- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- แกะรอย“วงเงิน”ทุจริตคืนภาษี ยอดจริงเท่าไหร่กันแน่ ใครมั่วนิ่ม?
แกะรอย“วงเงิน”ทุจริตคืนภาษี ยอดจริงเท่าไหร่กันแน่ ใครมั่วนิ่ม?
เทียบตัวเลขความเสียหายกรณีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 3 หน่วยงานรัฐ กก.ชุดก.คลัง กรมสรรพากร ดีเอสไอ สรุปยอดหายนะไม่ตรงกัน 2,878 - 4,341 หรือ 4,600 ล้าน แท้จริงเท่าไหร่กันแน่ กี่บริษัท ใครมั่วนิ่ม?
กรณีคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกลุ่มนายวีรยุทธ แซ่หลก มีข้อมูลที่ไม่ตรงกันว่าแท้จริงแล้วมีความเสียหายเท่าไหร่กันแน่? ระหว่างข้อมูลของคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงการคลัง ข้อมูลของกรมสรรพากร และข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ตัวเลขของกระทรวงการคลังนั้น ก่อนหน้านี้ วันที่ 22 สิงหาคม 2556 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมีนายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ ระบุผลสอบที่มีการแถลงข่าวในวันดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนเพียงแค่ 20 ราย จากข้อมูลเอกชนที่มีอยู่ทั้งหมด 65 ราย ยังเหลือข้อมูลเอกชนอีก 45 ราย ที่จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ความเสียหายจำนวนเงิน 4,341 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่สมุทรปราการ จำนวน 1,135 ล้านบาท และบางรัก 3,206 ล้านบาท
ส่วนตัวเลขกรมสรรพากร จากคำแถลงของนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ในวันเดียวกันยืนยันความเสียหายอยู่ที่ 2,878 ล้านบาท จำนวน 38 ราย จากยอดทั้งหมด 58 ราย
ขณะที่ดีเอสไอ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ความเสียหายอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท แต่ดีเอสไอมิได้ระบุตัวเลขนิติบุคคลมีจำนวนกี่บริษัท
ทว่าก่อนหน้านี้วันที่ 13 มิ.ย.2556 สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่าดีเอสไอได้ส่งหนังสือถึงสำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อายัดการจดทะเบียน 49 บริษัท
(อ่านประกอบ:ดีเอสไอร่อนหนังสือ“ระงับแจ้งเลิก” 49 บริษัทเครือข่ายคืนภาษี 4.2 พันล้าน)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าในพื้นที่บางรักมีจำนวน 30 บริษัท วงเงินคืนภาษีมูลค่าในปี 2555-2556 จำนวน 3,647,759,555 บาท และในพื้นที่ จ.สมุทรปราการเฉพาะ 5 บริษัท 650,805,262 บาท (ที่มีข้อมูล) รวมเป็น 35 บริษัท 4,298,564,817 บาท
ต่อมานายศุภกิจ ริยะการ สพ. 22 (บางรัก) ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราว่าได้ระงับการขอคืนภาษีมูลค่าในพื้นที่บางรักประมาณ 400 ล้านบาท เท่ากับยอดความเสียหายในพื้นที่บางรักประมาณ 3,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับตัวเลขการแถลงข่าวของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2556
สำหรับจำนวนบริษัทของเครือข่ายนายวีรยุทธ แซ่หลก กับพวกนั้นจากตรวจสอบพบว่ามีทั้งสิ้น 63 บริษัท
ไม่รวมบริษัท ดี.โอ.แฟคตอรี จำกัดธุรกิจส่วนตัวของข้าราชการ ซี 8 กรมสรรพากร และ บริษัท ดีร้อยแวลูเออร์ จำกัด ธุรกิจส่วนตัวของนายสุรพล เมฆะอำนวยชัย ผู้สอบบัญชีบริษัทกลุ่มนายวีรยุทธ
ทั้งนี้ ในจำนวน 63 บริษัท จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบนิติบุคคลที่ไม่ปรากฏในรายชื่อที่ดีเอสไอและกรมสรรพากร มีหนังสือขอให้ระงับการจดทะเบียนเลิกหรือเสร็จการชำระบัญชี จำนวน 8 บริษัท คือ
บริษัท รินดีโลหะ จำกัด บริษัท ภูมากทรัพย์ จำกัด บริษัท ไอ.เอ็ม.พี.โอ.เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เดอะเธิร์ด เวิลด์ เมทัล จำกัด บริษัท เค.บี.เอส.เอ็ม จำกัด บริษัท ซัมเมอร์ สตีล จำกัด บริษัท โอเพ่น เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท ฟรี สตีล จำกัด
รายที่ถูกอายัดล่าสุดคือ บริษัท เค.เอ็น.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2556 (สำนักข้อมูลธุรกิจลงรับวันที่ 5 ส.ค.2556) โดยสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 28
ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะ 3 หน่วยงาน เห็นได้ว่ามีข้อมูลที่ไม่ตรงกันหลายจุดโดยเฉพาะหน่วยงานรัฐด้วยกัน ไฉนไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชน?