ผลกระทบหลังสัญญาพักรบ "พม่า - เคเอ็นยู" เมื่อนายทุนไทยรุกทำเหมือง?
"...จริงๆแล้ว เบื้องหลังคนที่เจรจาสันติภาพก็เป็นนักธุรกิจ กลุ่มธุรกิจทำไม้ เหมืองแร่ ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเจรจาครั้งนี้ ดังนั้น เมื่อมีสนธิสัญญาหยุดยิง ก็เอื้อให้เกิดการเข้ามาของกลุ่มทุนธุรกิจที่มากขึ้น..."
ภายหลังสนธิสัญญาหยุดยิง ระหว่างระหว่างรัฐบาลพม่าและสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู ในปี พ.ศ.2555 เบื้องหลังฉากสันติภาพและปรองดองคือการรุกคืบของกลุ่มทุนในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และค้าไม้ จากทั้งไทยและจีนที่มุ่งหวังเข้าไปทำสัมปทานในพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาตะนาวศรี
เมื่อเร็วๆ นี้ ทันซิน (Thant Zin ) เจ้าหน้าที่สมาคมพัฒนาทวาย Dawei Development Association (DDA) ที่ติดตาม ตรวจสอบผลกระทบของการพัฒนาโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย และเกาะติดสถานการณ์ทำเหมืองแร่ดีบุก และตะกั่ว รวมถึงเหมืองถ่านหินหลายแห่งในเมียนมาร์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ระหว่างการสำรวจเส้นทางผลกระทบที่บริษัทเหมืองของไทยทำลายพื้นที่ป่าและน้ำ รวมถึงวิถีชีวิตผู้คนในแคว้นตะนาวศรี
@ ประเด็นใดที่คุณกังวลเป็นพิเศษ เกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตแคว้นเทือกเขาตะนาวศรี ภายหลังสนธิสัญญาหยุดยิง
ตอบ : สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือปัญหาเกี่ยวกับสันติภาพและสิทธิมนุษยชน เพราะที่นี่มีสงครามและการต่อสู้ที่ยาวนาน เมื่อมีกระบวนการสันติภาพเข้ามา ชาวบ้านควรจะได้หยุดพัก สร้างครอบครัวและสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ จากที่เมื่อก่อนเคยถูกทำลายไป ชาวบ้านควรจะได้ฟื้นคืนด้วยระบบสุขภาพที่ดีขึ้นและระบบการศึกษาที่ดีกว่าเดิม
แต่เมื่อการต่อสู้หยุดลง การพัฒนาก็หลั่งไหลเข้ามา ทำให้ชาวบ้าน ต้องรับมือกับโครงการขนาดใหญ่ สูญเสียที่ดินต้องย้าย ออกจากที่ดิน ดังนั้น แทนที่ ชาวบ้านจะได้รับความสงบ สันติ มันก็กลายเป็นภัยอีกอย่างหนึ่งที่มาพร้อมกับการลงทุน ทำให้ เกิดความไม่เป็นธรรมกับคนในพื้นที่
@ ฉากหน้าของสนธิสัญญาหยุดยิงดูมุ่งเน้นและสนับสนุนแนวทางสันติภาพ แต่จากที่คุณกล่าวมา ผลกระทบที่เกิดขึ้น ดูตรงกันข้าม
ตอบ : ในความเห็นของผม ผมคิดว่ากระบวนการสร้างสันติภาพ ในฉากหน้า อาจมีอะไรก็ตาม แต่จริงๆ แล้ว เบื้องหลัง คนที่เจรจาสันติภาพก็เป็นนักธุรกิจด้วยส่วนหนึ่ง กลุ่มธุรกิจ ทำไม้ เหมืองแร่ ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเจรจาครั้งนี้ ดังนั้น เมื่อมีสนธิสัญญาหยุดยิง ก็เอื้อให้เกิดการเข้ามาของกลุ่มทุนธุรกิจที่มากขึ้น
@ เคเอ็นยูที่ควบคุมดูแลแคว้นตะนาวศรี รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพ ควรวางบทบาทที่เหมาะสมอย่างไร
ตอบ : คนที่อยู่ในกระบวนการสร้างสันติภาพ ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่เคียงข้างประชาชน ประชาชนก็จะอยู่เคียงข้างเขา แต่ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่กับกลุ่มทุนธุรกิจ ประชาชนก็จะไม่สนับสนุนเขา
@ ปัญหาของแคว้นตะนาวศรี ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนามีอะไรอีกบ้าง
ตอบ : คือเรื่องเหมือง เนื่องจากพื้นที่ที่พบเหมืองและแร่ธาตุ ส่วนใหญ่มักจะเป็นพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ ต่างๆ และการเข้ามาลงทุนส่วนใหญ่ เป็นบริษัทจากจีนและไทยที่เข้ามาในภาคของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ส่วนใหญ่ที่เราได้ยินหรือได้พบ คือบริษัทที่เข้ามาทำเหมือง มีการดำเนินการที่แย่ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบพยายามร้องเรียน
@ ผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ที่เกิดกับกลุ่มชาติพันธุ์ในแคว้นตะนาวศรี เรื่องที่พวกเขาร้องเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ : เมื่อรัฐบาลให้สัมปทานในที่หนึ่ง สิ่งที่ชาวบ้านเจอคือเขาถูกยึดพื้นที่ไป และอีกประเด็นคือการทำเหมืองแร่กระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน
การทำเหมือง ควรมีวิธีปฏิบัติและขั้นตอน การดำเนินการที่ดีกว่านี้ แต่บริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาที่นี่ไม่มีกระบวนการนั้น และหลังจากกระบวนการสันติภาพหรือสนธิสัญญาหยุดยิง มีนักลงทุนเข้ามาในพื้นที่ตะนาวศรีเพื่อทำการพัฒนามากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนไทยที่เข้ามาทำเหมือง โดยชาวบ้านที่นี่มองว่าบริษัทไทยคงไม่สามารถทำแบบนี้ที่ไทยได้ แล้วทำไมเขาถึงมาทำแบบนี้ที่นี่ นี่คือ ทัศนคติที่ชาวบ้านมีต่อบริษัทเหล่านี้ ขณะที่รัฐบาลพม่าเองก็ไม่มีการติดตามตรวจสอบ
ดังนั้น เมื่อชาวบ้านประสบปัญหาจากเหมืองแร่ ข้อร้องเรียนของชาวบ้านมักจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทั้งที่การทำเหมืองควรมีวิธีปฏิบัติและขั้นตอนการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม การทำเหมืองที่ถูกต้องควรจะมีวิธีแบบนั้นอยู่ แต่บริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาที่นี่ไม่มีกระบวนการนั้น
นอกจากนั้น ประเด็นนี้ ยังเป็นผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันของหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป้นหน่วยงานที่บริษัทเอกชนต้องเข้ามาขอสัมปทานในการทำเหมือง เพราะหน่วยงานนี้ มีอีกบทบาทหน้าที่หนึ่ง คือปกป้องสิทธิของชาวบ้าน แต่เมื่อหน่วยงานนี้มาอยู่ในหน่วยเดียวกัน จึงค่อนข้างลักลั่น ที่เขาทั้งต้องอนุญาตสัมปทานและปกป้องชาวบ้าน นั่นจึงทำให้เขาทำบทบาทได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เมื่อชาวบ้านประสบปัญหาจากเหมืองแร่ ข้อร้องเรียนของชาวบ้านจึงมักจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
@ ถ้าเช่นนั้น ในปัจจุบัน คุณผลักดันเรื่องผลกระทบจากเหมืองถ่านหินในแคว้นตะนาวศรีไปถึงระดับใดแล้ว
ตอบ : ผมได้ให้ข้อมูลผลกระทบเรื่องเหมืองถ่านหินกับผู้นำรัฐตะนาวศรีแล้ว และคาดว่าเขาจะนำเข้าที่ประชุมรัฐสภา เพราะก่อนได้มีการเผยแพร่ประเด็นวาระการประชุมของสภาออกมาแล้ว และผมทราบมาว่าผู้นำรัฐตะนาวศรี ได้มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาภายในสัปดาห์หน้านี้
ขอขอบคุณ : เจ้าหน้าที่แปลภาษาจากองค์กรTERRA