- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- ดีเอสไอเรียกก.คลังกล่าวโทษคดีคืนภาษีรวม 58 บริษัท-“ยิ่งลักษณ์”สั่งจัดการถึงที่สุด
ดีเอสไอเรียกก.คลังกล่าวโทษคดีคืนภาษีรวม 58 บริษัท-“ยิ่งลักษณ์”สั่งจัดการถึงที่สุด
ดีเอสไอ เรียก ก.คลัง ร้องทุกข์กล่าวโทษ เครือข่ายคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเติมหลังพบยอดชัดเจน 58 บริษัทวงเงิน 4.2 พันล้าน - รองปลัดฯเผย“ยิ่งลักษณ์”สั่งผ่าน“กิตติรัตน์”จัดการคดีนี้ถึงที่สุด
(ภาพจาก innnews.co.th )
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผย สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ดีเอสไอ ได้แจ้งให้กระทรวงการคลัง มาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทเอกชนในเครือข่ายที่ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรเพิ่มเติม หลังจากดีเอสไอ ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและพบว่าบริษัทเอกชน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีจำนวนมากกว่าที่กระทรวงการคลังเคยแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้เดิม ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา
“เดิมที่จำนวนบริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลัง มายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ในคดีนี้ อยู่ที่หลัก 10 กว่าราย แต่จากการขยายผลสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีบริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นจำนวนถึง 50 กว่าบริษัท วงเงินภาษีที่ถูกโกงไปสูงถึง 4 พันกว่าล้านบาท ดังนั้น เพื่อให้การสอบสวนเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องให้กระทรวงการคลัง มาร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทให้ครบทั้งจำนวนเพิ่มเติม”
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลัง ให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทเอกชน ที่ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในช่วงที่ดีเอสไอ ส่งตัวแทนมาสอบปากคำตน ได้ขอให้ตนยืนยันการร้องทุกข์กล่าวโทษกับกลุ่มบริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้เพิ่มเติมแล้ว โดยจำนวนบริษัทล่าสุด อยู่ที่ตัวเลข 58 ราย รวมวงเงินภาษีที่ได้รับคืนไปอยู่ที่ตัวเลข 4.2 พันล้านบาท
“ขั้นตอนการดำเนินการจากนี้ไป ในส่วนของดีเอสไอ เท่าที่ทราบกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนขอออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้อง ในส่วนเงินภาษีที่ถูกฉ้อโกงไป ทางกระทรวงการคลังเรายืนยันว่าอยากได้คืนมาให้ครบจำนวน แต่ถ้าตามคืนกลับมาไม่ได้ครบจริงๆ ก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ ใครอนุมัติจ่ายเงินไป โดยไม่ทำตามระเบียบที่กำหนดไว้จะต้องรับผิดชอบ เข้าใจว่าทางกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้เข้ามาพิจารณาในขั้นตอนการเรียกเงินคืนอีกครั้ง”
นายรังสรรค์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบข้อมูลในส่วนของกรมศุลกากร ว่า ขณะนี้ทางกรมศุลกากร ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาว่าใครเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้บ้าง คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า การให้ข้อมูลของกรมศุลกากร ที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสังเกต ว่ามีความสับสน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หลายครั้ง เดิมบอกว่า ตรวจพบว่ามีการนำก้อนหินมาส่งออก ต่อมาบอกว่าปัญหาเกิดจากการสำแดงราคาส่งออกเกินความจริง
นายรังสรรค์ กล่าวว่า ข้อมูลในส่วนของกรมศุลกากร เป็นเรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น มี นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะเข้าไปดูด้วยอยู่แล้ว หากผลการตรวจสอบปรากฏออกมาว่าใครเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง คนนั้นก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
นายรังสรรค์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้รับรายงานความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงจากนายประสิทธิ์ พบว่า ยังติดขัดปัญหาการส่งมอบเอกสารบางส่วนที่ล่าช้าจากกรมสรรพากรอยู่
นายรังสรรค์ ยังกล่าวด้วยว่า เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ระดับนโยบายของกระทรวงการคลัง มอบหมายให้จัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยในส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายผ่านทางนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า จัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด