- Home
- Isranews
- คลังข้อมูล
- คลังข้อมูลนโยบายสาธารณะ
- เดินหน้า ทวงคืน พรบ. กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554
เดินหน้า ทวงคืน พรบ. กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554
นับตั้งแต่ปี 2548 ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Ageing Society) เนื่องจากสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุร้อยละ 10.7 หรือประมาณ 7ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี 2558 สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 14 และร้อยละ 19.8 ในปี 2568 คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด
การเปลี่ยนโครงสร้างของประชากรของประเทศพบว่า อัดตราส่วนการเกื้อกูล ผู้สูงอายุของประชากรวัยทำงาน ต่อประชากรสูงอายุ 1คน ค่อยๆ ลดลงในปี 2551 เท่ากับ 6.07 คน จะลดลงเป็น 2.52 คน ในปี 2573 และระบบเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุในปัจจุบัน รัฐบาลจ่ายคนละ 600-800 บาทต่อเดือน โดยพิจารณาตามช่วงอายุ และจำนวนเงินดังกล่าว คงจะไม่เพียงพอดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี การมีหลักประกันทางด้านรายได้ยามชราภาพ จะช่วยเพิ่มความสารถในการเพิ่งพาตนเอง ให้กับผู้สูงอายุโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยากจน หรือที่ยังขาดการดูแล ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น
การออกพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) พ.ศ.2554 นับว่าเป็นการสร้างหลักประกันด้านได้รายแก่ประชาชนยามชราภาพถ้วนหน้าอันเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน สำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ในการเป็นพลเมืองของประเทศ และเป็นการส่งเสริมการออมของประชาชน เพื่อการมีหลักประกันด้านรายได้ สำหรับการรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคตที่กำลังจะมาถึง
พรบ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2554 และกำหนดให้มีการเปิดรับสมาชิก กอช. และจ่ายเงินสะสมเมื่อพ้นกำหนด 360 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงการคลัง ได้ประกาศว่าจะเริ่มรับสมาชิก กอช.แต่แต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 แต่รัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลังไม่เสนอร่างกฎหมายลำดับรองต่างๆต่อคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบเพื่อเปิดรับสมาชิกและนับถึงบัดนี้ก็นับเป็นระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ที่ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย โดยยึดเหตุผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประชนและประเทศชาติเป็นหลัก
การมีเจตนาเพิกเฉยละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ย่อมถือได้ว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง(นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ได้ละเมิดอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ หรือระบอบรัฐสภาที่พิจารณากลั่นกรองตรากฎหมายออกมาบังคับใช้อย่างถูกต้องชอบธรรมแล้ว ทั้งนี้ทางเครือข่ายบำนาญภาคประชาชน ได้ดำเนินการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อการสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับสังคม โดยศาลได้รับคำฟ้องเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556
เครือข่ายบำนาญภาคประชานเห็นความสำคัญของการมีหลักประกัน ทางรายได้ของผู้สูงอายุในอนาคตและยังเป็นการลดภาระ ของประชาชนรุ่นหลัง เรื่องการจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นสูง รวมถึงการลดภาระการเงินการคลังของประเทศในอนาคตจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระบบการสร้างหลักประกันรายได้สำหรับผู้สูงอายุ จึงเรียกร้องให้การนำ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 มาบังคับใช้อย่างจริงจังและทันที เพื่อสังคมไทยและสังคมผู้สูงอายุในอนาคตเป็นสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุขต่อไป
เครือข่ายบำนาญภาคประชาชน (คบช.)
วันที่ 28 เมษายน 2557
-
file download