คดีผู้สมัคร ส.ส.เพื่อชาติ มีประวัติทุจริต ผู้ว่าฯสั่งปลด - กกต.ถอนชื่อ ศาลฎีกา ชอบแล้ว

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 11 มิถุนายน 2562 เวลา 19:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

บัญชีทรัพย์สิน | Isranews | รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ฐนันดร อุดมสินค้า | พรรคเพื่อชาติ | กกต. | คณะกรรมการการเลือกตั้ง

เคสใหม่! ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ จ.กาญจนบุรี ถูก กกต.ถอนชื่อ เหตุถูกผู้ว่าฯสั่งปลดจากตำแหน่ง นายก อบต. กระทำการด้วยไม่ชอบต่อหน้าที่ ทุจริต ร้องคัดค้าน ศาลฏีกาพิพากษา ชอบแล้ว พบเบื้องหลังถูก ป.ป.ช. ชี้มูลปมงดเบิกจ่ายเงินพนักงาน

11มย62 ACOV ss

คดีเพิกถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 นอกจากผู้สมัครถือครองหุ้นสื่อมวลชน ยังมีกรณีขาดคุณสมบัติอันเนื่องมาจากคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ผู้สมัครมิได้เป็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ,กรณี ผู้สมัคร ถูกให้พ้นจากราชการเพราะทุจริต ,กรณีเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่มารับสมัครเป็น ส.ส. ตามที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดมีกรณีผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อชาติ จ.กาญจนบุรี ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ไม่ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครเนื่องจากมีประวัติถถูกผู้ว่าราชการสั่งให้พ้นตำแหน่ง เนื่องจากกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผู้สมัครรายดังกล่าวไปร้องคัดค้านต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ปรากฎว่าศาลฎีกา ยกคำร้อง

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2562 ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 1100/2562 ระหว่าง นายฐนันดร อุดมสินค้า ผู้ร้อง ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 5 จ.กาญจนบุรี ผู้คัดค้าน

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อชาติ ผู้คัดค้าน ไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่า ผู้ร้องขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ผู้ร้องมิได้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขอให้มีคําสั่งให้ผู้คัดค้านเพิ่มชื่อผู้ร้องในรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อชาติ

ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต ผู้คัดค้านได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตแล้ว ปรากฏว่าผู้ร้องขาดคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ขอให้ยกคําร้อง

ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสํานวนประชุมปรึกษาพิจารณาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่

เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ... (8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ...” และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 บัญญัติเช่นเดียวกันว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ... (10) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ...” ดังนั้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องไม่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

ข้อเท็จจริงปรากฏในทางไต่สวนประกอบคําร้องคําคัดค้าน และเอกสารพยานหลักฐานแห่งคดีว่า ผู้ร้องเคยถูกผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีลงนามในคําสั่งจังหวัดกาญจนบุรี เรื่อง สั่งให้ผู้ร้องในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตําบลลุ่มสุ่ม อําเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี พ้นตําแหน่งตามความในมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2537 โดยมีพฤติการณ์กระทําการละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่” อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2537 จึงสั่งให้ผู้ร้อง พ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลลุ่มสุ่มตามความในมาตรา 64 (6) เมื่อผู้ร้องเคยถูกผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีมีคําสั่งให้ผู้ร้องในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตําบลลุ่มสุ่มพ้นจากตําแหน่งเนื่องจากมีพฤติการณ์กระทําการละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่ จึงถือว่าผู้ร้อง เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะประพฤติมิชอบในวงราชการแล้ว ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 9
8 (8) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (10) ที่ผู้คัดค้านไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็น ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อชาตินั้น ชอบแล้ว

จึงมีคําสั่งให้ยกคําร้อง.

สำนักข่าวอิศรารายงานกรณีของนายฐนันดร อุดมสินค้า คล้ายกับคดี นายโอวภัทร คลังเพ็ชร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.พิษณุโลก พรรคภราดรภาพ ถูกกกต.ไม่ประกาศเป็นผู้สมัคร ส.ส. เนื่องจากเคยถูกให้พ้นจากราชการเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

สำหรับนายฐนันดร ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ เมื่อช่วงปลายปี 2561 ชี้มูลเนื่องจาก สั่งให้งดการเบิกจ่าย และค่าจ้าง รวมถึงบอกเลิกสัญญาจ้างพนักงานจ้างโดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และส่งไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ฟันอดีตนายก อบต.ลุ่มสุ่ม-กาญจน์ เลิกจ้าง พนง.มิชอบ ส่ง อสส.ฟ้องอาญาแล้ว)

11มย62 A ss1