"21 องค์กร" โวยบัวแก้วปิดพื้นที่ถกโอไอซี – ใต้ป่วนต่อยิง อส. บอมบ์ทหาร
21 องค์กรสิทธิและภาคประชาสังคมฮือออกแถลงการณ์โวยบัวแก้วปิดกั้น ไม่เปิดพื้นที่พบปะให้ข้อมูลกับ "ผู้แทนพิเศษโอไอซี" ระบุขัดหลักการมีส่วนร่วม ทำลายความโปร่งใส ป้อนให้แต่ข้อมูลรัฐด้านเดียว ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ ยิง อส.กะพ้อ มอเตอร์ไซค์บอมบ์ชุด รปภ.ครู
องค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในส่วนกลางและภาคใต้ รวม 21 องค์กร ออกแถลงการณ์เรื่อง "ความเห็นต่อกระทรวงการต่างประเทศต่อการปฏิเสธการมีส่วนร่วมของนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้" ในห้วงที่คณะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) เดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7-12 พ.ค.ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ระบุว่า คณะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการโอไอซีได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนในการขอพบองค์กรภาคประชาสังคม องค์กรสิทธิมนุษยชน รวมถึงทนายความที่ทำคดีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบสถานการณ์และปัญหาอุปสรรคในการเข้าถึงความยุติธรรม และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในสถานการณ์ความขัดแย้ง เพื่อร่วมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ากระทรวงการต่างประเทศมิได้เปิดพื้นที่ให้ผู้ทำงานภาคประชาสังคมและนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในการปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีโอกาสอย่างเป็นทางการ และมีเวลาอย่างเพียงพอในการร่วมนำเสนอข้อมูล ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ที่มีการใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
อาทิ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และองค์กรภาคประชาสังคมที่มิได้ปฏิบัติงานด้านสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนใต้เข้าพบตัวแทนที่ปรึกษาเลขาธิการโอไอซี ซึ่งได้กล่าวอย่างชัดเจนในที่ประชุมว่า ต้องการรับทราบปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ในพื้นที่
ทั้งนี้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ล้วนไม่ได้รับเชิญจากทางกระทรวงตั้งแต่ต้น และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เอง นอกจากนี้ ในที่ประชุมเดียวกัน ที่ปรึกษาเลขาธิการโอไอซี ได้แจ้งต่อภาคประชาสังคมอย่างชัดเจนว่า จะขอพบปะกับองค์กรภาคประชาสังคมอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ค.เวลา 14.00 น. แต่แล้วการพบปะก็ถูกยกเลิกโดยไม่มีการแจ้งสาเหตุที่ชัดเจน
การเดินทางมาเพื่อรับฟังปัญหาของโอไอซีครั้งนี้ จึงเป็นการรับฟังข้อมูลจากภาครัฐหรือผู้ซึ่งทำร่วมกับรัฐฝ่ายเดียว การกระทำดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศจึงแสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธการนำเสนอความจริงจากภาคประชาชน ซึ่งถือเป็นการขัดต่อสิทธิในการมีส่วนร่วมและเสรีภาพในการนำเสนอความคิดเห็นที่เป็นอิสระ ทำลายระบบความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อกลไกการตรวจสอบอำนาจรัฐจากประชาชน
สำหรับองค์กรที่ร่วมลงนามท้ายแถลงการณ์ ประกอบด้วย มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ, มูลนิธิศักยภาพชุมชน, สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน, Patani Forum และ 17 องค์กรเครือข่ายประชาสังคมคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งประกอบด้วย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้, มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม, ศูนย์ประสานงานองค์กรนักศึกษาและเยาวชนชายแดนใต้, สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย, องค์การบริหาร องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, องค์การบริหารนักศึกษาภาคปกติมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา, สภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
เครือข่ายส่งเสริมสิทธิและเข้าถึงความยุติธรรม, มูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้, ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย, ศูนย์วัฒนธรรมอิสลามเพื่อการพัฒนา, สมาคมเยาวชนเพื่อการพัฒนา, สมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย, เครือข่ายผู้ช่วยทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม, เครือข่ายบัณฑิตอาสาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ยิง อส.กะพ้อดับ – ผู้ช่วย ผญบ.สายบุรีสังเวยอีกศพ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 17.40 น.วันพุธที่ 16 พ.ค.2555 คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิง นายรอย๊ะ บาฮา อายุ 52 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 72/6 บ้านบาลูกา หมู่ 4 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกะพ้อ เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 4060 ตะโละดือรามัน–กะพ้อ ท้องที่บ้านบาโง หมู่ 1 ต.กะรุบี ขณะนายรอย๊ะกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน โดยหลังก่อเหตุ คนร้ายได้ชิงปืนเอ็ม 4 ของนายรอย๊ะหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 15 พ.ค.เวลา 08.40 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายมะอาดูรัน เจ๊ะหลง อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ บ้านปายอนอก หมู่ 8 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กระสุนถูกบริเวณศีรษะ เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายมะอาดูรันนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านในหมู่บ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
มอเตอร์ไซค์บอมบ์ทหารพราน รปภ.ครู เจ็บ 3
เวลา 08.55 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด .357ประกบยิง นายสมมาตร เกศโร อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านโคกดีปรี หมู่ 3 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดขณะนายสมมาตรขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านโคกจันทร์ หมู่ 2 ต.ตุยง อ.หนองจิก หลังกลับจากส่งภรรยาที่โรงพยาบาลปัตตานี กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ส่วนที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เวลา 16.50 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ประกอบไว้ในรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์บอมบ์) ดักสังหารชุดปฏิบัติการทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4115 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ขณะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้กับคณะครูโรงเรียนบ้านวังหิน หมู่ 8 ต.บันนังสตา โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหลังโรงเรียน
ทั้งนี้ แรงระเบิดทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ ส.ท.สุรศักดิ์ บุญมั่น อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ธีรพงษ์ ปานทอง และ อส.ทพ.นิคม ปัญญาธร เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
จ่อยิงพ่อค้าเครื่องมือช่างกลางตลาดนัด
วันจันทร์ที่ 14 พ.ค.เวลา 17.50 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงพ่อค้าขายเครื่องมือช่างเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่ตลาดนัดบ้านปากู หมู่ 5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
รายชื่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายสัมฤทธิ์ ฝ่ายเฟีย อายุ 49 ปี พ่อค้าขายเครื่องมือช่าง เป็นชาว จ.นครพนม เสียชีวิต และ นายศรชัย ลิพล อายุ 15 ปี เป็นชาว จ.สกลนคร ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะทั้งคู่กำลังจัดของเพื่อวางขายในตลาด เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รัวกระสุนใส่กลุ่มชาวบ้านขณะไปกรีดยางตาย 1 เจ็บ 1
เวลา 02.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ขณะเดินทางไปกรีดยางในสวนยางพาราบ้านไอร์กรอส หมู่ 6 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
รายชื่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายรายาลี มูดี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/1 บ้านเปี๊ยะ หมู่ 1 ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ และ นางปาตีเม๊าะ มูดี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 บ้านยามูเฉลิม หมู่ 4 ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ทั้งนี้ เหตุเกิดขณะที่ นายรายาลี พร้อมด้วยนางปาตีเม๊าะ ตลอดจนน้องชายและเครือญาติหลายคนกำลังจับกลุ่มเดินเท้าเข้าไปรับจ้างกรีดยางที่บ้านไอร์กรอส ปรากฏว่าระหว่างทางถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามซุ่มยิงจนนายรายาลีเสียชีวิต และนางปาตีเม๊าะได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนอื่นๆ ปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ยิงรายวัน "ระแงะ-โก-ลก" ดับ 1 สาหัส 1
เวลา 19.15 น.วันจันทร์ที่ 14 พ.ค.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ขี่ตามประกบยิง นายรูสือลี เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/1 บ้านกาลิซา หมู่ 2 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับบบาดเจ็บสาหัส เกิดขณะนายรูสือลีกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายกาลีซา-ลาไม ท้องที่หมู่ 2 ต.กาลิซา อ.ระแงะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ปมทะเลาะวิวาทและความขัดแย้งส่วนตัว
เวลา 06.30 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นำกำลังเข้าตรวจสอบศพชายไม่ทราบชื่อ บริเวณริมถนนเลี่ยงเมืองสุไหงโก-ลก ปากทางเข้ามัสยิดมาลากัส บ้านน้ำตก หมู่ 5 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน
จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ทราบชื่อผู้ตายคือ นายมะกรี ดือเร๊ะ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 ถนนประชาวิวัฒน์ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .32 นิ้ว เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ใกล้ๆ ศพพบแกลลอนน้ำมันขนาด 10 ลิตร จำนวน 4 ใบ บรรจุน้ำมันเบนซินเต็มแกลลอน ตกอยู่ด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : คณะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการโอไอซี ขณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพบปะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (ภาพจากแฟ้มภาพ ถ่ายโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
อ่านประกอบ : ควันหลงโอไอซี กับปาหี่ดับไฟใต้
http://www.isranews.org/south-news/talk-with-director/55-2009-11-15-11-19-53/6720--qq-.html