- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- พบซี 9 กรมสรรพากรเอี่ยวปมคืนภาษี 30 บริษัทปริศนา 3.6 พันล้าน
พบซี 9 กรมสรรพากรเอี่ยวปมคืนภาษี 30 บริษัทปริศนา 3.6 พันล้าน
เปิดชื่อซี 9 กรมสรรพากรเอี่ยวปมคืนภาษี 30 บริษัทปริศนา 3.6 พันล้าน สั่งไม่ต้องรอ 6 เดือน ด้านแม่“กิติศักดิ์”กรรมการ 2 บ.ยันลูกชายรับจ้างทำนา ไม่เชื่อถือหุ้นธุรกิจได้
กรณีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ 30 บริษัทมูลค่า 3,647.7 ล้านบาทซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นพียงห้องเช่าในอาคารย่านสีลม กรุงเทพฯ ขณะที่ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทเป็นเพียงลูกจ้าง บางรายประกอบอาชีพชาวไร่ ชาวนา โดยมีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดตามข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของกรมสรรพากรพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวและรับผิดชอบในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 ซึ่งปัจจุบันมีนายศุภกิจ ริยะการ เป็นผู้อำนวยการสำนัก (ระดับ 9)
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า โดยปกติการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ของผู้ประกอบการแต่ละราย โดยเฉพาะรายที่จดทะเบียนตั้งใหม่และมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อขอคืนภาษี ฝ่ายคืนภาษีจะส่งข้อมูลให้ทีมกำกับดูแลเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของการประกอบกิจการก่อนการอนุมัติคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบนานนับเดือน หรืออาจเป็นปี หากผลการตรวจสอบการคืนภาษีในเดือนแรกที่ส่งให้ทีมกำกับดูแลตรวจสอบและเจ้าหน้าที่ยังตรวจไม่เสร็จสิ้น ในเดือนถัดไปยังมีการขอคืนภาษีอีก จะต้องยับยั้งการอนุมัติการคืนไว้ก่อน
กรณี 30 บริษัทที่เป็นปัญหานั้น ผู้ประกอบการได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มมียอดขายเป็นยอดส่งออกสินค้าหลายร้อยล้านและขอคืนด้วยเงินสดในแต่ละเดือนภาษีเป็นเงินจำนวนมาก และได้แจ้งเลิกประกอบกิจการ จำนวน 12 บริษัท ทว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทีมกำกับดูแลใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่กี่วันและแจ้งให้คืนภาษีได้
มีข้อมูลระบุว่า ในการตรวจสอบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณี 30 บริษัท ผู้บริหารของสำนักงาน คือ นายศุภกิจ ริยะการ ผู้อำนวยการสำนัก ให้ตรวจสอบและสั่งการให้คืนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 6 เดือน ตามแนวทางปฏิบัติเดิมของกรมสรรพากรก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 12 มิถุนายน 2556 ได้ติดต่อไปยัง สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 (บางรัก) เพื่อขอสัมภาษณ์ นายศุภกิจ ริยะการ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องการอนุมัติคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทเอกชน 30 แห่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 12 มิถุนายน นายศุภกิจ ไม่เข้ามาที่สำนักงาน ติดภารกิจไปเรียน ขอให้ติดต่อกับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้บริหารท่านอื่นในสำนักงานที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้แทนได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ระบุว่า ขอให้รอฟังข้อมูลจากนายศุภกิจ เพียงคนเดียวจะดีกว่า
@@แม่ “กิติศักดิ์”ยันลูกชายรับจ้างทำนาไม่เชื่อทำธุรกิจ
ขณะที่ความคืบหน้ากรณี นายกิติศักดิ์ อัญญโชติ ซึ่งมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เกิดทรัพย์มั่งมี จำกัด และบริษัท เคเคพโอ จำกัด และอดีตสามี นายประสิทธิ์ อัญญโชติ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 บริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 30 บริษัทที่ได้รับคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม จากกรมสรรพากร จำนวนเงิน 3,647 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 นางบุญมี สงจันทร์ อายุ50 ปี มารดาของ นายกิติศักดิ์ อัญญโชติ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เกิดทรัพย์มั่งมี จำกัด และบริษัท เคเคพโอ จำกัด และอดีตสามี นายประสิทธิ์ อัญญโชติ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 บริษัท ในจำนวนบริษัท 30 แห่ง ซึ่งได้รับคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม จากกรมสรรพากร จำนวนเงิน 3,647 ล้านบาท ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ไม่เชื่อว่าลูกชาย จะมีตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร เนื่องจากลูกชาย จบแค่ ม.6 มีอาชีพรับจ้างทำนา ตัดหัวมัน และตัดหญ้าไปวันๆ ได้ค่าแรงแค่วันละ 250-300 บาทเท่านั้น
“ป้าไม่ได้เจอลูกชายตัวเองมาหลายเดือนแล้ว ล่าสุดที่คุยโทรศัพท์กัน เขาเล่าให้ฟังว่ามีเงินจากค่ารับจ้างทำนาตัดหัวมัน ตัดหญ้า ได้ค่าแรงวันละ 250-300 กว่าบาทเท่านั้นเขาจะไปมีชื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นในบริษัทอะไรได้ ”
นางบุญมี เล่าให้ฟังต่อว่า ล่าสุดที่เจอกันก็ช่วงที่กลับมาที่บ้านลุงกับป้าที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อเลือกตั้งสมาชิก อบต.บางพระหลวง ปี 2555 ก็พบว่ายังไม่ได้มีฐานะดีอะไร รับจ้างทำงานไปวันๆ เท่านั้น และยังได้ให้เงินลูกชายของนายกิติศักดิ์ ซึ่งเป็นหลานของนางบุญมีไปอยู่เลย และที่ผ่านมา นายกิติศักดิ์ ก็ไม่เคยส่งเงินให้ใช้จ่ายอะไรแต่อย่างใด
นางบุญมี กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้พักอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา กับสามีใหม่ มีอาชีพทำไร่ทำนา หลังจากได้รับแจ้งข่าวเรื่องการเข้าไปเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ของ นายกิติศักดิ์ จากญาติที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ตนเองและคนในครอบครัวได้พยายามติดต่อนายกิติศักดิ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน
“ป้าไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไงนะ แต่คิดว่าลูกชายป้าอาจจะถูกแอบอ้างชื่อเข้าไปเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นอะไรเขานะ เพราะลูกชายป้ามันก็แค่คนรับจ้างทำงานไปวันๆ จะไปทำธุรกิจอะไรแบบนั้นได้ยังไง"
เมื่อถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับ นายประสิทธิ์ อัญญโชติ สามีเก่า นางบุญมี ระบุว่า ไม่ค่อยรู้อะไรมาก หลังจากที่เลิกกันไปหลายปีแล้ว ทราบข่าวเพียงแค่ว่าเขาไปรับจ้างทำงานอยู่ในโรงงานที่กรุงเทพเท่านั้น และก็ไม่น่าจะไปมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอะไรแบบลูกชายได้
-------------------------
อ่านประกอบ :
“ทนุศักดิ์” ลั่น ฟันไม่เลี้ยง ขรก. เอี่ยว คดี 30 บ.ปริศนาคืนภาษี VAT 3.6 พันล้าน!!
ตีแสกหน้า!กรมสรรพากร บริษัทขอคืนภาษี 3.6 พันล. ล่องหน-ห้องเปล่า-ไร้ป้ายชื่อ
เปิด“ชื่อ -วงเงิน” 30 บริษัทปริศนา! ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 3.6 พันล้าน
พบ 30 บริษัทปริศนา!ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 3.6 พันล้าน เพิ่งก่อตั้ง-เบอร์โทร.เดียวกัน