สมัชชาสุขภาพย้ำสังคมต้องนำจิตสาธารณะร่วมสร้างนโยบายสุขภาพ
ปธ.คจ.สช.ระบุต่อไปการทำงานของสมัชชาฯ ต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็ง เน้นให้ทุกฝ่ายเป็นเจ้าของมติอย่างแท้จริง ด้านหมออำพล เตรียมดัน 11 ประเด็นปัญหาสุขภาพ ให้เป็นนโยบายสาธารณะ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ในเวทีประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 2 ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) และนพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)รายงานความคืบหน้าการปฏิบัติงานของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติตลอดปีที่ผ่านมาว่า การทำงานในอนาคตเพื่อสุขภาวะแห่งชาติอยู่ในเงื่อนไขที่ต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งและแท้จริงให้ภาคีทั่วประเทศ สร้างศักยภาพพัฒนานโยบายสาธารณะ และย้ำให้ทุกคนต้องนำจิตสาธารณะมาร่วมสร้างความเข้มแข็งให้สังคม ร่วมเป็นเจ้าของมติ ปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ
นพ.สุวิทย์ กล่าวว่า สิ่งท้าทายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในอนาคต มี 3 เรื่อง คือ 1.ต้องทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ให้เครือข่ายทั้ง 180 ภาคีทั่วประเทศสะท้อนความต้องการ ความจำเป็นและจิตสาธารณะได้อย่างแท้จริง 2.ต้องมีการพัฒนากลไกทำให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็ง มีศักยภาพในการพัฒนานโยบายสาธารณะ และ 3.ต้องมีกระบวนการทำให้ภาคีเครือข่ายทั้งหมด ทั้งภาครัฐ ประชาสังคม เอกชน ภาควิชาการ ภาคการเมือง รวมถึงทุกอาชีพได้ร่วมกันเป็นเจ้าของมติ และนำไปปฏิบัติด้วยความเต็มใจ
“ที่ผ่านมาเครือข่ายสมัชชาสุขภาพมีขับเคลื่อนอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าเรื่องมาบตาพุด การแพทย์แผนไทย และอุบัติเหตุ ในปีนี้ภาคีเครือข่ายได้ร่วมเสนอ 11 ประเด็นในระเบียบวาระการประชุม ทั้งหมดคือกระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้สังคม และย้ำว่าวันนี้เราต้องเอาจิตสาธารณะมาร่วมกัน” ประธานคจ.สช.กล่าว
ขณะที่ นพ.อำพล กล่าวว่า สช.ได้ดำเนินงานดังนี้ 1.นำ 14 ประเด็นที่ผ่านฉันทามติการประชุมสมัชชาฯ ครั้งที่ผ่านมา เสนอต่อคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครม.และผ่านความเห็นชอบดำเนินการแล้ว 2.นำมติเรื่องการเข้าถึงยาทั่วหน้าของสังคมไทย การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ ผู้ป่วย และญาติ รวมทั้งมติเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจและการปกป้องสุขภาวะคนไทยเสนอคสช. และครม.เห็นชอบดำเนินการแล้วเช่นกัน
“3.ครม.เห็นชอบกับร่างธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ และเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาประกาศบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา 4.สศช.ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพเพื่อให้มีการดำเนินการ HIA ตามระบบ 5.สช.ได้ประสานขับเคลื่อนทั้ง 14 ประเด็น โดยหน่วยงานภาคีกำลังดำเนินการอยู่ซึ่งมีความก้าวหน้าพอสมควร” เลขาธิการสช.กล่าว
สำหรับวาระการประชุมครั้งนี้ นพ.อำพล กล่าวว่า มี 11 ประเด็นปัญหาสุขภาพ ได้แก่ 1.การพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาวะเด็ก เยาวชน 2.โรคติดต่ออุบัติใหม่ 3.การพัฒนาระบบดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ตกในภาวะพึ่งพิง 4.การพัฒนาการบริการปฐมภูมิเพื่อการเข้าถึงระบบบริการที่มีคุณภาพ 5. การจัดการขยะอันตรายของชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและทุกภาคส่วน 6.การพัฒนาแพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก
7.มาตรการแก้อุบัติเหตุบนท้องถนน 8.การยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสุขภาพผู้ป่วย 9.ประเด็นจัดการภาวะโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน 10.ยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ และ11.กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานการพึ่งตนเอง เศรษฐกิจ สังคมกรณีภาคใต้