แห่เปิดคณะเภสัชฯ ดร.ภาวิชหวั่นซ้ำรอยวิชาชีพครู
นายกสภาเภสัชกรรม ประกาศแซงชั่น ลั่นไม่ต้องการคณะเภสัชศาสตร์ใหม่อีกแล้ว ชี้ม.เอกชนจำนวนมากอยากจะเปิดแบบไม่มีเหตุผล กำลังเป็นภาวะคุกคามใหม่ในวิชาชีพเภสัชกรรม
ภก.ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวในประชุมสมัชชาเภสัชกรรมไทย 96 ปี "บทบาทเภสัชกรในการผลิตยาเพื่อสังคม" ณ ห้องประชุม ชั้น 10 อาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ วันนี้ (8 ธ.ค.) ถึงวิชาชีพเภสัชกรรมและการศึกษาเภสัชศาสตร์ของไทยว่า กำลังมีภาวะคุกคามใหม่เกิดในวิชาชีพเภสัชกรรม ได้แก่ เรื่องการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ หลังมหาวิทยาลัยเอกชนจำนวนมากอยากจะเปิดคณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันมีคณะนี้อยู่แล้ว 16 คณะ
นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า หากไม่เตือนตัวเอง สิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นได้ เหมือนที่ประเทศไทยมีคณะครุศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์มากถึง 104 คณะ ผลิตครูปีละ 20,000 คน ปรากฎว่า แต่ละปีครูมีงานทำแค่ 3,000 คน อีก 17,000 คนตกงาน ต้องหันไปประกอบอาชีพขายตรง นอกจากสร้างความอ่อนแอในวิชาชีพครูแล้ว ยังกลายเป็นความอ่อนแอของการศึกษาชาติทั้งระบบ
“ทุกวันนี้เรามีคณะเภสัชศาสตร์ 16 คณะ เมื่อตอนผมเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ปิดคณะแพทย์ใหม่อีก 7 คณะ คิดว่า ปิดบัญชี รวมกับคณะเดิมเป็น 22-23 คณะ คิดว่าน่าจะพอแล้ว มหาวิทยาลัยใหม่ที่มีคณะแพทย์ใหม่ 7 คณะ มี 5 มหาวิทยาลัยที่ยังไม่มีคณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งมีความจำเป็นสมเหตุสมผล น่าจะเปิดได้ ให้รัฐบาลลงทุน โดยไม่ต้องพูดถึงกำไรขาดทุน”ภก.ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช กล่าว
ส่วนการสร้างเภสัชกรให้มีคุณภาพ ภก.ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช กล่าวว่า มีข้อมูลเชิงประจักษ์ให้เห็นแล้วว่า ตั้งแต่มีการสอบใบอนุญาติวิชาชีพ พบว่า 70% ค่าเฉลี่ยการสอบได้ในครั้งแรก มหาวิทยาลัยของรัฐทำได้มากสุดถึง 90% มหาวิทยาลัยเอกชนได้แค่ 12%
“การที่มีคนอยากเข้ามาร่วมผลิตเภสัชกรมากๆ กลายเป็นภาวะคุกคามใหม่ในวิชาชีพเภสัชกรรม หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบคณะศึกษาศาตร์ ก็จะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในวิชาชีพนี้ เราไม่ต้องการคณะเภสัชศาสตร์ใหม่อีกแล้ว คนในวิชาชีพน่าจะร่วมกันแซงชั่น สำหรับการเปิดคณะแบบไม่มีเหตุมีผล” นายกสภาเภสัชกรรม กล่าว และว่า ในอดีตประชาชนเดินเข้าสู่ระบบเภสัชกรรม หรือร้านขายยาเป็นส่วนใหญ่เกิน 50-60% ปัจจุบันเมื่อมีการเจ็บป่วยเบื้องต้น คนเดินเข้าสู่ร้านขายยาเหลือแค่ 26% เท่านั้น ส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ