เปิด "ชื่อ-ตัว" ผู้รับเหมางานก่อสร้าง“วัด”งบอุดหนุน อบจ.สมุทรปราการ
เปิด "ชื่ีอ-ตัว" ผู้รับเหมางานก่อสร้าง “วัด” งบอุดหนุน อบจ. สมุทรปราการ -เจ้าของยันได้งาน เพราะฝีมือ ไร้เส้นสาย รับขั้นตอนการดำเนินงานอาจมีปัญหาความล่าช้า แต่ไม่เคยทิ้ง ยันวัดจ่ายเงินล่วงหน้า 50% วันทำสัญญาจ้างเรื่องปกติ เพราะเข้าไปทำงานให้ล่วงหน้านานแล้ว
กรณีการใช้จ่ายงบอุดหนุนวัด จำนวนหลายร้อยล้านบาท ของ อบจ.สมุทรปราการ ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการเข้ามารับงานของผู้รับเหมา นั้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบหลักฐานใบเสร็จการว่าจ้างงานก่อสร้างของวัด ที่สตง. ได้รับจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลงานก่อสร้างตามวัดต่างๆในจังหวัดสมุทรปราการ
พบว่า บริษัท เอเวอร์ กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นหนึ่งในผู้รับเหมา ที่ปรากฎ ชื่อเข้าไปรับจ้างงานก่อสร้างของวัด ที่ได้รับงบอุดหนุนจาก อบจ.สมุทรปรากการ
ข้อมูลจากการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท เอเวอร์ กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2545 มีทุน 3 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่เลขที่ 227/10 หมู่ที่ 2 ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
แจ้งประกอบธุรกิจ รับจ้างผลิตเตาฌาปนกิจ ปรากฏชื่อ นาย ปกรณ์ เนตรประภา และ นางศิริพักตร์ เนตรประภา เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 นายปกรณ์ เนตรประภา กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอเวอร์ กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้สัมภาษณ์ยืนยัน สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า บริษัท เอเวอร์ กรีนฯ เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาที่เข้าไปรับจ้างก่อสร้างงานตามวัดต่างๆ ที่ได้รับงบอุดหนุนจาก อบต.สมุทรปราการจริง แต่ยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีเส้นสายในอบจ. ถึงทำให้ได้รับงานเหล่านี้
“ บริษัทของผม เป็นที่รู้จักของวัดทั่วไป ไปถามใครดูก็ได้ เพราะเราเข้าไปรับงานก่อสร้างตามวัดต่างๆ มานานกว่า 20 ปี โดยในส่วนงานก่อสร้างต่างๆ ที่วัดได้รับงบอุดหนุนจากอบจ.สมุทรปราการครั้งนี้ ก็เป็นการให้สิทธิแก่วัดในการจัดหาผู้รับเหมาโดยตรงเข้ามาทำงานให้ วัดหลายแห่งก็ติดต่อมาที่บริษัทผมให้เข้าไปทำงานให้ ผมก็เข้าไปทำงานให้ขั้นตอนมันก็มีแค่นี้”
อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์ ปฏิเสธว่า จำรายละเอียดจำนวนงานและวัด ที่บริษัทฯ ของตน เข้าไปรับงานก่อสร้างไม่ได้ เนื่องจากเข้าไปรับงานตั้งแต่ปี 2555 ขอกลับไปตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหนึ่งก่อน ถึงจะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้
ส่วนกรณีที่มีการระบุข้อมูลว่างานก่อสร้างของวัดหลายแห่ง มีความล่าช้า นั้น นายปกรณ์ ระบุว่า “ผมยอมรับว่าในขั้นตอนการทำงานอาจมีความล่าช้าเกิดขึ้นบาง เนื่องจากในระหว่างการทำงานมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในขั้นตอนงานก่อสร้างทั่วไป แต่ปัจจุบันงานก่อสร้างก็มีความคืบหน้าไปมาก พูดได้ว่าเกือบจะเสร็จหมดแล้ว ”
นายปกรณ์ ยังกล่าวยืนยันว่า "ตามหลักการว่าจ้างงาน โดยใช้งบอุดหนุนท้องถิ่น เขามีการระบุเงื่อนไขอยู่แล้วว่า ถ้าทำงานไม่เสร็จภายในเวลา 2 ปี จะต้องถูกเรียกเงินคืน ซึ่งในส่วนของงานก่อสร้างตามวัดที่บริษัทผมเข้าไปรับ ผมยอมรับว่ามันอาจจะมีปัญหาความล่าช้าเกิดขึ้นบาง แต่มันไม่ถึงขั้นถูกทิ้งร้างอะไร งานมันก็ทำอยู่ของมันตามปกติ ถ้าผมทิ้งงานไปเลย แบบนั้น ใครจะมาว่าอะไรผมๆ ก็ยอมรับ แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ งานก็ทำกันอยู่ และตอนนี้มันก็เกือบจะเสร็จหมดแล้ว”
เมื่อถามว่า จริงหรือไม่ ที่ทางวัดต้องจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าถึง 50% ให้กับผู้รับเหมาในวันทำสัญญาจ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่า “บริษัทฯ ผมเข้าไปทำงานให้กับวัดก่อนหน้าที่จะได้รับอนุมัติเงินนานแล้ว เพราะเราทำงานให้แบบเทิร์นคีย์ ตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานแล้ว ไม่ใช่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง เมื่อวัดได้งบมาเราก็ไปรับเงินจากเขา มันก็เป็นเรื่องปกติ”
นายปกรณ์ ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า โดยปกติวัดจะทำแบบนี้กันหมด ไม่ว่าจะใช้งบของส่วนราชการ หรืองบจากเงินบริจาคของวัดเอง คือ ให้ผู้รับเหมาเข้าไปทำงานให้ก่อน เมื่อทำงานไปได้สักระยะก็จ่ายเงินให้ การจ่ายเงินล่วงหน้า 50 % ในวันทำสัญญาว่าจ้างจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และในข้อเท็จจริงแล้ว ราคางานว่าจ้างที่ทำไปก่อนจะมีการทำสัญญาจ้างบางวัดก็สูงมากกว่า 50% ไปด้วยซ้ำ
ส่วนข้อสังเกตเรื่องการนำงานไปจ้างช่วงต่อนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ไม่มีบริษัทไหน ที่จะทำงานเองทั้งหมด ส่วนใหญ่จะมีบริษัทลูกข่าย ที่จะมีการว่าจ้างให้เข้ามารับงานบางส่วนต่ออีกครั้ง
“ คุณไปดูได้เลย บริษัทก่อสร้างจะใหญ่หรือเล็ก เขาก็มีการว่าจ้างบริษัทอื่นเข้ามารับงานบางอย่างต่อด้วยทั้งนั้น มันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครเขาทำงานเองหมดหรอก เมื่อจ้างมาทำ เราก็มีหน้าที่สำคัญในการคุมเรื่องเนื้องานให้มีคุณภาพและเสร็จตามกรอบเวลางานที่ทันตามกำหนดนั้น อย่างบริษัทผม ผมก็มีบริษัทเครือข่ายหลายแห่ง งานอะไรที่ผมทำไม่ได้ ผมก็จะจ้างบริษัทลูกข่ายมาทำให้ ทีมแรกไม่ว่างก็จ้างทีมที่สอง ให้มาทำ ใครๆ เขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ”
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า บริษัทฯ ไม่แสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในใบสำคัญรับเงินนั้น นายปกรณ์ ตอบว่า เรื่องนี้ ไม่น่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นอะไรเลย เพราะในใบสำคัญรับเงิน กับกระบวนการเสียภาษีมันคนละส่วนกัน
“บริษัทผมทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว เรื่องการเสียภาษีเราดำเนินการเรียบร้อยมาโดยตลอด ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้จริง เราคงไม่ได้ทำธุรกิจมาจนถึงปัจจุบันนี้”
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่า ไม่มีเส้นสายอะไรถึงทำให้เข้ามารับงานก่อสร้างวัด ที่ใช้งบอุดหนุนจาก อบจ.สมุทรปราการ นายปกรณ์ กล่าวยืนยันว่า "ผมไม่มีเส้นสายอะไรแน่นอน แต่ที่ผมเข้ามารับงานนี้ได้เพราะรู้จักกับวัดหลายแห่ง เคยเข้าไปทำงานให้มานานแล้ว รู้จักคุ้นเคยเจ้าอาวาส เมื่อวัดต้องการจะทำอะไรเขาก็เรียกบริษัทผมเข้าไปทำให้ เพราะเชื่อในฝีมือกัน"
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ที่หน่วยงานตรวจสอบหลายแห่ง จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ นายปกรณ์ ระบุว่า "ไม่มีความกังวลใจอะไร เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ แต่สิ่งสำคัญคือ ภาพลักษณ์ ของบริษัท ที่อาจจะได้รับความเสียหายไป จากข่าวที่ออกมา ซึ่งข้อมูลที่ออกมาบ้างเรื่อง มันไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เป็นความจริงแค่บางส่วน และทำให้เราเสียหาย"
-------
อ่านประกอบ : "สตง." จับมือ "ป.ป.ช." ลุยตรวจ งบอุดหนุน “วัด” สมุทรปราการ -พบพิรุธเพียบ