พบหลักฐานรถ"คาร์บอมบ์หาดใหญ่"ไม่ได้จอดเข้าซอง
ตำรวจออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาคาร์บอมบ์ยะลาที่ปรากฏในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดแล้ว ขณะที่พบหลักฐานใหม่รูปรถซีวิคสีดำก่อนเกิดระเบิดจอดสวนทางคันอื่น ชาวบ้านหาดใหญ่-ยะลาพร้อมใจทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อผู้เสียชีวิต ศอ.บต.มอบเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการยะลาที่ได้รับความเสียหายจากเหตุบึ้ม 135 ราย ด้านฝ่ายการเมืองติดหล่มวิวาทะปมเจรจา ใต้ยังป่วนบึ้ม-ยิงรายวัน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงปลายสัปดาห์ต่อเนื่องถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ยังคงมีความเคลื่อนไหวหลายด้านสืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด "คาร์บอมบ์" ที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และบริเวณย่านธุรกิจถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.2555
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เม.ย.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9) และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (บก.ภ.จว.สงขลา) ได้เผยแพร่ภาพ นายเสรี แวมามุ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 6 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา และ นายรุสลัน ใบมะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 6 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา ภายหลังศาลจังหวัดสงขลาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหาพัวพันเหตุลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่ โดยมีหลักฐานคือภาพที่กล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณลานจอดรถของโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่าบันทึกเอาไว้
แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่อยู่ในเครือข่ายของ นายเจะหมะ วานิ หรือ “มาค่อม” หรือ “ไคโร” แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบรับผิดชอบพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้สั่งการก่อเหตุในครั้งนี้ ก่อนหน้าที่ศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชาย 2 คนไปสอบสวนยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง จนทำให้มีข่าวลือว่าตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามที่ปรากฏในภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้แล้ว แต่จากการตรวจสอบข้อมูล ได้รับการยืนยันจากฝ่ายตำรวจว่า ชายทั้ง 2 คนเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุขับรถแหกใน พื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ แต่มีประวัติพัวพันคดีความมั่นคงอื่นๆ
พบหลักฐานใหม่ "ซีวิคคาร์บอมบ์" ไม่ได้จอดเข้าซอง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังได้เผยแพร่ภาพรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ที่คนร้ายใช้เป็นคาร์บอมบ์ โดยขับไปจอดบริเวณลานจอดรถชั้น B3 ของโรงแรมและห้างสรรพสินค้าลีการ์เดนส์พลาซ่าก่อนกดจุดชนวนระเบิด ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวมาจากลูกค้าของโรงแรมฯคนหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายเอาไว้โดยบังเอิญ เนื่องจากรถยนต์เก๋งคันนี้จอดไม่เป็นระเบียบ โดยแล่นเข้าไปจอดในลักษณะย้อนศรและจอดขวางช่องจอดรถแตกต่างจากรถคันอื่นๆ ที่จอดเรียงตามช่องจอดรถ จากหลักฐานดังกล่าวอาจนำไปเชื่อมโยงถึงห้วงเวลาที่คนร้ายนำรถเข้าไปจอดได้ เพราะไม่มีการรับบัตรจอดรถ และยังสามารถนำรูปรถไปเปรียบเทียบกับภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตัวอื่นๆ เพื่อหาความเชื่อมโยงและเส้นทางที่คนร้ายขับรถมาจอดก่อนจุดชนวนระเบิดได้ด้วย
ด้านความคืบหน้าการลำเลียงซากรถที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน เพื่อนำไปเก็บหลักฐานและมอบคืนให้กับเจ้าของรถนั้น ปรากฏว่ามีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยฝ่ายทหารจากมณฑลทหารบกที่ 42 และทหารช่าง ล่าสุดเพิ่งนำรถออกจากจุดเกิดเหตุได้ทั้งหมดเมื่อวันเสาร์ที่ 7 เม.ย.
ทำบุญใหญ่ "หาดใหญ่-ยะลา" อุทิศส่วนกุศลเหยื่อระเบิด
ช่วงเวลาเดียวกันยังมีการประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อเรียกขวัญของพี่น้องประชาชนและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเหยื่อระเบิดผู้ล่วงลับด้วย
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 7 เม.ย.บริเวณถนนรวมมิตร ตั้งแต่แยกถนนจงรักษ์ไปจนถึงแยกโปห้วยอุทิศ ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นจุดที่เกิดคาร์บอมบ์ 2 ลูกเมื่อวันเสาร์ที่ 31 เม.ย.ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คนนั้น นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เลขาธิการ ศอ.บต.) ได้ร่วมกันเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรและทำบุญ 7 วันเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต โดยนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 50 รูปมาประกอบพิธี และมีประชาชนร่วมงานกว่า 500 คน
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เม.ย.บริเวณถนนเสน่หานุสรณ์ หน้าโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ ทางจังหวัดสงขลาได้ร่วมกับทางเทศบาลนครหาดใหญ่จัดพิธีกรรมทางศาสนา 3 ศาสนา คืออิสลาม คริสต์ และพุทธ เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ผู้เสียชีวิต และสร้างขวัญกำลังใจให้กับพ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน ภายในงานมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 99 รูปด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเข้าร่วมกันอย่างเนืองแน่น
มอบเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการยะลา 135 ราย
วันเดียวกัน ที่โรงแรมยะลาปาร์ควิว อ.เมือง จ.ยะลา นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนของ จ.ยะลา ได้มอบเงินสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณถนนรวมมิตร โดยเป็นเงินช่วยเหลือเพื่อส่งเสริมอาชีพ จำนวน 135 ราย จำนวน 1,873,000 บาท แยกเป็นช่วยเหลือเจ้าของกิจการร้านค้าและรถเข็นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จำนวน 109 ราย รายละ 15,000 บาท เป็นเงิน 1,635,000 บาท, เจ้าของกิจการร้านค้าที่ได้รับความเสียหายปานกลาง จำนวน 15 ราย รายละ 10,000 บาท เป็นเงิน 150,000 บาท และเจ้าของกิจการร้านค้าที่ไม่ได้รับความเสียหายแต่ไม่สามารถขายของได้ จำนวน 11 ราย รายละ 8,000 บาท เป็นเงิน 88,000 บาท
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และองค์กรเครือข่าย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักต่อสิทธิของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการใช้ชีวิตและประกอบอาชีพอย่างปกติสุข และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสวงหาทางออกร่วมกัน ขจัดความขัดแย้งไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางความคิดหรือความขัดแย้งทางการเมืองให้หมดไป เพื่อให้ความสงบสุขและสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับคืนมาดังเดิม
เพื่อไทย-ปชป.วิวาทะปมเจรจา "ทวี" โต้ข่าวคุย "ซูดิง คาน"
ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง ได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องการเจรจากับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแฉว่ามีหลักฐาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศมาเลเซีย และได้พบปะพูดคุยกับแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างการยื่นกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เม.ย.แต่ฝ่ายรัฐบาลยืนกรานว่าไม่เป็นความจริง ทำให้ฝ่ายประชาธิปัตย์ตอบโต้ว่ามีภาพถ่ายยืนยันอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่มีการนำภาพถ่ายมาแสดง
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้จัดทำเอกสารชี้แจงข่าว กรณีมีนักการเมืองและสื่อหลายแขนงนำภาพที่ตัวเขาและคณะเดินทางไปพบปะกับชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย และรวมกลุ่มกันเรียกว่า "ชมรมต้มยำกุ้ง" ไปเผยแพร่ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการไปเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดน และมีการโยงใยไปถึงการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ จ.ยะลา และที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ด้วย
"ภาพที่อ้างว่าผมและคณะไปเจรจากับนายซำซูดิง คาน (แกนนำขบวนการพูโล) นั้น ความจริงแล้วเป็นภาพของ นายวันซำซูดิน ดินวันฮูเซ็น ซึ่งเป็นตัวแทนของชมรมต้มยำกุ้ง มีพื้นเพจาก จ.ยะลา และเรื่องที่พูดคุยกันก็เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องการให้รัฐบาลมาเลเซียลดค่าใบอนุญาตการทำงาน หรือ เวิร์ค เพอร์มิต ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องดี ทำให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงานอย่างถูกต้องและเพิ่มรายได้ จึงไปพูดคุยและรับฟังปัญหา ฉะนั้นเมื่อมีข่าวออกมาว่าเป็นภาพของการเจรจากับแกนนำพูโล จึงสร้างความเสียหายให้กับนายวันซำซูดิน คนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแกนนำขบวนการพูโล และที่น่าเป็นห่วงคือประเทศมาเลเซียอาจจะเข้าใจผิด เพราะการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า ผมไม่เคยได้รับคำสั่งจากรัฐบาลหรือจากใครให้พูดคุยกับแกนนำแบ่งแยกดินแดน" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
บึ้มทหารรบพิเศษศรีสาครไร้เจ็บ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมายังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 11.30 น.วันเสาร์ที่ 7 เม.ย.2555 ร.ต.ท.ฉัตรชัย ใจไว ร้อยเวร สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารและยิงซ้ำเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่ 401 (ชป.รพศ.401) บนถนนสายจะแนะ-ศรีสาคร ท้องที่บ้านไอร์กือเดร์ หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดริมถนนลึก 50 เซนติเมตร กว้าง 120 เซนติเมตร มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิงน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมกระจายเกลื่อน ห่างออกไปประมาณ 150 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อนิสัน สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดจนตัวถังพรุนไปทั้งแถบ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทหารหน่วยรบพิเศษที่ 401 กำลังพล 6 นาย เดินทางออกจากฐานปฏิบัติการเพื่อไปร่วมงานแข่งขันกีฬาโรงเรียนตาดีกาสัมพันธ์ที่หมู่บ้านตืองอ หมู่ 3 ต.ศรีบรรพต โดยใช้รถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีดำ เป็นพาหนะ เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับฐาน แต่ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ายางพาราริมทาง ใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดที่นำไปฝังไว้บริเวณเนินดินริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่รถกระบะของทหารแล่นผ่าน แต่โชคดีที่รัศมีการทำลายล้างหักเหเข้าไปในป่า จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แม้คนร้ายจะพยายามใช้อาวุธสงครามยิงถล่มซ้ำ แต่ฝ่ายทหารก็ยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป
ยิงลูกจ้างแขวงการทางปะนาเระดับ – ทหารพรานเจ็บ
ที่ จ.ปัตตานี เวลา 12.10 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ประกบยิง นายเอกชัย ทองใหญ่ อายุ 36 ปี ลูกจ้างสำนักงานแขวงการทาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ 2 บ้านใหญ่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปทำธุระในเขตเมือง เหตุเกิดบนถนนสายปะนาเระ-สายบุรี ท้องที่หมู่ 2 บ้านนาพร้าว ต.ปะนาเระ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 01.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มาหามะลอดิง มีซา อายุ 34 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4308 กรมทหารพรานที่ 43 ได้รับบาดเจ็บขณะขับรถยนต์พร้อมกับเพื่อน อส.ทพ.อยู่บนสะพานบ้านจางา หมู่ 1 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี มุ่งหน้าไปฐานปฏิบัติการที่วัดศศิการาม ต.ปะกาฮารัง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงสองพ่อลูกดับ 1 เจ็บ 1 ที่ปะนาเระ – บึ้มทหารที่สายบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 5 เม.ย.เวลา 12.30 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายฮะ สาและ อายุ 63 ปี เสียชีวิต และ นายมะสุกรี สาและ อายุ 26 ปี บุตรชายของนายฮะ ได้รับบาดเจ็บ โดยทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 32 บ้านนาหอม หมู่ 6 ต.จะรัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เหตุเกิดขณะทั้งคู่อยู่ในร้านคาร์แคร์ บ้านโต๊ะแปะ หมู่ 3 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดดักสังหารชุดกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 กำลังพล 6 นายขณะเดินทางด้วยรถกระบะหุ้มเกราะออกจากฐานปฏิบัติการที่วัดเนินผาโลการาม ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ไปรับพันธุ์เป็ดที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนที่ร่วมโครงการครัวเรือนพอเพียง แรงระเบิดทำให้ จ.อ.กฤษดา เล็กประดับ อายุ 36 ปีได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ฝั่งขาเข้า จ.ปัตตานี ท้องที่บ้านลาคอ หมู่ 2 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี โดยคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องไปแขวนไว้บนต้นไม้บริเวณเกาะกลางถนนแล้วกดจุดชนวนระเบิด
คุมตัว 3 ผู้ต้องสงสัยที่ระแงะ – บิ๊กกลาโหมล่องใต้ดู "สติ๊กเกอร์ตรวจรถ"
ด้านผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อเวลา 09.00 น.วันศุกร์ที่ 6 เม.ย.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บ้านบาโงตา หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 ราย พร้อมของกลาง ได้แก่ 1.นายอายุบ สาและ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ 2.นายมะยี พระอีเก อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/1 หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ และ 3.นายยาโก๊ะ จูมะ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ทั้งนี้ สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางเป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์จำนวนมาก และบุหรี่หนีภาษี จำนวน 199 ห่อ โดยเป็นการจับกุมตามข้อมูลการซัดทอดของแนวร่วมก่อความไม่สงบที่ควบคุมตัวได้ก่อนหน้านี้
วันเดียวกัน ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่และเข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมภายหลังเกิดระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่
โอกาสนี้ คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชมการสาธิตการใช้เครื่องอ่านบัตรประชาชนแบบพกพา (Smart Card) โปรแกรมตรวจสอบบุคคลและ ยานพาหนะ (Personal Car) และระบบตรวจสอบข้อมูลบุคคลและยานพาหนะอนนไลน์ พร้อมชมตัวอย่างสติกเกอร์ติดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์บรรจุเอาไว้ โดยแยกสีแต่ละจังหวัดเพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ภาพรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ คันที่คนร้ายทำเป็นคาร์บอมบ์ ช่วงก่อนเกิดเหตุถูกนำไปจอดนอกช่องจอดรถ และคาดว่าจะขับสวนทางเข้าไป
2 ผู้ต้องหา 2 รายที่ถูกออกหมายจับในคดีคาร์บอมบ์กลางเมืองหาดใหญ่
3 ชาวเมืองยะลาร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับจากเหตุคาร์บอมบ์ในย่านเศรษฐกิจของเขตเทศบาลนคร