- Home
- Investigative
- จัดซื้อจัดจ้าง
- "ผจก.นิมซี่เส็ง"ยันไม่เป็น "จิ๊กซอว์" คดีทุจริตระบายข้าวถุงรบ.“ยิ่งลักษณ์”
"ผจก.นิมซี่เส็ง"ยันไม่เป็น "จิ๊กซอว์" คดีทุจริตระบายข้าวถุงรบ.“ยิ่งลักษณ์”
เปิดใจ"ผจก.นิมซี่เส็ง" ยันไม่เป็น "จิ๊กซอว์"สำคัญคดีทุจริตระบายข้าวถุงรบ.“ยิ่งลักษณ์” แค่ทำงานตามหน้าที่ ทำธุรกิจรักประเทศชาติ เปรยถ้านั่งไทม์แมชชีนกลับไปได้คงไม่รับงานนี้
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในกระบวนการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามารับงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการโชห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ของกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ บริษัท นิมซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด ปรากฎชื่อเป็นผู้ได้รับการว่าจ้างงานขนส่งและกระจายสินค้าในโครงการ นี้ จำนวน 2 งาน คือ การขนส่งและกระจายสินค้า “ร้านถูกใจ” ระยะที่ 2 วงเงิน 49,337,500 บาท เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2556 และ จ้างขนส่งและกระจายสินค้าคงค้างและสินค้าใหม่ วงเงิน 13,200,000 บาท วันที่ 16 ก.ค. 2555 รวมวงเงิน 82,437,000 บาท
ขณะที่ในสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการระบายข้าวถุง ของ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ที่พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา เป็นประธาน
มีการระบุข้อมูลว่า ภายหลังจากที่คณะอนุกมธฯ ตรวจสอบร้านค้าทั่วไปในจังหวัดต่างๆ พบว่าไม่มีข้าวสารถุงรูปแบบของ อคส. วางจำหน่าย คณะอนุกมธฯ ได้เชิญบริษัท นิ่มซี่เส็งฯ มาสอบถามถึงจำนวนข้าวสารถุงที่นิ่มซี่เส็งฯ รับไปจัดส่งที่ร้านถูกใจ
ได้รับการยืนยันว่า ยอดจำนวนข้าวถุงทั้งหมดที่บริษัทนิ่มซี่เส็งฯ รับส่งไปจำหน่ายนั้น มีเพียงแค่ 50,000 ตัน จากจำนวนข้าวที่มีการอนุมัติให้เบิกข้าวสารในโกดังของรัฐไปจำนวนถึง 1 ล้านตันเศษ
และเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญ ที่นำไปสู่กระบวนการสอบสวนเชิงลึกของคณะอนุกมธฯ จนพบข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชน 3 ราย คือ บริษัท สยามรักษ์ จำกัด บริษัท ร่มทอง จำกัด และบริษัท คอน-ไซน์ เทรดดิ้ง จำกัด ที่เข้ามารับจ้างเป็นตัวแทนจำหน่ายข้าวถุงอคส.ไปทำสัญญาขายสิทธิระบายข้าวต่อให้กับบริษัทเอกชนและโรงสีที่รับงานปรับปรุงข้าว ทำให้ข้าวส่วนที่เบิกมาหายไป ไม่ถูกส่งไปถึงมือประชาชนตามนโยบายโครงการที่วางไว้
(อ่านประกอบ:เปิดตัว“นิมซี่เส็ง”จิ๊กซอว์สำคัญคดีทุจริตระบายข้าวถุงรบ.“ยิ่งลักษณ์”)
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา นางปิยะนุช สัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท นิ่มซี่เส็ง โลจิสติกส์ จำกัด ได้ติดต่อมายังสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โดยนางปิยะนุช ยันยืนว่า เป็นความจริงที่บริษัทฯ เข้าไปช่วยงานของรัฐบาล เนื่องจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย ไม่มีกำลังที่จะสามารถกระจายสินค้าได้ รัฐบาลจึงควานหาบริษัทที่มีความสามารถด้านนี้ เลยสรรหาให้บริษัทตนเข้าไปช่วย แต่ว่าในแง่มุมนี้ ตนก็ส่งของให้เขาตามปกติ ส่งมาเท่าไหร่ เราก็ส่งไปเท่านั้น
นางปิยะนุช กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นจิ๊กซอว์ในเรื่องข้าวถุงที่พอจะเชื่อมโยงไปถึงข้อมูลอะไรได้ ตนแค่คนทำงานคนหนึ่ง วัตถุประสงค์ที่ต้องการรับงานนี้ มันมีข้าวถุงถูกใจที่ต้องการที่จะขายให้กับประชาชนคนไทยในราคาถูก แต่ถ้าไม่มีผู้ประกอบการนำข้าวไปส่ง ประชาชนก็จะไม่ได้กินข้าวถุง นี่คือจุดตัดสินใจที่รับงานนี้เพราะงานนี้เป็นงานที่ยากมาก ในบรรดางานที่บริษัททำงานขนส่งมา 42 ปี
“งานที่ได้มาตัวนี้ค่อนข้างยาก นอกจากส่งของแล้วต้องเก็บเงินด้วย แต่พี่เห็นว่ามันเป็นโครงการที่ดีในแง่ของวัตถุประสงค์ร้านถูกใจคือต้องการให้ประชาชนโดยเฉพาะคนต่างจังหวัด ส่งสินค้าให้รายค้า 10,000 กว่าร้านค้า 8,000 ตำบล ร้านค้าส่วนใหญ่ที่เราส่งจะต่างตำบล ต่างอำเภอ ซึ่งส่งยาก” นางปิยะนุช กล่าว
นางปิยะนุช กล่าวอีกว่า งานมันยาก จริง ๆ เฉพาะเราคนเดียวไม่สามารถรับงานได้ แต่โชคดีที่อยู่ในสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย ซึ่งมีสมาชิกที่ประกอบการขนส่งกว่า 300 ราย ก็มาช่วยกัน คือมาช่วยลงแรง เราก็เหมือนตอบแทนสังคม ไปส่งให้ร้านค้าบนเกาะ บนเขา กันดารอย่างไรก็ส่ง เพื่อหวังว่าข้าวราคาถูกจะส่งให้ถึงมือผู้บริโภค
“ถามว่าพี่เป็นจิ๊กซอว์ของข้าวถุงหรือไม่ที่เป็นประเด็น อันนี้ตรวจสอบได้ พี่ได้รับคำสั่งซื้อให้ส่งข้าว 50,000 – 100,000 ถุง พี่ได้รับมาเท่าไหร่พี่ส่งถึงมือประชาชนทุกถุง ไม่มีเอาข้าวเขาไปไหน ไม่มีข้าวหาย ไม่มีข้าวล่องหน บริษัทพี่ทำงานมา 42 ปี พี่ก็ตรงไปตรงมา” นางปิยะนุช กล่าว
นางปิยะนุช กล่าวต่อไปว่า ถ้านั่งไทม์แมชชีนกลับไปได้ก็ไม่รับดีกว่า เพราะตนก็ไม่รู้ว่าวันนี้มันจะมีปัญหาเรื่องข้าวถุง เวลาตนรับงานก็คิดเพียงว่าคนไทยได้กินข้าวถุงละประมาณ 70 บาท ต่อ 5 กิโลกรัม แล้วเราก็บริหารการขนส่งให้ประหยัด ซึ่งตกกิโลกรัมละไม่กี่บาท มันก็เป็นการช่วยคนทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามก็รู้สึกผิดต่อบริษัท เพราะตนเป็นคนรับโครงการมาด้วย เลยไม่สบายใจอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่ายอดข้าวถุงทั้งหมดที่รับมาจำหน่ายมีแค่ 50,000 ตัน ใช่หรือไม่ นางปิยะนุช กล่าวว่า ใช่ เนื่องจากตนไม่สามารถรับข้าวมากกว่าคำสั่งซื้อได้ กระบวนการคือกรมการค้าภายในจะมีฝ่ายแผนกคอลเซ็นเตอร์รับออร์เดอร์ลูกค้า ร้านไหนจะสั่งซื้อต้องสั่งผ่านคอลเซ็นเตอร์ สมมติว่า รวบรวมคำสั่งซื้ออาทิตย์นี้ได้ 10,000 หมื่นตัน กรมการค้าภายในก็จะอนุมัติยอดว่ามียอดซื้อเท่านี้ และจะอนุมัติไปที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ส่งข้าวตามออร์เดอร์ แล้วเอาข้าวนั้นมาส่งให้บริษัท นิ่มซี่เส็งฯ ฉะนั้นตนจะได้รับข้าวตามออร์เดอร์
“ถามว่าถ้าออร์เดอร์มี 10,000 ตัน พี่ก็รับออร์เดอร์มา 10,000 ตัน พี่ไม่ส่งของ 10,000 ตัน คิดว่าลูกค้าจะยอมหรือ ฉะนั้นในขั้นตอนเนี้ย เขาสั่งมาเท่าไหร่พี่ก็สั่งเท่านั้น ไม่งั้นจะโดนด่าว่า เขาสั่งข้าวทำไมไม่ได้ข้าว มันก็เป็นไปไม่ได้ นึกถึงความเป็นจริงตนไม่สามารถหมกเม็ดข้าวไปได้หรอก” นางปิยะนุช กล่าว
นางปิยะนุช กล่าวว่า ถ้าถามว่าข้าว 500,000 ตัน ไปอยู่ไหน ตนขอคุยแค่เรื่องงานของตน ไม่อยากไปแตะเรื่องของคนอื่น ซึ่งตนไม่รู้จริง ๆ รู้แต่ว่าออร์เดอร์มา 50,000 ตัน ก็ต้องไปส่งลูกค้า 50,000 ตัน ภายในเวลาที่ถูกระบุไว้ในสัญญาที่เขาว่าจ้าง หากส่งช้าก็จะโดนลูกค้าด่า แล้วชื่อเสียงบริษัทก็จะเสียว่าส่งงานไม่ได้ตามสัญญา
นางปิยะนุช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีคณะอนุกรรมการข้าวเรียกบริษัทฯไปให้ข้อมูล คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ก็เปิดเผยว่า บริษัทตนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโปรเจ็คของโครงการร้านถูกใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบายข้าวถุง ซึ่งโครงการระบายข้าวถุงผ่านโครงการร้านถูกใจนั้นยอดไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์จากยอดทั้งหมด แต่ว่าคนอื่นเขาอ่านเขาอาจไม่รู้ข้อมูลเยอะ เขาคิดว่า 500,000 ตันมาให้ร้านค้าถูกใจมันเยอะ
“เราเป็นคนไทย เราทำธุรกิจ เราก็รักประเทศชาติ เราก็ไม่สบายใจมากว่าเราโกงกินประเทศชาติ พี่ไม่ใช่คนทำงานแบบนั้น พี่ก็เลยรู้สึกแย่บ้าง ที่ไม่มีใครเข้าใจ หรือเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อน” นางปิยะนุช กล่าว