- Home
- Investigative
- จัดซื้อจัดจ้าง
- แง้มกฐินซักฟอก “จำนำข้าว” เป้าใหญ่ “ยิ่งลักษณ์-5 รัฐมนตรี” เตรียมรับศึก
แง้มกฐินซักฟอก “จำนำข้าว” เป้าใหญ่ “ยิ่งลักษณ์-5 รัฐมนตรี” เตรียมรับศึก
ระอุ! รับสายลมหนาว เมื่อ ปชป.เตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รบ. โดย "ยิ่งลักษณ์-5 รมต." ติดโผถูกซัก ส่วนประเด็นใหญ่ยังเป็น "จำนำข้าว"
ด้วนเงื่อนเวลาตาม “ปฏิทินการเมือง” ที่เหลืออีกเพียง 6 สัปดาห์ก็จะถึงช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญแล้ว จึงเป็น “ไฟต์บังคับ” ให้กับฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้องยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เชื่อว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านจะซักฟอกนอกจากโครงการแสนล้านอย่าง “รับจำนำข้าว” ก็น่าจะมีเรื่อง “ชายชุดดำ” ที่ ปชป.คงหวังใช้เวทีสภาฯฟอกความผิดของตัวเอง
ถึงเวลานี้ ฝ่ายค้านก็ยังเก็บหลักฐานสำคัญที่จะใช้เป็น “หมัดเด็ด” ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเอาไว้ โดย “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ว่า เวลานี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมประเด็นและข้อมูล ที่ผ่านมามีคนส่งข้อมูลมาให้กับ ปชป.และยังหวังว่าจะได้รับต่อไป สำหรับเงื่อนเวลาในการยื่นญัตติคงต้องหารือกันภายใน ปชป.ให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม พอมีลายแทงจากคำพูดของ “นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต” โฆษก ปชป.ที่เคยแถลงไว้ว่า ประเด็นที่ ปชป.จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พท.น่าจะอยู่ใน 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้ 1.ทุจริตรับจำนำข้าว 2.ความไม่สงบภาคใต้ 3.ราคายางพาราตกต่ำ 4.ทุจริตงบแก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และ 5.กรณีเขาพระวิหาร
แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์การเมืองในเวลานี้ เชื่อว่าประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร คงไม่ถูกบรรจุไว้ในญัตติดังกล่าว เช่นเดียวกับเรื่องร้อนๆ ที่เกิดขึ้นปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา อย่างกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เพราะ “นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ยอมฮาราคีรี ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงมหาดไทย หัวหน้าและ ส.ส.พท. เพื่อชักฟืนออกจากกองไฟ ไม่ให้ฝ่ายค้านได้นำไปถล่มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสภา เรียบร้อยแล้ว
พิจารณาแนวทางการยื่นญัตติซักฟอกของฝ่ายค้านเวลานี้เป็นไปได้ 2 กรณี
1.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ทั้งคณะ
2.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีของแกนนำ ปชป.ตลอดเวลาที่ผ่านมา การอภิปราย ครม.ทั้งคณะหรือที่เรียกกันว่า “เหมาเข่ง” คงจะเป็นไปได้น้อยกว่าการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
เบื้องต้นเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่มีข้อสรุป เพราะมีข่าวว่าวอร์รูมของ ปชป.นำโดย “นายบัญญัติ บรรทัดฐาน” กำลังรวมรวบมประเด็นและเตรียมวางแนวทางอยู่ แต่กลุ่มคนที่น่าจะมามีส่วนร่วมในการเดินเกมชำแหละแผลรัฐบาลนายกฯ หญิงกลางสภา ไม่น่าจะพ้น นายชวน หลีกภัย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ นายถาวร เสนเนียม นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายกรณ์ จาติกวณิช นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายศิริโชค โสภา นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวิทยา แก้วภราดัย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นต้น
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า “ตัวผู้อภิปราย” ก็คือ “ข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปราย” เพราะหากยังจำกันได้ ช่วงต้นปีนี้เอง ที่ ปชป.ยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.กระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ไม่ดีพอ ทำให้ถูก พท.ย้อนศร กระทั่งหัวหน้า ปชป.อย่างนายอภิสิทธิ์ ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแจกถุงยังชีพกระทรวงพลังงานที่ จ.พิษณุโลก แม้ว่าท้ายสุดศาลรัฐธรรมนูญจะยกคำร้อง แต่ก็เล่นเอาทีมกฎหมายของ ปชป.วุ่นวายอยู่พักใหญ่
มาครั้งนี้ หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำงานได้ปีเศษ เชื่อว่า ปชป.จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เอาข่าวตัดแปะจาก “หนังสือพิมพ์-โลกออนไลน์” มาพูดในสภาอย่างที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะเหนื่อยหน่ายคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นแค่ “พิธีกรรมทางการเมือง” ไม่ใช่วาระสำคัญของประเทศที่ทุกคนต้องติดตามอย่างใจจดใจจ่อ
“ทีมข่าวอิศรา” ได้สอบถามแกนนำ ปชป.หลายคนถึงความชัดเจนเรื่องการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่แทบทุกคนพูดตรงกันว่า เวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุป และคนที่ตัดสินใจหลัก คือ “นายจุรินทร์” ประธานวิปฝ่ายค้าน
อย่าง นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. ปชป.ที่บอกว่า นายจุรินทร์ได้เรียก ส.ส.ไปคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อสอบถามประเด็นที่จะอภิปราย ว่ามีมากน้อยขนาดไหน ที่สำคัญจะไม่ให้ ส.ส.ในพรรคมาเจอกัน เพราะต้องการให้ทุกอย่างเป็นความลับ
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านคงมุ่งไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอรรถวิชช์กล่าวยอมรับว่า ก็คงแบบนั้น แต่จะเชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ยืนยันว่าจะมีมีข้อมูลนอกเหนือจากที่เป็นข่าวแน่นอน
"ประเด็นหลักน่าจะเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว" นายอรรถวิชช์กล่าว
สำหรับ “บุคคลที่จะถูกอภิปราย” แน่นอนว่า ในประเด็นจำนำข้าว นอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงต้องมีชื่อของ “นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกฯและ รมว.กระทรวงการคลัง และ “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.กระทรวงพาณิชย์ ที่ใครต่อใครพูดว่าเป็นเด็กในสังกัด “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวของนายกฯ
โดยมีประเด็นที่ถูกล็อกเป้าไว้แล้ว เช่น การขายข้าวให้ต่างประเทศแบบจีทูจี 7.3 ล้านตัน ที่ ปชป.เชื่อว่าไม่มีการขายจริง แต่เป็นการระบายให้เอกชนที่ใกล้ชิดรัฐบาลนำไปปรับปรุงและขายต่อให้เมืองนอกอีกทอด โดยบริษัทเดียวกันจะทำธุรกิจแบบเป็นนายหน้าใหญ่เพื่อเก็บหัวคิวกับประมูลที่จะมาประมูลข้าวจากโกดังของรัฐอีกทอด รวมถึงการรั่วไหลของงบประมาณที่ต้องเสียไปปีละนับแสนล้านบาทเพียงเพื่อพยุงโครงการที่รัฐบาลไม่กล้ายกเลิกเพราะกลัวเสียคะแนนทางการเมือง
นายบุญทรงยังน่าจะถูกตั้งคำถามถึงเรื่องร้าน “โชว์ห่วยช่วยชาติ” ที่พบว่าหลายร้านที่มาร่วมโครงการนี้ ไม่ได้ขายของราคาถูกจริง แค่มาร่วมเพื่อขอเงินสนับสนุนเดือนละ 9 พันบาท
นอกจากนี้ยังมีประเด็นทางเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะนโยบายประชานิยม อาทิ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบ้าน รถคันแรก บ้านหลังแรก ฯลฯ ที่นำไปสู่การกู้เงินมหาศาลของรัฐบาล พท. ทั้งที่ครั้งหนึ่ง พท.เคยโจมตีรัฐบาล ปชป.ว่า “ดีแต่กู้” แต่พฤติกรรมของตัวเองก็ไม่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ ต้องจับตาว่าจะมีการเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายธุรกิจที่อาจได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล เช่น บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งที่ได้ประโยชน์จากโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่
แต่ถ้าดูการอุ่นเครื่องจากการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ที่มีการระบุถึง “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” บางคนเข้ามาเรียกรัฐมนตรีบางคนไปสั่งการได้ จึงน่าสนใจว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะมีการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลหรือ พท. แต่มีอำนาจในการสั่งการหรือได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลหรือไม่
โดยเฉพาะกับชายชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ปชป.ต่อรัฐมนตรีบางคนจะต้องมีการกล่าวถึงแน่ โดยเฉพาะ “นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รมว.กระทรวงการต่างประเทศ กับการออกพาสปอร์ตทางการทูต หรือพาสปอร์ตแดง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า เป็นการทำผิดระเบียบการออกหนังสือเดินทางของกระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ.2548 ข้อ 21 เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ไม่สามารถออกพาสปอร์ตให้ได้
ขณะที่ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่รับหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับราคายางพารา ซึ่งฝ่ายค้านอ้างว่านายณัฐวุฒิเคยประกาศว่าจะทำให้ได้ถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็ไม่เป็นจริงตามที่ว่าทั้งๆ ที่มีการอัดเงินอุดหนุนไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จนชาวสวนยางในภาคใต้ต้องชุมนุมประท้วงหลายครั้ง กระทั่ง ปชป.นำ ส.ส.ภาคใต้บุกทำเนียบรัฐบาลยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ลงมาแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
รวมถึงการที่นายณัฐวุฒิเป็นแกนนำ นปช. ที่กำลังมีปมเรื่อง “ชายชุดดำ” ซึ่งทางแกนนำคนเสื้อแดงไม่เคยยอมรับว่ามีอยู่จริง สวนกับรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุดที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ได้สรุปไว้
และกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินติงว่าการตั้งนายณัฐวุฒิผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายเป็นรัฐมนตรีอาจขัดต่อจริยธรรมอันดี
ทั้ง “ดร.ปึ้ง-รัฐมนตรีเต้น” น่าจะเป็นคนที่อยู่ในลิสต์ผู้ถูกอภิปรายของ ปชป.ค่อนข้างแน่
อย่างไรก็ตาม ด้วยห้วงเวลาการอภิปราย ที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ที่จะมีขึ้นในต้นปี พ.ศ.2556 จึงเป็นไปได้ที่จะมี “ลูกแถม” ด้วยการโจมตีว่า พท.บกพร่องอย่างไรในการช่วยเหลือคน กทม. โดยเฉพาะจากกรณีมหาอุทกภัยเมื่อปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา
เห็นได้จากการฉายหนังตัวอย่างติติงเรื่องการใช้งบป้องกันน้ำท่วม ทั้งก้อน 1.2 แสนล้านบาท และ 3.5 แสนล้านบาท ที่มีหลายโครงการน่าเคลือบแคลงสงสัย ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ต้องตอบคำถามนี้ในสภาก็คือ “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)
ปิดท้าย คนที่จะตกเป็นเป้าใหญ่ของ ปชป.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ มีชื่อว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
แม้ ปชป.จะไม่ยอมแย้มว่าจะตั้งคำถามกับนายกฯหญิงในประเด็นใด แต่ก็มีการคาดหมายไปต่างๆ นานา ทั้งความรับผิดชอบต่อโครงการรับจำนำข้าวในฐานะหัวหน้ารัฐบาล การไม่เข้าใจปมปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ กระทั่งเรียกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ที่รัฐบาลตัวเองผิด การเพิกเฉยต่อความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีแต่งตั้งนายณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรี ฯลฯ
อีกสิ่งที่น่าติดตาม คือ “สงครามคลิป” เพราะเชื่อว่าฝ่ายค้านน่าจะหยิบคลิปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ร้องเพลงกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่มีคาร์บอมบ์ในภาคใต้ขึ้นมาอภิปราย เช่นเดียวกับคลิปการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่พูดผิดพูดถูกเรื่องเอ็มโอยูกับสัญญาการซื้อขายข้าว
แต่หากมีการเปิดคลิปใดๆ ขึ้นมา ก็เชื่อว่าจะมี ส.ส.พท.ยกมือประท้วงตักเกม จนทำให้การอภิปรายรอบนี้ร้อนระอุไม่แพ้นัดไหนๆ
และคาดเดาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ปชป.คงไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะกล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนจะกระทบชิ่งผ่านรัฐมนตรีคนไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
นี่คือสถานการณ์การเมืองร้อนๆ ที่ต้องจับตา ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาว !