- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- เปิดตัวแก๊ง"ลูกแพะ"ยึดหัวหาด"ไทย" ฐานผลิตพาสปอร์ตปลอม!
เปิดตัวแก๊ง"ลูกแพะ"ยึดหัวหาด"ไทย" ฐานผลิตพาสปอร์ตปลอม!
"เมื่อได้พาสปอร์ตฉบับจริงมา “นักปลอมพาสปอร์ต” จะใช้วิธีการที่เรียกกันว่าการ “ผ่าบัตร” ด้วยการเปลี่ยนรูป-เปลี่ยนชื่อ-เปลี่ยนทุกอย่าง เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกับเจ้าของพาสสปอร์ตคนใหม่”
แม้เหตุการณ์เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน “เอ็มเอช 370” กัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง สูญหายไปจากเรดาร์ของหอบังคับการการบิน ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา
จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเกิดจากสาเหตุอะไร?
ทว่า “ประเทศไทย” กลับตกเป็น “แพะรับบาป” จากคนเกือบทั่วทุกมุมโลก หลังถูกประเทศมหาอำนาจอย่าง “สหรัฐอเมริกา” โดยสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ “เอฟบีไอ” แจ้งเตือน “มาเลเซีย” ว่าได้ตรวจสอบพบการใช้หนังสือเดินทางปลอม หรือพาสปอร์ตปลอม 2 ฉบับ
โดยเป็นของผู้โดยสาร 2 ราย ซึ่งเป็นหนังสือที่เจ้าของตัวจริงถูกโขมยไปจากประเทศไทยเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นของชาวอิตาลี 1 เล่ม และ ออสเตรีย 1 เล่ม
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลจากแฟ้มลับของหน่วยงานความมั่งคง เกี่ยวกับ “แก๊ง” อาชญากรใน “ประเทศไทย” ที่มักจะถูกผูกโยงกับ “การก่อการร้าย” ในหลายครั้งที่ผ่านมา
พบว่ามีอาชญากรข้ามชาติ หลายกลุ่ม-แก๊ง เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการประกอบกิจการ-ขยายธุรกิจผิดกฎหมาย-การก่อการร้าย จำนวนมาก
โดยหน่วยงานความมั่นคงแบ่งย่อยกลุ่ม-แก๊งค์ ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.แก๊งลูกหมี ประกอบด้วย รัสเซีย ยูเครน อุซเบกิสถาน เป็นต้น ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่แยกตัวจากสหภาพโซเวียต
2.แก๊งลูกแพะ ประกอบด้วย ปากีสถาน อินเดีย บังคลาเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นประเทศจากกลุ่มประเทศเอเชียใต้
3.แก๊งลูกหมู ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เป็นต้น
ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม-แก๊ง ก็จะมีพื้นที่อิทธิพลแบ่งเฉลี่ยความรับผิดชอบกันไป พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก โดยเฉพาะพัทยาและภูเก็ต จะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม-แก๊งเหล่านี้อยู่เยอะ
ในส่วนของการ “ปลอมพาสสปอร์ต” กลุ่ม-แก๊ง ที่มีความชำนาญมากที่สุดคือ “แก๊งลูกแพะ” ฝีมือขั้นเทพโฟกัสไปที่ “นักปลอมพาสปอร์ต” จาก “ปากีสถาน” มีมาตรฐานการปลอมแปลงพาสปอร์ตได้แนบเนียนที่สุด
โดย “นักปลอมพาสปอร์ต” จะไม่ปลอมพาสปอร์ตยกเล่ม แต่จะจ้องขโมยจากนักท่องเที่ยว แต่อีกวิธีการหนึ่งคือการรับซื้อพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยว ซึ่งบางคนมีเจตนาขาย เพื่อหาเงินนำมาท่องเที่ยว
เมื่อได้ฉบับจริงมา “นักปลอมพาสปอร์ต” จะใช้วิธีการที่เรียกกันว่าการ “ผ่าบัตร” ด้วยการเปลี่ยนรูป-เปลี่ยนชื่อ-เปลี่ยนทุกอย่าง เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกับ “เจ้าของพาสปอร์ตคนใหม่”
ส่วนราคาจำหน่าย “ฉบับปลอม” ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และกำลังเงินของคนซื้อ โดยจะประเมินว่ามาจากถิ่นฐานใด
ด้าน “แก๊งลูกหมู” จะมีความชำนาญในการปลอมแปลง “บัตรเครดิต” มากที่สุด โดยเฉพาะ “ฮ่องกง” และอาจจะร่วมถึง “มาเลเซีย” ที่มีความสามารถในการปลอม “บัตรเครดิต” ติดลำดับท็อปไฟว์ด้วย
ส่วน “แก๊งลูกหมี” จะชอบขยายอิทธิพลทางธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติมากกว่า
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า จากนโยบายเปิดเสรีด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย มีเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามาก และพวกอาชญากรที่แฝงเข้ามาในรูปของนักท่องเที่ยวเข้ามามากเช่นกัน
“เรายังหละหลวมในการตรวจตรานักท่องเที่ยวมาก เราตรวจสอบได้น้อยมากว่าคนที่เข้ามามีส่วนพัวพันกับการก่อการร้ายหรือไม่ ประเทศไทยจึงเป็นสวรรค์ของกลุ่มคนเหล่านี้” แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า แก๊งลูกหมี แก๊งลูกแพะ แก๊งลูกหมู ส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะอย่างนั้น พวกนี้ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นไปในลักษณะเข้ามาฝังราก แต่จะเข้ามาปฏิบัติการเป็นห้วงๆ แต่ว่ากลุ่มเหล่านี้มักมีความสัมพันธ์กับพวกคนไทยบางกลุ่ม”
ทว่าล่าสุดเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน “เอ็มเอช 370” กัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง สูญหายไป จากการตรวจสอบของ “หน่วยข่าว” ทั้งทางการมาเลเซียและไทย ยังไม่มีการระบุว่าเป็นการก่อการร้าย
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ยังระบุด้วยว่า เบื้องต้นเท่าที่มีการแจ้งข้อมูลกันระหว่างมาเลเซียกับไทย ยังไม่พบปัจจัยอื่นที่บ่งชี้ว่าเป็นการก่อการร้าย นอกจากการใช้พาสปอร์ตปลอมของนักท่องเที่ยว 2 คน จึงมีความเป็นไปได้น้อยว่าจะเป็นการก่อการร้าย แต่ยังไม่ตัดประเด็นทิ้ง ต้องสอบสวนต่อไป
ทั้งหมดคือที่มาที่ไปว่าเหตุไฉน “ประเทศไทย” จึงตกเป็น “จำเลยโลก” มาหลายครั้ง ยามเกิดเหตุสลดที่อาจจะมีมูลเหตุมาจากการก่อการร้าย
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ “หน่วยงานความมั่นคง” จะเอาจริงเอาจังในการปราปราม “กลุ่ม-แก๊ง” อิทธิพลข้ามชาติ ที่แฝงตัวมาในคราบ “นักท่องเที่ยว”