“ผู้ไต่สวนอิสระ”ระเบิดเวลาสถาบันตุลาการ ผลจากจากความกลัว”ทักษิณ”? ตอน 1
“ผู้ไต่สวนอิสระ”เป็นองค์กรใหม่ที่เพิ่งบัญญัติขึ้นในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 (มาตรา 275-277) มีอำนาจหน้าที่ไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา กรณีที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องกล่าวหาว่า ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวว่า ร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อำนาจหน้าที่และกระบวนการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาของ”ผู้ไต่สวนอิสระ”มีลักษณะคล้ายคลึงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพียงแต่ขอบเขตอำนาจของ”ผู้ไต่สวนอิสระ”จำกัดเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับ“บิ๊ก” หรือคิดว่าน่าจะมีอิทธิพลเพียง 4 ตำแหน่งคือ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา
ขณะที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. นอกจากมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงแล้ว ยังครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เทียบเท่าข้าราชการระดับ 8 ขึ้นไป
นอกจากนั้น การที่“ผู้ไต่สวนอิสระ”จะเริ่มดำเนินการไต่สวนได้นั้น มีเงื่อนไขที่แตกต่างจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งสามารถพิจารณาว่า จะหยิบยกเรื่องขึ้นไต่สวนได้ด้วยตนเองและกรณีที่มีผู้ร้องเรียน
เงื่อนไขก่อนที่”ผู้ไต่สวนอิสระ”จะดำเนินการไต่สวนได้ มีดังนี้
1.ต้องมีผู้เสียหายยื่นคำร้องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากล่าวหา ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวข้างต้นร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ (ผู้ที่มิใช่ผู้เสียหาย ไม่สามารถยื่นคำร้องได้ ขณะที่การยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายเท่านั้น)
2.ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นควรดำเนินการตามคำร้องและแต่งตั้ง”ผู้ไต่สวนอิสระ” ขึ้นมาจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มาดำเนินการไต่สวน
3.กรณีที่มีการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไว้แล้ว จะยื่นคำร้องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่ได้ จนกว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวน ดำเนินการล่าช้าเกินสมควร หรือดำเนินการไต่สวนแล้วเห็นว่าไม่มีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา
หลังจากที่”ผู้ไต่สวนอิสระ” ดำเนินการไต่สวนแล้ว เห็นว่า ข้อกล่าวหามีมูล จะมีขั้นตอนการดำเนินการเช่นเดียวกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวคือ ให้ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว และส่งสำนวนและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เมื่อพิจารณาอำนาจหน้าที่ของ”ผู้ไต่สวนอิสระ” พบว่า มีอำนาจหน้าที่ทับซ้อนกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับ”บิ๊ก” 4 ตำแหน่ง
คำถามคือ ทำไมรัฐธรรมนูญต้องบัญญัติให้มี”ผู้ไต่สวนอิสระ”ขึ้นมาอีก ทั้งๆที่มีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว
คำตอบคือ ต้องการให้”ผู้ไต่สวนอิสระ”ตรวจสอบและถ่วงดุลการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทั้งสี่ ดังกล่าว ถือว่า มีอิทธิพลทางการเมืองสูง จึงอาจใช้อำนาจทางการเมืองแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้
(เตรียมอ่านตอน 2 เพิ่มอำนาจตุลาการทำลายหลักแบ่งแยกอำนาจ?)