แม่ทัพ4 ยอมรับผลสอบ 4 ศพ ลั่นไม่ให้เกิดอีก ศอ.บต.จับมือไอแบงก์ปล่อยกู้ "ต้มยำกุ้ง"
แม่ทัพภาคที่ 4 แอ่นอกแถลงยอมรับผลสอบ 4 ศพปุโละปุโยของคณะกรรมการอิสระฯ ยันชาวบ้านเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนทหารพรานกราดยิงเพราะสำคัญผิด ลั่นไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยอีก พร้อมมอบเงินเยียวยาญาติเหยื่อเพิ่มอีก 4 แสน ด้าน ศอ.บต.ทำฮือฮา ควงธนาคารอิสลามฯจับเข่าคุยผู้ประกอบการร้าน "ต้มยำกุ้ง" มาเลย์ หอบเงิน 20 ล้านปล่อยกู้ช่วยเหลือแรงงานไทยจากสามจังหวัด ลดภาระจ่าย "เวิรค์ เพอร์มิต" ขณะที่ชายแดนใต้ยังวุ่น บึ้ม-ยิงรายวัน ทหาร-ตำรวจ-ชาวบ้านตายเจ็บระนาว
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) แถลงที่อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานีเมื่อวันพุธที่ 21 มี.ค.2555 ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกำลังพลของกองร้อยทหารพรานที่ 4302 ยิงรถกระบะต้องสงสัย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ในท้องที่บ้านกาหยี หมู่ 1 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.2555 ระหว่างปฏิบัติการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ลอบยิงฐานปฏิบัติการในช่วงค่ำวันเดียวกัน
พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า ได้รับรายงานผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการอิสระฯแล้ว สรุปประเด็นได้ดังนี้
- เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
- ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์
- สาเหตุที่ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความสำคัญผิด เพราะสภาพแวดล้อมในขณะนั้นมีความมืด ประจวบกับเวลาที่เกิดเหตุค่อนข้างดึกสำหรับในพื้นที่ และยังมีสถานการณ์ต่อเนื่องที่กดดันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงลูกระเบิดยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งกรรมการได้ให้นำหนักความเชื่อถือต่อคำให้การของพี่น้องประชาชนมากกว่าคำให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ
"ผมยอมรับในคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอิสระฯที่ได้ดำเนินการไปตามความบริสุทธิ์ใจ และคณะกรรมการชุดนี้เป็นที่เชื่อถือของพี่น้องประชาชน เพราะประธานก็เป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี" แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
พล.ท.อุดมชัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการอิสระฯได้ให้ข้อเสนอแนะต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าหลายประเด็นด้วยกัน โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวสารต่อสื่อมวลชนควรต้องมีความระมัดระวัง หากมีการนำเสนอข้อมูลออกไปแล้ว บุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอาจจะได้รับความเสียหายขึ้น
ส่วนในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมนั้น จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระฯมีหน้าที่เพียงค้นหาข้อเท็จจริง และสรุปผลในเบื้องต้น ส่วนกระบวนการยุติธรรมก็ต้องเดินหน้าต่อไป และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
"หลังจากนี้ผมจะไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ เพราะการปฏิบัติการทางทหารมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องปรามเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเพื่อทำลาย จุดนี้เป็นนโยบายเด็ดขาดที่ผมได้สั่งการเอาไว้ ผู้ใดละเลยนโยบายนี้จะต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร และทางกฎหมายบ้านเมือง" พล.ท.อุดมชัย กล่าว
ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายประมุข ละมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มอบเงินเยียวยาให้กับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย รายละ 400,000 บาท รวมกับที่มอบไปครั้งแรก 100,000 บาท รวมมอบเงินเยียวยาไปแล้วรายละ 500,000 บาท
อนึ่ง คณะกรรมการอิสระฯ ได้ประชุมเพื่อตรวจทานถ้อยคำในรายงาน และลงชื่อในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกันเมื่อวันอังคารที่ 20 มี.ค. จากนั้นได้ส่งรายงานให้แม่ทัพภาค 4 ซึ่งแม่ทัพก็ได้เปิดแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้นทันที
สำหรับข้อเสนอแนะ 8 ข้อของคณะกรรมการอิสระฯ ประกอบด้วย
1.ให้ผู้กระทำผิดยอมรับความจริงและขอโทษ พร้อมกับออกมาแถลงความจริงต่อสาธารณชน
2.ให้เยียวยาหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้รับผลกระทบอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง
3.ให้นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
4.ให้มีการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
5.การนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล รวมทั้งการตรวจชันสูตรศพใช้เวลานานมาก ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรคำนึงถึงจริยธรรมในการให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
6.ให้กำหนดมาตรการการใช้อาวุธให้รัดกุม
7.ให้ทำความเข้าใจกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐตัดสินใจตอบโต้อย่างรวดเร็วว่เกิดขึ้นด้วยเหตุใด และ
8.ให้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่เร็วพร้อมเข้าไปช่วยเหลือผู้ถูกทำร้ายในที่เกิดเหตุ
ศอ.บต.จับมือไอแบงก์ปล่อยกู้ "ต้มยำกุ้ง" มาเลย์
วันพฤหัสบดีที่ 22 มี.ค. ผู้บริหารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียพร้อมกับผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เพื่อไปร่วมหารือกับผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้ง และปล่อยกู้ให้กับเจ้าของกิจการชาวไทย หลังจากที่ในช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้นำคณะเดินทางไปหารือเบื้องต้นมารอบหนึ่งแล้ว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หลายรัฐในมาเลเซียมีคนไทยจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ข้ามไปอาศัยอยู่และประกอบอาชีพเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไปเปิดร้านอาหารที่มีเมนูเด็ดคือ “ต้มยำกุ้ง” จึงเรียกกันติดปากว่าร้านต้มยำ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนมาเลย์ เฉพาะในกรุงกัวลาลัมเปอร์ก็มีมากกว่า 5-6 พันร้าน และผู้ประกอบการส่วนหนึ่งก็เป็นคนไทย มีลูกจ้างในร้านเป็นคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่ามีแรงงานไทยในกลุ่มนี้มากกว่า 1 แสนคน
"ที่ผ่านมาเรามองคนกลุ่มนี้ในแง่ลบมาตลอด ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นเหมือนวีรบุรุษของครอบครัวและของคนในพื้นที่ เพราะต้องไปทำงานหาเงินส่งกลับมาเลี้ยงครอบครัว ในขณะที่อยู่บ้านตัวเองกลับหางานทำไม่ได้ ถือเป็นความจริงอันน่าเจ็บปวด เราจึงต้องการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ เริ่มจากการลดภาระเรื่องเวิร์ค เพอร์มิต หรือใบอนุญาตทำงาน ซึ่งต้องเสียให้ทางการมาเลเซียถึงปีละ 24,000 บาท จึงได้คิดโครงการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการร้านต้มยำที่มีคนงานหรือเด็กเสิร์ฟเป็นคนไทย เพื่อให้ทางร้านผ่านเงินไปให้กับคนงานของตัวเองอีกทีหนึ่ง เพื่อลดภาระในเรื่องนี้ จะได้มีกำลังใจทำงานส่งเงินกลับมาดูแลครอบครัวได้มากขึ้น ซึ่งเงินก้อนแรกที่จะไปทำเป็นโครงการนำร่องอยู่ที่ 20 ล้านบาท และจะหาช่องทางช่วยเหลือในเรื่องอื่นๆ ต่อไป"
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ศอ.บต.ได้ร่วมมือกับธนาคารอิสลามฯ ทำโครงการในภาพใหญ่คือกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ งบ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยจะเข้าไปช่วยผู้ประกอบอาชีพอิสระ กลุ่มรากหญ้า หาบเร่แผงลอย ซึ่งกลุ่มแรงงานไทยในมาเลย์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปดูแล
"มาเลย์ยังต้องการแรงงานมีฝีมือจำนวนมาก ประกอบกับใกล้เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงคิดว่าเป็นโอกาสอันดีของคนในพื้นที่ เราจึงต้องเร่งเตรียมการเพื่อขยายตลาดแรงงาน และเลิกมองกันด้วยความหวาดระแวง" เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าว
โผล่อีกแล้ว "กับระเบิดในสวนยาง" ตำรวจตากใบขาขาด
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ถึงกลางสัปดาห์ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพุธที่ 21 มี.ค.เวลา 16.35 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยภายในสวนผลไม้และสวนยางพาราบ้านเกาะสะวาด หมู่ 5 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ ตามที่รับแจ้งจากชาวบ้าน ปรากฏว่าได้เหยียบกับระเบิดที่คนร้ายฝังไว้บริเวณทางเดินเข้าสวน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ร.ต.ต.ปรีชา คำแก้ว ขาขวาขาด อาการสาหัส และ ด.ต.อำนาจ พันธ์โภชน์ อาการสาหัสเช่นกัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ซุกระเบิดใต้สะพานรถไฟตูมสนั่นดับ 1 เจ็บ 3
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยทหารราบที่ 15112 (ร้อย ร.15112) และกองร้อยทหารพรานที่ 4807 (ร้อย ทพ.4807) ได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบกล่องต้องสงสัยที่ถูกวางไว้บริเวณใต้สะพานรถไฟ ช่วง ต.บูกิต – ต.ไอสะเตียร์ บ้านบือราแง หมู่ 9 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส จังหวะนั้นเองคนร้ายซึ่งคาดว่าแฝงตัวอยู่ไม่ไกล ได้จุดชนวนระเบิดที่ซุกไว้ในกล่องต้องสงสัย แรงระเบิดทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สมชาย ทาจุน อายุ 29 ปี
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย คือ ส.ต.มะตอแฮ แฉะ อายุ 26 ปี พลทหารอิทธิพงษ์ ทองสกุล อายุ 22 ปี และนายหามะ เจ๊ะมะ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 9 ต.บูกิต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ประกบยิง จนท.สถานพินิจฯสาหัส ตร.รัวกระสุนช่วย-คนร้ายดับ
ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 19 มี.ค. พ.ต.อ.มานะ นาคคั่ง ผู้กำกับการ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนทางหลวงชนบท ท้องที่หมู่ 1 บ้านทุ่งคา ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ และพบว่าผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลยะหริ่งแล้ว แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายมาหามะ ยาแม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 4 ต.หนองแรต อ.ยะหริ่ง เป็นลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาท ปฏิบัติหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ขณะเกิดเหตุกำลังรักษาความปลอดภัยเส้นทางไปโรงเรียนของคณะครู
ทั้งนี้ นายมาหามะมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่บริเวณกกหู หน้าอก และต้นขา โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขโมยปืนพกขนาด .38 ของผู้ตาย หลบหนีไปด้วย
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขี่ตามประกบยิง นายพิทยา เพชรยอดศรี อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดปัตตานี เหตุเกิดขณะนายพิทยาขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 หน้าศูนย์รถยนต์ฮอนด้า บ้านโคกม่วง หมู่ 7 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้นายพิทยาได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ดี จังหวะที่เกิดเหตุยิงนายพิทยา ปรากฏว่า ส.ต.อ.อนุชา สโมทาน ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้นำรถไปซ่อมที่ศูนย์ฮอนด้าใกล้กับจุดเกิดเหตุพอดี เมื่อ ส.ต.อ.อนุชา ได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งออกมาดู และใช้ปืนพกประจำกายยิงใส่คนร้ายจนคนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ นายยูโซ๊ะ ยีมะเย็ง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ 5 ต.กะมิยอ อ.เมือง จ.ปัตตานี แต่ภายหลังสิ้นใจที่โรงพยาบาลปัตตานี
สำหรับรถจักรยานยนต์ที่นายยูโซ๊ะใช้เป็นพาหนะก่อเหตุ เป็นของประชาชนในเขต อ.เมืองยะลา แจ้งหายไว้เมื่อปี 2553 นอกจากนั้นยังพบเสื้อผ้า รองเท้าของนายยูโซ๊ะ ใส่อยู่ในกระเป๋ารวมกับเครื่องกระสุน คาดว่าเตรียมไว้เปลี่ยนภายหลังก่อเหตุ ส่วนคนร้ายที่เหลือได้นั่งรถจักรยานยนต์ซ้อนสามหลบหนีไป
ทหารพรานฉาวอีก-รับจ้างยิงคนก่อนเจอรวบ
เวลา 15.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ยิง นายอรรณพ ปูเต๊ะ อายุ 39 ปี อาชีพขับรถตู้โดยสารสายปัตตานี-สุไหงโก-ลก ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายอรรณพยืนอยู่ในคิวรถตู้ ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ผ่านมาประสบเหตุพอดี และได้ขับรถไล่ติดตามคนร้าย พร้อมวิทยุแจ้งหน่วยต่างๆ ให้ตั้งด่านสกัดจับคนร้ายทั้งสอง กระทั่งจับกุมได้บริเวณถนนรามโกมุท ต.บานา อ.เมืองปัตตานี
จากการสอบประวัติพบว่า คนร้ายทั้งสองเป็นอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) คือ อส.ทพ.สุทธิชากร รามแก้ว ทำหน้าที่เป็นมือปืน อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 2 ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี และ อส.ทพ.สาอูดี เจ๊ะโด เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 3 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทั้งสองสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4416 และอยู่ระหว่างลาพัก โดยทั้งสองให้การในเบื้องต้นยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยรับจ้างจากผู้หญิงคนหนึ่งใน จ.นราธิวาส ค่าจ้างจำนวน 1 แสนบาท ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.ทั้งสองนายได้นำเงิน 5 หมื่นบาทจ้างอดีตอาสารักษาดินแดน (อส.) ท้องที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นผู้ยิง แต่ปรากฏว่าอดีต อส.รายดังกล่าวเชิดเงินหนี จึงต้องตัดสินใจทำเอง
กู้ระทึกคาร์บอมบ์จอดทิ้ง อ.แว้ง
วันจันทร์ที่ 19 มี.ค.เช่นกัน เวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 35 รับแจ้งจากเครือข่ายวิทยุภาคประชาชนว่า พบรถกระบะต้องสงสัย ยี่ห้ออีซูซุสี่ประตู สีน้้าตาล หมายเลขทะเบียน กข 3315 นราธิวาส จอดอยู่บริเวณริมถนนสายแว้ง-สุไหงโก-ลก หน้าอาคารชุมสายโทรศัพท์ทางไกลอำเภอแว้ง หมู่ 1 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส จึงได้จัดชุดปฏิบัติการเข้าไปตรวจสอบ และกันพื้นที่ไม่ให้ประชาชนใช้ยานพาหนะสัญจรผ่าน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณใกล้เคียง พบภาพบุคคลต้องสงสัยนำรถคันดังกล่าวมาจอดโดยขับชนกับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ๊กซ์ สีน้้าเงิน ซึ่งจอดอยู่ก่อนแล้ว คาดว่าเพื่อลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ หลังจากนั้นมีชายต้องสงสัยอีก 1 คน ต่างกายคล้ายชุดนักศึกษาช่างกล ขี่รถจักรยานยนต์มารับผู้ต้องสงสัยคนแรกไป
เมื่อตรวจสอบหมายเลขทะเบียน กข 3315 นราธิวาส ยังพบว่าเป็นหมายเลขทะเบียนของรถอีกคันหนึ่งซึ่งเจ้าของจ้างหายไว้ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จึงชัดเจนว่ารถคันนี้น่าจะเป็นรถที่ติดตั้งระเบิดไว้ภายใน หรือ คาร์บอมบ์ จึงประสานให้หน่วยเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบ พบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สหุงต้มสีเขียว น้ำหนัก 15 กิโลกรัม จำนวน 1 ถัง และแกลลอนน้ำมันบรรจุน้ำมัน 5 ลิตรอีก 2 แกลลอนวางไว้ข้างถังแก๊ส โดยระเบิดดังกล่าวจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
กู้อีกลูกระเบิดท่อพีวีซีที่ระแงะ – กลบหลุมบึ้มที่รือเสาะ
วันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้รับแจ้งเบาะแสว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ได้นำวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปซุกซ่อนไว้ในพื้นที่บ้านอาแว หมู่ 6 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จึงประสานชุดอีโอดีเข้าตรวจสอบ พบระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ลูก บรรจุในท่อพีวีซี น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ฝังอยู่ในสวนมะพร้าวภายในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
ส่วนที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะที่ชุดลาดตระเวนจรยุทธ์ของกองร้อยทหารพรานที่ 4502 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในท้องที่บ้านตาโลแร บ้านลาเมาะนอก หมู่ 3 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ได้ตรวจพบหลุมที่กลุ่มคนร้ายขุดเพื่อลอบวางระเบิด อยู่ห่างจากเส้นทางประมาณครึ่งเมตร จึงเร่งกลบหลุมเพื่อความปลอดภัย
ส่วนที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ได้จัดกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 1 บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังสืบทราบว่ามีผู้ต้องสงสัยเป็นแนวร่วมที่ให้การสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่เข้าไปหลบซ่อนตัว และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน พร้อมนำตัวไปสอบสวนขยายผลตามกรรมวิธีต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงข่าวยอมรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการอิสระฯ
2 และ 4 รองเลขาธิการ ศอ.บต.มอบเงินเยียวยาเพิ่มเติมให้กับญาติผู้เสียชีวิต
3 พล.ท.อุดมชัย พูดคุยกับญาติผู้สูญเสีย
อ่านประกอบ (1) : เรื่องย้อนหลังเกี่ยวกับเหตุการณ์ 4 ศพปุโละปุโยทั้งหมด
1 เปิดผลสอบล่าสุด 4 ศพปัตตานี... "สำคัญผิด" ทำชาวบ้านดับ
http://www.isranews.org/south-news/scoop/38-2009-11-15-11-15-01/5922--4-qq.html
2 จ่อสรุปผลสอบ "4 ศพ" ส่อไม่ชี้ใครผิด 8 ปีอุ้ม สมชาย นีละไพจิตร กับความว่างเปล่า
http://www.isranews.org/south-news/Other-news/28-2009-11-14-06-19-24/5829--4-8-.html
3 คดี 4 ศพปัตตานี...หนึ่งเดือนที่ยังไม่มีคำตอบ
http://www.isranews.org/south-news/scoop/38-2009-11-15-11-15-01/5672--4-.html
4 หัวอกทหารพราน...ในวันที่ตกเป็นจำเลยสังคม
5 เบื้องลึกวงถก "แม่ทัพ-ชาวบ้าน" ทหารยันเสียงปืนปริศนาดังก่อนรัว!
6 ฟังเสียงชาวบ้าน-เทียบข้อมูลทหาร คลี่ปมเหตุการณ์ "ฆ่า 4 ศพที่ปุโละปุโย"
7 คาร์บอมบ์ปัตตานีตายเจ็บระนาว กมธ.สภาจี้คดี "4 ศพ" กองทัพลั่นไม่ถอนทหารพราน
8 "อาจารย์ปิยะ" นำทีม "กก.อิสระ" สอบ 4 ศพปัตตานี เปิดซีซีทีวีล่ามือยิง อส.โยงฆ่าทหาร
9 รัฐไฟเขียว "เยียวยา 5 แสน" 4 ศพปัตตานี หนองจิกป่วนหนักยิงรายวัน
10 เล็งทาบ "อังคณา-ภาคประชาสังคม" คลี่ปม 4 ศพ ใต้ส่อเดือดประกบยิงทหารพรานกรม 43 ดับ
11 ฟังความรู้สึก "ทหาร" ปม 4 ศพปัตตานี สั่งย้าย 2 กองร้อยพ้นพื้นที่ ตั้งกรรมการสอบ
12 เหยื่อกระสุนปัตตานี เล่านาทีเสียงปืนรัว!
13 เปิดใจ "ลูก-เมีย" เหยื่อกระสุนปุโละปุโย
14 ขอโทษชาวบ้านสักคำได้ไหม?
15 กอ.รมน.ส่งหนังสือแจงปมพลาดบันทึกข้อมูล 4 ศพปัตตานี
16 กอ.รมน.สรุปสถิติเหตุร้ายประจำเดือนมกราฯ...ฮือฮา "4 ศพปัตตานี" ไม่ใช่ประชาชน
17 Truth Commission: A mistaken shooting in Pulo Puyo case
http://www.isranews.org/south-news/English-Article/51.html
18 Why is it so difficult to just say sorry?
19 Another fatal shooting of the innocent?
อ่านประกอบ (2) : เรื่องเกี่ยวกับต้มยำกุ้ง
1 ควันหลงรายอยี...เปิดใจ "แรงงานต้มยำ" ในวันกลับบ้าน