- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- เสียงข้างน้อยศาล ปค.ชี้ “บ.ไร่ส้ม” ไม่ควรได้เงินจาก “อสมท.” ?
เสียงข้างน้อยศาล ปค.ชี้ “บ.ไร่ส้ม” ไม่ควรได้เงินจาก “อสมท.” ?
เปิดความเห็นตุลาการ "เสียงข้างน้อย" ของศาล ปค. คดีโฆษณาเกินเวลา ชี้ “บ.ไร่ส้ม” ไม่ควรได้เงินจาก “อสมท.” แม้แต่บาทเดียว ?
ก่อนที่องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางจะอ่านคำพิพากษาให้ บริษัท อสมท (มหาชน) จำกัด หรือ บมจ.อสมท.จ่ายเงินให้กับ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด หรือ บ.ไร่ส้ม ของ “สรยุทธ สุทัศนะ จินดา” นักเล่าข่าวชื่อดัง ในคดีโฆษณาเกินเวลาจากการจัดรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ระหว่างปี 2547-2549 เมื่อวานนี้
ศาลได้ออกตัวว่า เนื่องจากคดีนี้มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน รวมถึงมีผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้มีชื่อเสียง ดังนั้นนอกจากคำพิพากษาของตุลาการเสียงข้างมาแล้ว ศาลจะอ่านความเห็นแย้งของตุลาการเสียงข้างน้อยด้วย
ขณะที่ตัวแทน บมจ.อสมท.ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาจบว่า “คดีนี้ทราบว่าผลการตัดสินออกมาเฉียดฉิวมาก มติ 3:2 ดังนั้นเราะจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอย่างแน่นอน โดยจะนำความเห็นแย้งของตุลาการเสียงข้างน้อยประกอบไปด้วย”
สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นอย่างไรต่อคดีนี้?
ในคำพิพากษาที่เผยแพร่ออกมาในช่วงเย็นวันที่ 25 ก.ย.2556 ได้เผยแพร่ความเห็นแย้งของตุลาการเสียงข้างน้อยในคดีนี้ มีความยาว 8 หน้ากระดาษเอสี่
“สำนักข่าวอิศรา” จะขอสรุปสาระสำคัญให้ฟัง ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง บ.ไร่ส้มมีสิทธิได้รับค่าส่วนลด 30% ของค่าโฆษณาส่วนเกินในสัญญาหรือไม่?
ตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นว่า ต้องพิจารณาว่าสัญญาที่ บ.ไร่ส้มทำไว้กับ บมจ.อสมท ในการร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” เป็นข้อตกลงในรูปแบบที่เรียกว่า Time Sharing อัตรา 50:50 หรือไม่ จากการตรวจสอบสัญญาที่ บ.ไร่ส้มทำไว้กับ บมจ.อสมท.ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง พบว่าเป็นสัญญาในข้อตกลงภายใต้หลักการ Time Sharing อัตรา 50:50 ในอีกนัยหนึ่ง เป็นการแบ่งเวลาเพื่อหารายได้จากการโฆษณาในระยะเวลาที่เท่ากันแทนการจ้างอ่านข่าว โดยมีการกำหนดอัตราค่าโฆษณาขั้นต่ำ ในอัตรานาทีละ 2 แสนบาท 2.2 แสนบาท หรือ 2.4 แสนบาท แล้วแต่กรณีนี้ เพื่อไม่ให้แต่ละฝ่ายตัดราคากันเอง หาก บ.ไร่ส้มโฆษณาเกินเวลาที่กำหนด จะต้องชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินในสัญญาให้กับ บมจ.อสมท.
หรืออีกนัยหนึ่งคือเวลาทั้งหมดเป็นของ บมจ.อสมท.ในฐานะเจ้าของสถานี และขึ้นอยู่กับว่า บมจ.อสมท.จะแบ่งปันเวลาตอบแทนเป็นค่าโฆษณาให้ บ.ไร่ส้มเป็นระยะเวลาเท่าใด ซึ่งเป็นข้อกำหนดในสัญญาทางปกครอง "ที่รัฐมีสิทธิเหนือเอกชน" ดังนั้น หาก บ.ไร่ส้มใช้เวลาในการโฆษณาเกินกว่าเวลาที่ บ.ไร่ส้มมีสิทธิตามที่ระบุไว้ในสัญญา ก็จะมีผลทำให้ค่าโฆษณาของ บ.ไร่ส้มตกเป็นของ บมจ.อสมท.ทันที และถือว่าเป็นมาตรการอย่างหนึ่งในการควบคุมการออกอากาศโฆษณาไม่ให้มีมากจนเกินไปจนกระทบต่อประโยชน์ของประชาชนในการจะได้รับข้อมูลข่าวสาร
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บมจ.อสมท.ได้แจ้ง บ.ไร่ส้มมีว่าค่าโฆษณาส่วนเกิน เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท และไม่อาจพิจารณาส่วนลด 30% ได้ จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามสัญญาดังกล่าวแล้ว
กรณีนี้ บ.ไร่ส้มจึงไม่อาจได้รับค่าส่วนลด 30% จากค่าโฆษณาส่วนเกินได้
ส่วนการแปลเจตนารมณ์ของสัญญาร่วมผลิตรายการ ที่ระบุว่า สำหรับส่วนลดและกลยุทธ์การขายให้เป็นไปตามที่ บ.ไร่ส้ม ตกลงไว้กับสำนักการตลาดของ บมจ.อสมท. (มีค่าส่วนลด 30%) โดยให้คำนึงถึงสภาวะการตลาดในขณะนั้น เห็นว่า เป็นการแปลเจตนารมณ์ของสัญญาไปในทางที่ไม่สุจริตจากทั้ง บ.ไร่ส้มและเจ้าหน้าที่ของ บมจ.อสมท.เพื่อซ่อนเร้นเจตนาที่แท้จริงตามสัญญา ที่ไม่ต้องการให้ บ.ไร่ส้มโฆษณาเกินกว่าเวลาที่ระบุไว้ตามสัญญา และทำให้เกิดการหลงอ้างและหลงต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายในคดีนี้
ทั้งนี้ เพราะเจตนารมณ์ของสัญญาดังกล่าว เป็นเรื่องของการขายและกลยุทธ์ในการโฆษณา อันเป็นแนวทางปฏิบัติทางการค้าว่าจะตกลงลดค่าโฆษณาให้แก่ลูกค้าเท่าใด ไม่ใช่เป็นเรื่องการปฏิบัติตามสัญญาในกรณีที่ บ.ไร่ส้มโฆษณาเกินเวลาส่วนของตน ที่ตามเงื่อนไข บ.ไร่ส้มจะต้องชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้แก่ บมจ.อสมท. เพราะไม่เช่นนั้นข้อกำหนดค่าโฆษณาส่วนเกินก็ไม่สามารถใช้ปฏิบัติบังคับต่อกันได้ และที่สำคัญการกระทำของ บ.ไร่ส้มในกรณีนี้เท่ากับ บ.ไร่ส้มทำตัวเป็นลูกค้าเสียเอง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน
อีกทั้งการแปลเจตนารมณ์ของสัญญาให้ บ.ไร่ส้มมีสิทธิได้รับค่าส่วนลดจากค่าโฆษณาส่วนเกิน ไม่เพียงจะทำให้ค่าโฆษณาขั้นต่ำ ต่ำกว่านาทีละ 2 แสนบาท 2.2 แสนบาท หรือ 2.4 แสนบาท แล้วแต่กรณี แต่ยังขัดต่อข้อตกลง Time Sharing อัตรา 50:50 อย่างร้ายแรงด้วย รวมทั้งขัดต่อหลักการร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์ที่ดีต่อกันโดยสุจริต
นอกจากนี้ กรณีที่ บ.ไร่ส้มมีการโฆษณาเกินเวลาส่วนแบ่งไปมากเป็นเงินกว่าร้อยล้านบาท ตั้งแต่เดือน เม.ย.2548 ถึงเดือน ก.ค.2549 บ.ไร่ส้มก็ไม่มีการสอบถามหรือแสดงความจำนงเพื่อชำระค่าโฆษณาส่วนเกินหรือเจตนาต่อรองเรื่องค่าส่วนลดแต่อย่างใด กระทั่ง บมจ.อสมท.มีหนังสือให้ บ.ไร่ส้มมาชำระเงินดังกล่าวในเดือน ก.ค.2549 บ.ไร่ส้มจึงนำเงินมาชำระ การปฎิบัติดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติทางการค้าระหว่างคู่สัญญาในเรื่องค่าโฆษณาส่วนเกินและค่าส่วนลด 30% ในค่าโฆษณาส่วนเกิน
บ.ไร่ส้มจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าส่วนลด 30% จากค่าโฆษณาส่วนเกินแต่อย่างใด
ประเด็นที่สอง บมจ.อสมท.จะต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้แก่ บ.ไร่ส้มกลับหรือไม่?
ตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นว่า เมื่อสัญญาร่วมผลิตรายการระหว่าง บ.ไร่ส้มกับ บมจ.อสมท. แบ่งโฆษณาให้กับ บ.ไร่ส้มไว้ชัดเจนว่า โฆษณาได้ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที หรือ 5 นาทีแล้วแต่กรณี และกำหนดว่า หาก บ.ไร่ส้มโฆษณาเกินเวลาในสัญญา จะต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้แก่ บมจ.อสมท.
เห็นได้ว่าแม้สัญญาร่วมผลิตรายการ จะเป็นข้อตกลงภายใต้หลักการ Time Sharing อัตรา 50:50 แต่สัญญาดังกล่าวกำหนดความรับผิดชอบในกรณีที่มีการโฆษณาเกินเวลาส่วนแบ่ง เฉพาะ บ.ไร่ส้มเท่านั้น ไม่ได้กำหนดความรับผิดกรณี บมจ.อสมท.โฆษณาเกินไว้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ บมจ.อสมท.ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการทางปกครองมี “เอกสิทธิ์” เหนือ บ.ไร่ส้มซึ่งเป็นเอกชน ซึ่งตามสัญญาร่วมผลิตรายการดังกล่าว ได้มีข้อกำหนดในลักษณะเดียวกันไว้หลายแห่ง อาทิ การเปลี่ยนชื่อรายการจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก บมจ.อสมท. การเปลี่ยนระยะเวลาเวลาออกอากาศจะทำได้โดย บมจ.อสมท.เท่านั้น หรือ บมจ.อสมท.สามารถบอกเลิกสัญญาได้ฝ่ายเดียว
จากกรณีข้างต้นเป็น “ลักษณะพิเศษ” ของสัญญาทางปกครอง และเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้คดีนี้เป็นคดีปกครอง ส่วนข้ออ้างของ บ.ไร่ส้มว่า เงื่อนไขการร่วมผลิตรายการดังกล่าว เป็นการเอาเปรียบ บ.ไร่ส้มและทำให้ บ.ไร่ส้มไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นว่าแม้จะรับฟังได้ว่า บมจ.อสมท.ได้โฆษณาเกินส่วนแบ่งเวลาล้ำเข้าไปในเวลาของ บ.ไร่ส้ม แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่า บ.ไร่ส้มได้รับความเสียหายหรือต้องรับภาระหนักขึ้นในการเป็นผู้ผลิตรายการ หรือเป็นการเอาเปรียบ บ.ไร่ส้มในสถานการณ์บังคับ จน บ.ไร่ส้มไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ บมจ.อสมท.จะต้องเยียวยาหรือจ่ายเงินชดเชยให้ ความเป็นธรรมที่แท้จริงในคดีนี้ ก็คือความเป็นธรรมตามที่ได้ตกลงกันตามสัญญาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจของ บ.ไร่ส้มที่ว่า ตนเองไม่ต้องชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินกว่า 138 ล้านบาทให้แก่ บมจ.อสมท. และจำนำเงินจำนวนดังกล่าวไปหักลบกับค่าโฆษณาที่ บมจ.อสมท.ได้โฆษณาเกินเวลาล้ำเข้าไปในเวลาของ บ.ไร่ส้ม เห็นว่า เป็นความเข้าใจโดยไม่สุจริตของ บ.ไร่ส้มและเจ้าหน้าที่ของ บมจ.อสมท. เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมากที่คู่กรณีทั้ง 2 ต้องชำระบัญชีกันโดยเร็ว บ.ไร่ส้มมีเจตนายึดเงินค่าโฆษณาดังกล่าวเป็นของตนเอง จนกระทั่งมีการทวงถามจาก บมจ.อสมท.
จึงวินิจฉัยว่า บมจ.อสมท.ไม่ต้องชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินตามคำฟ้องกว่า 147 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้ บ.ไร่ส้มแต่อย่างใด
จากเหตุผลข้างต้น ตุลาการเสียงข้างน้อยจึงไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาที่ให้ บมจ.อสมท. ชำระเงินกว่า 55.7 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีให้แก่ บ.ไร่ส้ม ภายใน 90 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
อ่านประกอบ
- ศาลปค.กลาง สั่ง "อสมท." จ่าย "บ.ไร่ส้ม" 55.7 ล้าน คดีโฆษณาเกินเวลา
ดาวน์โหลดคำพิพากษาคดีนี้ฉบับเต็มได้ ที่นี่