื้นที่เอง สามารถเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีได้เป็นอย่างดี ส่วนกำลังทหารหลักต้องฝึกตามขั้นตอน ต้องใช้เวลาและงบประมาณมาก ทั้งหมดนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าทหารพรานเหมาะสมที่จะปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขอให้สังคมเข้าใจและเห็นใจการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทหารพรานหลายกรมในปัจจุบันเพิ่งได้รับการบรรจุและค่อนข้างใหม่ ประสบการณ์ในการทำงานอาจมีน้อย และมีความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงานตามแผนของผู้บังคับบัญชา จึงอาจมีความผิดพลาดได้” โฆษก กอ.รมน.ระบุ
พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ผบ.ทบ.ยังยืนยันความจำเป็นต้องใช้ทหารพราน และไม่มีการถอนออก โดยขณะนี้กำลังทหารพรานในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งหมด 7 กรม และในเดือน มี.ค.นี้จะมีการเพิ่มเติมอีก 2 กรมลงไปปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดนใต้
แจงเหตุ 4 ศพเข้าใจผิด-เปรียบกรณีคนขว้างหินเข้าบ้าน
โฆษก กอ.รมน.กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น (กรณี 4 ศพที่ปัตตานี) ผู้บังคับบัญชาใน กอ.รมน.และรัฐบาลเห็นใจทั้งผู้เสียหายและผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ขอให้รอผลการสอบสวนของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เชื่อว่าเมื่อผลออกมาจะเป็นที่ยอมรับต่อสังคม
"เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นได้ เหมือนเวลาคนเดินผ่านหน้าบ้านเราแล้วเอาก้อนหินขว้างเข้ามาในบ้าน กว่าเราจะออกไปดู คนที่ขว้างก็เดินผ่านไปแล้ว แต่มีคนใหม่เดินมาแทน เราก็เข้าใจว่าคนนี้ต้องทำแน่ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เจ้าหน้าที่เข้าใจว่ารถต้องสงสัยเป็นรถที่ก่อเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้รถต้องสงสัยหยุด แต่ไม่หยุด ด้วยความตกใจรถคันดังกล่าวจึงแตะเบรกทำให้รถไหลเบี่ยงไปข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงคิดว่ากำลังหลบหนี ซึ่งตรงนี้เป็นความเข้าใจผิด" โฆษก กอ.รมน.ระบุ
ผบ.ทบ.ลั่นทหารไม่ได้แพ้-ยันไม่มีเลี้ยงไข้
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 7 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ซึ่งกองทัพถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา ว่า "วันนี้ 8 ปีแล้ว ถามสิว่ามีใครยึดพื้นที่เราตรงไหนได้บ้าง ชนะหรือแพ้ว่ากันด้วยอะไร มีการแบ่งแยกดินแดนไปหรือยัง มีใครออกมารับผิดชอบว่าเป็นแกนนำหรือเป็นหัวหน้า มีกองกำลังยึดพื้นที่ที่ไหน มีทหารเข้าไปตรงไหนไม่ได้บ้าง นั่นคือแพ้ชนะ ประชาชนเข้าใจทหาร เข้าใจเจ้าหน้าที่ 98-99% เหลืออีก 1% ที่ยังสู้กันอยู่ แล้วจะไปให้กำลังใจเขาทำไม ไปให้เครดิตเขาทำไม"
"เรื่องอย่างนี้ต้องเข้าใจกัน ไม่อย่างนั้นการแก้ปัญหาจะยากขึ้นเรื่อยๆ เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเวลาวิพากษ์วิจารณ์นึกถึงเจ้าหน้าที่ที่เขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทุกวันบ้าง เขามีลูกเมีย ไม่มีใครอยากได้งบประมาณไปเลี้ยงไข้กัน มันคิดแบบนี้ได้อย่างไร ชีวิตคนคิดแบบนี้ไม่ได้ เขาเสียชีวิต ลูกเมียก็เดือดร้อน" ผบ.ทบ.ระบุ
ย้ำใช้กฎหมายพิเศษต่อ-ซัดพวกเป่าหูทำมาตรา 21 สะดุด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำด้วยว่า การใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ยังมีความจำเป็น เพราะต้องจับกุมเพื่อระงับยับยั้งเหตุการณ์ เมื่อหลักฐานไม่พอก็ปล่อย นี่คือกระบวนการยุติธรรม ถามว่าที่ไหนไม่ยุติธรรม
ส่วนมาตรา 21 ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีสาระคือการเปิดให้ผู้ก่อความไม่สงบเข้ามอบตัวและเข้าอบรมกับ กอ.รมน.เป็นเวลา 6 เดือนแล้วจะไม่ถูกดำเนินคดีอาญา) ก็พยายามทำให้คนที่อยู่ในขบวนการออกมา แต่มีการไปเป่าหูกันว่าอย่าออกมาเลย ถ้าหากไม่ออกก็ติดคุก หากมาเข้ารับการอบรมและเชื่อได้ว่าถูกชักจูงหลงผิด ก็อบรมและกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ได้ นี่คือการช่วยเหลือทางกฎหมายอยู่แล้ว แต่กลับไปเชื่อคนที่มาหลอกอยู่ได้
"ใครที่ติดใจสงสัยเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ให้มาถามที่กองทัพบกได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง อย่าไปพูดเองแล้วไม่เข้าใจจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลายแล้ว แก้ไม่ได้ในภายหลัง อย่างที่ผมเคยบอกว่าต้องบันทึกไว้ ใครพูดอะไรต้องรับผิดชอบ" ผบ.ทบ.กล่าว
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรียกประชุมหน่วยกำลังทั้ง 3 ฝ่าย คือทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่อาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหา และปัญหาการใช้มาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดย พล.ต.อ.วิเชียร เชื่อว่ามาตรา 21 จะช่วยสร้างสันติสุขในพื้นที่ให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-4 ความเสียหายจากเหตุคาร์บอมบ์หน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
ขอบคุณ : ข่าวความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ในส่วนกลาง จากสำนักข่าวเนชั่น