การต่อต้านการโกงเป็นเรื่องน่าละอาย ห้ามฉายหนังโฆษณาต้านคอร์รัปชั่น ?
คลิกดู โฆษณาต่อต้านคอร์รัปชั่น
ดูภาพยนตร์โฆษณาต่อต้านการคอร์รัปชั่นซึ่ง “ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น”จัดทำขึ้นซึ่งโพสต์ไว้บน Youtube แล้ว มีความรู้สึกว่า “โดน”และเป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้กันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาเราอยู่ในภาวะจำยอมที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อโดยเฉพาะทางโทรทัศน์
แต่เมื่อสถานการณ์การคอร์รัปชั่นรุนแรงและแพร่ระบาดไปทั่วจนสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมืองอย่างหนัก จนกลุ่มนักธุรกิจที่เคยจำยอมต้องจ่าย “ใต้โต๊ะ”มาตลอดออกมารวมตัวกันเป็น “ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชชั่น”มี นายดุสิต นนทนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย เป็นประธาน ประกาศที่จะปลดแอกจากนักกินเมืองทั้งหลายและ มีการทำภาพยรตร์โฆษณาออกมาฉายในวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อปลุกกระแสให้ต่อต้านนักการเมืองที่หวังเข้ามากอบโกยหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า ภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าวถูก “คณะกรรมการตรวจพิจารณาการโฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์”ของโทรทัศน์รวมกาลเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทีวีพูล)ห้ามฉาย ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ได้ดูภาพยนตร์โฆษณาสร้างสรรค์ในอีกแง่มุมหนึ่ง
ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า ภาพยนตร์ “ต่อต้านคอร์รัปชั่น” เป็นผลงานของทีมผู้สร้างโฆษณา “ขอโทษประเทศไทย” ที่เคยถูกห้ามฉายและไม่สามารถแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆมาแล้ว ภายหลังเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเมษายน-พฤษภาคม 2553
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุผลในการห้ามฉายโฆษณาชุดดังกล่าว “มติชนออนไลน์”รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากคณะกรรมการตรวจพิจารณาการโฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์ ว่า คณะกรรมการฯไม่ได้คิดห้ามฉาย เพราะเห็นว่าทำขึ้นด้วยเจตนาดี เนื้อหาก็ดี เพียงแต่ภาพบางภาพ เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐรับเงิน ป้ายหาเสียงของพรรคการเมือง นมโรงเรียน รถดับเพลิง เมื่อปรากฏออกมาพร้อมข้อความที่ว่า
คุณรู้ไหมว่าเราอยากได้อะไร เราอยากได้นักการเมืองที่ไม่โกง ไม่เอาเงินภาษี เงินของประชาชนไปเป็นของตัวเอง เราอยากได้ข้าราชการที่ไม่สมคบคิดกับนักธุรกิจ แล้วมาเอาเปรียบประชาชน เราอยากได้คนที่มีความละอายต่อความชั่ว เราผิดที่เคยยอมรับและนิ่งเฉย ต่อไปนี้เราจะยืนอยู่บนความถูกต้อง เราจะไม่ยอมรับการโกงทุกรูปแบบ เราจะจับตาดูผู้คน และเราจะลุกขึ้นมาต่อต้านการโกง เพราะมันเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน” แล้ว มีความเสี่ยงที่สถานีออกอากาศ จะโดนฟ้อง จึงขอให้ผู้จัดทำมาหารือ แต่ไม่มีใครมา ส่งมาเพียงงานที่ปรับแก้ครั้งที่ 2 เข้ามาซึ่งยังคงมีภาพดังกล่าวอยู่โฆษณาต่อต้านคอร์รัปชั่น
“กรณีนี้ไม่ใช่การแบน แต่ขอให้มาคุยกัน จะได้ปรับแก้ได้ถูก เราเข้าใจว่าเขามีเจตนาดี และก็อยากให้ออกอากาศก่อนการเลือกตั้งด้วยซ้ำ” แหล่งข่าวกล่าว
ถ้าเหตุผลเป็นไปตามที่ “มติชนออนไลน์”รายงานแล้ว นับเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเพราะ ภาพที่ปรากกฎในภาพยนตร์มิได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงว่า นักการเมือง พรรคการเมืองหรือข้าราชการคนใดโกง เป็นเป็นการถ่ายภาพในมุมกว้างๆและโครงการต่างๆที่มีข่าวอื้อฉาวมาตลอดว่า มีการคอร์รัปชั่น
แต่อาจเป็นเพราะผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ต่างๆกลัวว่า นักการเมืองที่เข้ามามีอำนาจภายหลังการเลือกตั้งจะเล่นงานมากกว่า
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้สำหรับคนบางพวกว่า การต่อต้านคอร์รัปชั่นหรือการเรียกร้องให้คนให้ร่วมมือกันทำความดี เป็นเรื่องน่าละอายกว่าการเอาตัวรอดหรือเอาใจผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่น