สงขลาขอร้อยล้านฟื้นฟูหลังคาร์บอมบ์ ปัตตานี-ยะลาชงซื้อ "ซีซีทีวี" หลังถูกเผาร่วม 200 ตัว
รองผู้ว่าฯสงขลาชงที่ประชุม กพต.ของบร้อยล้านฟื้นฟูเยียวยาหลังคาร์บอมบ์ถล่มหาดใหญ่ ขณะที่ "ปัตตานี-ยะลา" ขอสนับสนุนโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดหลังโดนมือมืดเผาทำลายร่วม 200 ตัว ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ที่ อ.รามัน วอดเกือบครึ่งร้อย ตำรวจแก้ข้อมูลหมายจับ 2 ผู้ต้องหาบอมบ์หาดใหญ่ หลังพบหนึ่งใน 2 ที่เผยแพร่ภาพถ่ายไม่ใช่คนร้าย ยะลาเริ่มแล้ว "เซฟตี้ โซน 2" คุมเข้มย่านเศรษฐกิจกลางเมือง
การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กพต.ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันพุธที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมี นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ประธานการประชุม และมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น
ปรากฏว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้เสนอของบประมาณจำนวน 100 ล้านบาทเป็นกรณีพิเศษ เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์กลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.2555 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยราย และร้านรวงเสียหายอย่างหนัก ซึ่งที่ประชุม กพต.เห็นชอบในหลักการ และมอบหมายให้ ศอ.บต.ไปพิจารณาจัดทำแผนงานร่วมกับจังหวัดสงขลาต่อไป
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รวมทั้งรองผู้ว่าฯยะลา ได้ของบประมาณสำหรับจัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี เพื่อติดตั้งเพิ่มเติมในการป้องกันสถานการณ์ความไม่สงบ และทดแทนกล้องที่เสียหาย หรือถูกเผาทำลายโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ในส่วนของ จ.ยะลา ได้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี จำนวน 138 จุด 150 ตัว งบประมาณ 99.37 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้ขอใช้งบกลางปี 2555 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
มีรายงานด้วยว่า จ.ยะลา เพิ่งถูกคนร้ายตระเวนเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิดในท้องที่ อ.รามัน และ อ.เมือง จ.ยะลา รวม 25 จุด ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 42 ตัว เมื่อเช้ามืดวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง
สำหรับ จ.ปัตตานี ได้เกิดเหตุการณ์ลอบเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2554 คนร้ายออกตระเวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ อ.สายบุรี ทำให้กล้องเสียหาย 29 ตัว จากนั้นวันที่ 5 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนออกปฏิบัติการก่อกวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 48 ตัว
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนตระเวนลอบวางเพลิงกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่บ้านปูโป๊ะ หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้กล้องเสียหายอีก 29 ตัว วันพุธที่ 7 ธ.ค.คนร้ายลอบเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด 16 ตัว ในท้องที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.คนร้ายกระจายกันเผาทำลายกล้องอีก 16 ตัว รวม 5 ครั้งมีกล้องถูกเผาทำลายไปแล้วอย่างน้อย 138 ตัว
เผากล้องวงจรปิด "ยะลา-นราฯ" 28 จุด วอด 47 ตัว
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.เวลา 03.30 น.เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเผาทำลายชุมสายโทรศัพท์และกล้องโทรทัศน์วงจรปิด 25 จุดในพื้นที่ อ.รามัน และ อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้กล้องได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 42 ตัว ประกอบด้วย
- ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน 3 จุด กล้องเสียหาย 8 ตัว
- ต.บาลอ อ.รามัน 4 จุด กล้องเสียหาย 8 ตัว
- ต. อาซ่อง อ.รามัน 3 จุด กล้องเสียหาย 4 ตัว
- ต.โกตาบารู อ.รามัน 6 จุด กล้องเสียหาย 7 ตัว
- ต.บาโงย อ.รามัน 1 จุด กล้องเสียหาย 2 ตัว
- ต.ท่าธง อ.รามัน 1 จุด กล้องเสียหาย 1 ตัว
- ต.เนินงาม อ.รามัน 5 จุด กล้องเสียหาย 8 ตัว
- ต.วังพญา อ.รามัน 1 จุด กล้องเสียหาย 2 ตัว
- ต.บุดี อ.เมือง 1 จุด กล้องเสียหาย 2 ตัว
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนยังลอบเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอีก 3 จุดในท้องที่ ต.ยี่งอ ต.ละหาร และ ต.ลูโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้กล้องได้รับความเสียหายอีก 5 ตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิง อส.วัย 50 ดับกลางงานตาดีกา
ส่วนที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เวลา 17.56 น.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายอับดุลนาเซ กาดูเลาะ อายุ 50 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.กะพ้อ อยู่บ้านเลขที่ 27 บ้านเจาะกะพ้อใน หมู่ 7 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายอับดุลนาเซกำลังเข้าชมการแข่งขันกีฬาในงานตาดีกาบริเวณสนามฟุตบอลตรงข้ามปั๊มน้ำมัน ท้องที่บ้านเจาะกะพ้อใน โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 ของนายอับดุลนาเซหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมะลาเซ็ง แบรอ อายุ 45 ปี รองนายก อบต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 40/1 บ้านหนองปู หมู่ 6 ต.ยาบี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระมุ่งหน้ากลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนชนบท ท้องที่บ้านยาบีเหนือ หมู่ 3 ต.ยาบี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 19.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายยูโซ๊ะ ตาแย๊ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/3 บ้านแจ๊ดี หมู่ 8 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายยูโซ๊ะกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากซื้อของกำลังจะเข้าบ้านซึ่งเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ยิงตำรวจทุ่งยางแดงบาดเจ็บ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย.เวลา 12.00 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง จ.ส.ต.สะมะแอ สะเตาะ อายุ 40 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บขณะขับรถยนต์ทะเบียนเบตงปฏิบัติหน้าที่หาข่าวอยู่ในพื้นที่ เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 77 บ้านปาแดปาลัส หมู่ 1 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงทรัพย์ภายในรถไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 16.15 น.คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงรถกระบะของ นายสำลี สิทธิจันทร์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเดินทางกลับจากขายกับข้าวพร้อมกับ น.ส.ถนอม แท่นสุวรรณ อายุ 44 ปี โชคดีกระสุนพลาดเป้าไม่โดนใครในรถ แต่ก็ทำให้รถได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านน้ำดำ หมู่ 4 ต.ปุโละปุโย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 19.30 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอารี บอซู อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 บ้านบูแม หมู่ 1 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปบ้านของภรรยาในท้องที่บ้านบูกาสะนอ หมู่ 4 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ปมขัดแย้งส่วนตัว
แก้ข้อมูล 2 ผู้ต้องหาบอมบ์หาดใหญ่หลังพบแพร่ภาพผิดตัว
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันเดียวกันยังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในย่านเศรษฐกิจกลางเมืองยะลาด้วยนั้น แม้คดีจะมีความคืบหน้าไปมาก โดยตามข่าวมีการออกหมายจับและเผยแพร่รูปถ่ายผู้ต้องหา 2 รายกรณีระเบิดหาดใหญ่ก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดกลับพบความผิดพลาดในเรื่องข้อมูล
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.2555 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (บก.ภ.จว.สงขลา) พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ (ผกก.สภ.หาดใหญ่) ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ต.ต.สุวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 1 คน คือนายเสรี แวมามุ ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งมีหมายจับติดตัว 12 คดี และเป็นคนร้ายรายแรกตามภาพวงจรปิดซึ่งเป็นตัวจริงและมีพยานยืนยันชัดเจน
ส่วนอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังนั้น ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ นายรุสลัน ใบมะ ชาว อ.จะนะ จ.สงขลา ตามที่ได้มีการต้องข้อสงสัยเอาไว้ แต่เจ้าหน้าที่พอทราบเบาะแสแล้วว่าผู้ต้องหาที่แท้จริงเป็นใคร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอพยานยืนยัน และรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกได้ภายในสัปดาห์นี้
สำหรับการติดตามจับกุม นายเสรี แวมามุ พล.ต.ต.สุวิทย์ กล่าวยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่จะพยายามแกะรอย พร้อมจะประสานข้อมูลกับทุกฝ่ายเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและหาเบาะแสแหล่งกบดานต่อไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในพื้นที่
จัด "เซฟตี้ โซน 2" ตรวจเข้มถนนรวมมิตรกลางยะลา
หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในย่านธุรกิจบนถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารหลัก ทหารพราน อาสารักษาดินแดน (อส.) และกองกำลังภาคประชาชน ตั้งจุดตรวจร่วมบริเวณทางเข้า-ออกถนนรวมมิตร เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในลักษณะ "เซฟตี้ โซน"
พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 กล่าวว่า การจัดตั้ง เซฟตี้โซน 2 เคยดำเนินการมาครั้งหนึ่งแล้วหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดกว่า 30 จุดในเขตเทศบาลนครยะลาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าไม่ต้องการ เนื่องจากได้รับผลกระทบ ขายของไม่ได้ ทว่าขณะนี้มีความจำเป็น จึงนำมาตรการดังกล่าวมาดำเนินการอีกครั้ง แต่ปรับปรุงให้กระทบกับผู้ค้าน้อยลง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับเซฟตี้ โซน 2 เริ่มประกาศใช้วันแรกในวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย.มีเส้นทางเข้า 7 เส้นทาง เส้นทางออก 8 เส้นทาง มีกองกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 ทำหน้าที่ดูแลเส้นทางขาเข้า และกองกำลังภาคประชาชนดูแลเส้นทางขาออก พร้อมทั้งจัดจราจรแบบเดินรถทางเดียว หรือวันเวย์ เส้นทางที่เชื่อมเข้าและออกถนนรวมมิตร ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือประชาชนที่สวมหมวกกันน็อคและหมวกแก๊ป ให้ถอดหมวกออกขณะผ่านเข้าเซฟตี้ โซน ด้วย
คืนวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย.นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้ออกตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไป บริเวณย่านการค้าถนนรวมมิตร พร้อมมอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจด้วย
จากนั้นช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. นายเดชรัฐ ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวกองกำลังปฏิบัติการร่วมพิทักษ์พื้นที่ปลอดภัยแห่งที่ 2 ถนนรวมมิตร โดยมีทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 อส.และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร.เข้าร่วมกว่า 500 คน
ผู้นำศาสนา-พี่น้องมุสลิมร่วมสวดดุอา
วันอังคารที่ 10 เม.ย.เวลา 11.00 น ที่บริเวณหน้าร้านข้าวมันไก่ ถนนรวมมิตรตัดกับถนนจงรักษ์ ในเขตเทศบาลนครยะลา จุดที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.2555 จนมีผู้เสียชีวิต 12 รายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมากนั้น นายเซ็ง ดูมีแด กรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ได้นำผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนชาวมุสลิมจำนวนกว่า 300 คน ร่วมกันสวดดุอาขอพรต่อพระเจ้าเพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบซากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ถูกคนร้ายเผาทำลายในท้องที่ อ.รามัน และ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อเช้ามืดวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)