เอิร์ธฯส่งคำชี้แจงผู้ถือหุ้นแจ้งตลท.ยันไม่สร้างหนี้เทียมถูกบ.จีนฟ้องจริง-บริษัทไทยเลิกกิจการแค่สาขา

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 09:19 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

การทำผิดของเอกชน | Isranews | ข่าว | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) | สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

บ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธฯ ส่งคำชี้แจงผู้ถือหุ้นรายย่อย แจ้ง ตลท. ยันถูก 2 เอกชนจีนฟ้องร้องจริง ส่วนบริษัทในไทยที่เลิกกิจการไปแล้วเป็นสาขา ตั้งเพื่อปย.ขอรับชำระหนี้ตามกม. เมื่อคดีความจบลงอาจปิดตัวลง ชี้ถ้าผู้บริหารมีการสร้างหนี้เทียมจริง เหตุใดถึงไกล่เกลี่ยจนคดีจบสิ้นก่อนวันเข้าสู่แผนฟื้นฟู ไม่รอให้เข้าสู่แผนฯ ก่อนค่อยไปแอบเจรจากันภายหลัง

picidididididididididid26

สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลบริษัทเอกชนและบุคคลที่ปรากฎชื่อเป็นเจ้าหนี้ฟ้องร้อง บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมผู้บริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ รวมจำนวน 17 ราย กรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียม จำนวน 26,000 ล้านบาท เพื่อให้ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ (ดูข้อมูลประกอบhttp://capital.sec.or.th/webapp/webnews/printnews.php?preview=Y&cboType=S&lang=th&news_id=&news_yy=2561&news_no=147&sdate=&edate=)

ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท เทียนจิน โบไท จงซิง เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เจียงซู กวางรัน เทรดดิ้ง จำกัด ที่ปรากฎชื่อเป็นเจ้าหนี้ฟ้องร้อง บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ วงเงิน 23,800 ล้านบาท ปัจจุบันจดทะเบียนเลิกกิจการไปแล้ว และทั้ง 2 บริษัท ปรากฏชื่อ น.ส.ณัฎฐา แซ่ลี้ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจและถือหุ้นใหญ่สุด จดทะเบียนตั้งวันเดียวกัน 10 พฤศจิกายน 2560 ทำธุรกิจขายปลีกก๊าชและเชื้อเพลิงเหมือนกัน ส่วนนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการ ณ 31 ธ.ค. 2560 แจ้งว่า มีรายได้หลักพันบาท ขาดทุนหลักหมื่นบาท เหมือนกันด้วย แมละน.ส. ณัฎฐา แซ่ลี้ ยังปรากฎชื่อเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน นายหลิน ตงไห่ เจ้าหนี้ฟ้องร้องคดี บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธฯ รายที่ 3 มูลค่าหนี้ที่ฟ้องร้องจำนวน 2,975 ล้านบาท โดย นายหลิน ตงไห่ อยู่ในรายชื่อกลุ่มเจ้าหนี้และผู้รับมอบอำนาจของเจ้าหนี้ ที่ ก.ต.ล. ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ สอบสวนกรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียมด้วยเช่นกัน (อ่านประกอบ : เปิดตัวชาวจีนวัย49 โดน ก.ล.ต.สอบปมฟ้องเอิร์ธฯ2.9 พันล.-นั่งกก.บ.เจ้าหนี้แห่ง2ด้วย , พบ2เจ้าหนี้เอิร์ธฯ ก.ล.ต.สอบหนี้เทียม 2.3 หมื่นล.!แจ้งเลิกกิจการแล้ว-โชว์รายได้หลักพัน, แกะรอย'หญิงสาว'หุ้นใหญ่ 2 เจ้าหนี้เอิร์ธฯ2.3หมื่นล. คนพะเยา-พบตั้งบ.หลังยื่นฟ้อง4 ด.?)

สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อนำคำชี้แจงของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท ที่มีต่อการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับสำนักข่าวอิศรา กรณีนี้ดังกล่าว

ระบุสาระสำคัญที่เกี่ยวกับประเด็นข่าวที่นำเสนอว่า บริษัท เทียนจิน โบไท จงซิง เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เจียงซู กวางรัน เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศจีน เป็นคู่ค้าของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ จริง มีการทำธุรกรรมซื้อขายถ่านหินกับเอิร์ธที่ประเทศจีนมากว่า 5 ปีแล้ว ปัจจุบันยังมีการค้าขายกันอยู่ ซึ่งการที่บริษัททั้งสองแห่งมาตั้งสาขาในประเทศไทย ก็เพื่อประโยชน์ในการขอรับชำระหนี้ตามกฎหมายและกระบวนการตามแผนฟื้นฟู แต่บริษัทที่ทำการฟ้องร้องบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ เป็นบริษัทจากประเทศจีน ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยื่นขอใช้สิทธิ์นี้ หลังจากแผนฟื้นฟูกิจการผ่าน เจ้าหนี้ก็จะไม่ได้รับชำระหนี้แต่อย่างใด

คำชี้แจงยังระบุด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยยอมรับหนี้ที่ทั้งสองบริษัทนี้เรียกร้องได้มีการโต้แย้งเจรจาและไกล่เกลี่ย ซึ่งในท้ายที่สุดทั้งสองบริษัทก็ได้ถอนฟ้องและไม่เกิดความเสียหายอันใดต่อบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ

ขณะที่ บริษัทฯ ได้ทำการไกล่เกลี่ยจนมีการถอนฟ้องก่อนวันที่เจ้าหนี้จะมีมติรับรองแผนฟื้นฟู ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ศาลล้มละลายกลางไม่รับรองแผนฟื้นฟูกิจการเนื่องจากบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ถ้าผู้บริหารมีการสร้างหนี้เทียมจริง เหตุใดถึงไกล่เกลี่ยจนคดีจบสิ้นก่อนวันที่เข้าสู่แผนฟื้นฟู ทำไมไม่รอให้บริษัทเข้าสู่แผนฟื้นฟูก่อนค่อยไปแอบเจรจากันในภายหลัง และเมื่อคดีความได้จบลง บริษัทในประเทศไทยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการกฎหมาย ก็อาจปิดตัวลง ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ฯ เพราะไม่ได้เป็นคู่ค้ากัน

คำชี้แจงยังระบุด้วยว่า "ผู้ถือหุ้นซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของบริษัท ต้องการรับทราบข่าวที่เป็นความจริงที่มีทั้งสองด้าน แต่การนำเสนอข่าวแต่เพียงด้านเดียวของสื่อ หรือบิดเบือนประเด็นให้มีผู้คนเข้าใจผิดเช่นนี้ต่างหากที่จะเป็นการนำความเสียหายมาสู่บริษัทและผู้ถือหุ้นสามัญ ผมจึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านได้เห็นความจริงทั้งสองด้านใช้วิจารณญานในการรับฟังข่าว และขอให้บริษัทพิจารณาดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อผู้ที่ต้องการทำให้บริษัทเสียหายอย่างถึงที่สุด โดยผมก็อยากขอให้ผู้ถือหุ้นท่านอื่น ร่วมช่วยกันสืบหาความจริงว่าสื่อนี้ไปได้ข้อมูลมาจากที่ใด เพื่อดำเนินคดีกับผู้นั้นให้ถึงที่สุดด้วยเช่นกัน"

picidididiidididid56