"ทักษิณ"แนะรัฐบาลเจรจา "ยุทธศักดิ์"ทำฮือฮาอ้างป่วนใต้วางบิลครั้งละ 5 แสน
"ทักษิณ" ยอมรับแนะรัฐบาลเปิดวงพูดคุยเจรจาแก้ปัญหาภาคใต้ ย้ำไม่ใช่ไปทำในนามรัฐ แต่ให้ผู้ปฏิบัติไปคุย ชี้ทำสงครามไปเรื่อยๆ ไม่มีทางจบ หนำซ้ำยิ่งอ่อนล้าทั้งสองฝ่าย มีแต่คนสั่งรบที่สบาย นักค้าอาวุธโกยกำไร ขณะที่ประชาธิปัตย์ ระบุ "พูดคุยสันติภาพ" ทำมานานแล้ว แต่อดีตนายกฯพูดแก้เกี้ยวจากพฤติกรรมล้ำเส้นจนก่อความเสียหาย "ยุทธศักดิ์" เอาอีก ปูดข้อมูลป่วนใต้วางบิลเที่ยวละ 5 แสน ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ เผาโรงเรียนที่เจาะไอร้องล่อตำรวจเข้าตรวจสอบก่อนดักบึ้มซ้ำ โชคดีไร้เจ็บ ยิงผู้ช่วยพยาบาลสาวโรงพยาบาลสายบุรีสังเวย
ช่วง 2-3 วันมานี้ สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ค่อนข้างสงบเรียบร้อย "ทีมข่าวอิศรา" จึงขอสรุปความเคลื่อนไหวจากฝ่ายการเมืองมารายงานให้ทราบ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการให้สัมภาษณ์ตอบโต้กันไปมาเรื่องการเจรจาหรือพูดคุยสันติภาพกับแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
เริ่มจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 เม.ย.2555 ระหว่างร่วมงานสงกรานต์กับคนเสื้อแดงที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้แนะนำรัฐบาลไปว่าควรจะมีการพูดคุย แต่จะใช้รูปแบบรัฐไม่ได้ ต้องเป็นขั้นตอนรายละเอียดที่สามารถพูดคุยกันได้เพื่อให้ยุติ
"เพราะสงครามไม่เคยยุติในสนามรบ แต่ยุติบนโต๊ะเจรจา ถึงแม้เราจะฆ่ากันไปจนถึง 10 คนสุดท้าย แต่ 10 คนสุดท้ายก็จะยังไม่ยอมแพ้ จะต้องมีรุ่นหลังขึ้นมาสู้ มันไม่จบ วิธีแก้คือมีอะไรที่คิดต่างก็คุยกัน ตอนแรกอาจจะคุยยาก แต่นานเข้าจะเข้าใจกันมากขึ้น มนุษย์นั้นแม้ว่าจะพูดคนละภาษากัน แต่ถ้าได้พูดคุยก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันได้" อดีตนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเห็นด้วยกับแนวทางเปิดโต๊ะเจรจาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าเปิดโต๊ะเจรจา ขอเรียกว่าเป็นการพูดคุยระดับผู้ปฏิบัติกับผู้คิดนโยบาย ควรมีเจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองเข้าไปพูดคุยกันได้แล้ว เชื่อว่าการรบที่ยืดเยื้อยาวนานทำให้ทั้งสองฝ่ายล้าทั้งคู่ แต่คนสั่งรบกลับสบาย ไม่ต้องทำอะไร คนค้าอาวุธก็ยิ่งชอบเพราะได้กำไร
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีข่าวครึกโครมทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปพบปะพูดคุยกับแกนนำขบวนการพูโลที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2555 โดยตามข่าวอ้างว่ามีภาพถ่ายระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับแกนนำพูโลเผยแพร่ในเว็บไซต์ของขบวนการด้วย จนพรรคประชาธิปัตย์หยิบเอาประเด็นนี้ไปตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์นำภาพถ่ายตามที่อ้างออกมาแสดงต่อสาธารณชน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ในการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุดที่กัมพูชา กลับไม่มีผู้สื่อข่าวยิงคำถามเกี่ยวกับการเดินทางไปพบปะแกนนำขบวนการพูโลที่ประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
ปชป.ซัด "ทักษิณ" พูดแก้เกี้ยวหลังทะเล่อทะล่าเจรจา
ด้าน นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ในรัฐบาลชุดที่แล้ว กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแก้เกี้ยวจากความผิดพลาดที่ทะเล่อทะล่าไปพบปะเจรจากับแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนตามที่เป็นข่าวออกมา ซึ่งถือเป็นเรื่องผิด เพราะไปเจรจาโดยที่ตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่ และไม่แจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบ
"จริงๆ การพูดคุยสันติภาพนั้น รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชวน 1 ชวน 2 (หมายถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ช่วงปี 2535-2538 และ 2540-2544) จนถึงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2551-2554) โดยเราใช้คำว่าเปิดพื้นที่พูดคุยกับผู้เห็นต่าง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี เหตุการณ์รุนแรงลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง เพราะเราทำอย่างเป็นเอกภาพกับฝ่ายความมั่นคง และไม่มีการนำเรื่องใดๆ ไปต่อรอง"
"แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพบปะพูดคุยโดยไม่แจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบ อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้ก็ไปใช้วิธียื่นข้อเสนอเขตปกครองพิเศษบ้างอะไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารนโยบายผิดพลาดทำให้มีคนเสียชีวิตในภาคใต้จำนวนมากสมัยที่เป็นรัฐบาล แล้วจะไปพูดคุยเจรจากับเขาได้อย่างไร การที่ออกมาพูดก็เพื่อสร้างข่าวว่าตนเองเป็นผู้ที่คิดแนวทางการเจรจา ทั้งๆ ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำมาก่อนนานแล้ว" นายถาวร ระบุ
"ยุทธศักดิ์"ปูดป่วนใต้วางบิลเที่ยวละ 5 แสน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธที่ 18 เม.ย.2555 ภายหลังเข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พร้อมกับผู้นำเหล่าทัพว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้ถามถึงปัญหาภาคใต้ แต่ได้รายงานท่านไปว่า เขาและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้อีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 19 เม.ย. เพื่อติดตามสถานการณ์และกำชับกำลังพลให้คงมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับเข้มข้นต่อไป
"เราต้องใช้มาตรการเข้มอย่างต่อเนื่อง เพราะในวันที่ 28 เม.ย.นี้ จะครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์กรือเซะ (เหตุการณ์ที่วัยรุ่นและชายฉกรรจ์มุสลิมใช้มีด กริช และไม้โจมตีป้อมจุดตรวจของตำรวจ ทหารนับสิบแห่งในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และถูกเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ โดยจุดที่สูญเสียมากที่สุดคือที่มัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี) และในเดือน พ.ค.ก็จะมีการประชุมโอไอซี (องค์การการประชุมอิสลาม) ด้วย จึงต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อระลึกถึงวันสำคัญหรือเหตุการณ์สำคัญของพวกเขา"
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังบอกด้วยว่า จากข้อมูลที่ได้รับมา กลุ่มก่อความไม่สงบจะได้รับเงินสนับสนุนในการก่อเหตุรุนแรงครั้งละ 500,000 บาท
อนึ่ง คำให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมาแล้วหลายครั้ง เช่น ก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า รัฐบาลมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นตัวแทนเจรจาลับกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ
อีกครั้งหนึ่งในช่วงที่มีปัญหาก่อการร้าย มีการจับกุม นายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ที่ถูกระบุว่าเป็นสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในตะวันออกกลางนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ให้สัมภาษณ์ยืดยาวถึงแผนการก่อวินาศกรรมกลางกรุงเทพฯ ถึงขั้นเตรียมใช้คาร์บอมบ์ถล่มสถานทูตบางแห่ง สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว ทั้งๆ ที่รัฐบาลพยายามให้ข่าวต่อสังคมว่าไม่มีอะไรน่ากังวล
เผาโรงเรียนที่เจาะไอร้อง-ดักบึ้มตำรวจซ้ำ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 19.30 น.วันพุธ 18 เม.ย.2555 เกิดเพลิงไหม้ที่โรงเรียนบ้านตาโง๊ะ หมู่ 11 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้อาคารเรียน 2 ชั้นได้รับความเสียหายทั้งหลัง
ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง ได้จัดกำลังเดินทางด้วยรถยนต์ 3 คันเข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุ แต่ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ และได้จุดชนวนระเบิดที่วางดักไว้ริมถนนบ้านโคกยิง (บ้านย่อยของบ้านตาโง๊ะ) หมู่ 2 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้รถยนต์คันที่ 3 ได้รับความเสียหายเล็กน้อย โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามยิงสกัดเพื่อป้องกันคนร้ายเข้าโจมตีซ้ำ
จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง โดยเพิ่งนำมาวางไว้ข้างทางหลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เส้นทางสายนี้เข้าไปตรวจสอบความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้โรงเรียน โดยคนร้ายอาศัยจังหวะช่วงที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ไปประกอบพิธีละหมาด ทำให้ไม่มีใครรักษาความปลอดภัยในย่านดังกล่าว จึงฉวยโอกาสก่อเหตุขึ้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงรายวันอีก 3 ศพ - ผู้ช่วยพยาบาลสาวสังเวย
ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เวลาประมาณ 14.30 น. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายไบซูลี มิง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256 บ้านโคกตา ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากส่งเพื่อน คือ นายไซมุดดิน ยูนุ ที่โรงไม้ในซอย 10 ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนประชาภิวัฒน์ ซอย 10 ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 15.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายตอเละ ปะมะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 บ้านบูเกะบากง หมู่ 2 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เสียชีวิต เหตุเกิดขณะที่นายตอเละขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ถนนเพชรเกษม) ท้องที่บ้านบูเกะบากง หมู่ 2 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ มุ่งหน้าไปที่ อ.เมืองนราธิวาส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ที่ จ.ปัตตานี ช่วงบ่ายวันเดียวกัน คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง น.ส.วรรณา ศรสุวรรณ อายุ 29 ปี ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี อยู่บ้านเลขที่ 25/8 ถนนกลาพอ ต.ตะลุปัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดขณะที่ น.ส.วรรณา กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของที่ตลาดนัด โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ของ น.ส.วรรณา หลบหนีไปด้วย เหตุเกิดบริเวณตลาดนัดบ้านกาหยี ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (จากซ้ายไปขวา) พ.ต.ท.ทักษิณ นายถาวร และ พล.อ.ยุทธศักดิ์