“อย่าลืมปูนบำเหน็จยอดวีรชน”
ในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้ ประเทศไทยมีข่าวใหญ่เรื่อง เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ ตกเป็นลำแรก มีนายทหารบกเสียชีวิต ๕ นาย ต่อมา พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.๙ นำทหารบกรวม ๘ นาย นักข่าวช่อง ๕ ๑ นายขึ้นแบล็กฮอว์ก บินไปเพื่อรับศพทหารบก ๕ นาย ชุดแรก ตกอีกแล้ว ทหารบกทั้งหมด ๘ นาย รวมนักข่าวอีก ๑ คน เสียชีวิต ต่อมาอีกไม่กี่วันเฮลิคอปเตอร์เบล ๒๑๒ ซึ่งบินไปในภารกิจเกี่ยวพันกับตกอีก ครั้งนี้ทหารบกเสียชีวิต ๓ นาย บาดเจ็บ ๑ นาย ภายในระยะเวลา ๑๕ วัน เราเสียเฮลิคอปเตอร์ไปถึง ๓ ลำ เสียชีวิตทหารไปถึง ๑๖ นาย นักข่าว ๑ นายเป็นผลที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทยอย่างรุนแรง
นอกจากความโศรกสลดในการสูญเสียรั้วของชาติ ซึ่งเป็นนายทหารชั้นประทวน ชั้นสัญญาบัตร ตลอดจนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับนายพลแล้ว หลังจากนั้นสังคมก็ยังเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเฮลิคอปเตอร์ทั้ง ๓ ลำ จัดซื้อมาโดยเงินภาษีของราษฎร เรื่องลุกลามไปถึงมีการทวงถามถึงผู้รับผิดชอบในการสูญเสียครั้งนี้ โดยนำไปเปรียบเทียบกับการเกิดรถไฟความเร็วสูงชนกันที่ประเทศจีน และมีรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งแสดงความรับผิดชอบ แต่ของประเทศไทยเสียเฮลิคอปเตอร์ ๓ ลำ เสียชีวิตทหารในเวลาใกล้ ๆ กันถึง ๑๗ นาย นักข่าว ๑ นาย เมื่อมีนักข่าวไปทวงถามถึงความรับผิดชอบในกรณีนี้ แทนที่จะได้รับคำชมเชยในการทำหน้าที่ของนักข่าวที่ดีกลับได้รับความขุ่นเคืองจากผู้ถูกถามทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าเป็นวิถีชีวิตของผู้นำแบบไทย ๆ ไปก็แล้วกัน ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ใคร่จะสนใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่กลับไปให้ความสนใจแก่ข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงอีกเรื่องหนึ่งมากว่าตามข่าวดังกล่าวมีว่า ร.อ.เอก (นามสกุลจำไม่ได้) ผู้บังคับกองร้อยที่ ๒๙ พล.ร.๙ ค่ายสุรสีห์ กล่าวว่า “กำลังทหาร ต.ช.ด. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใช้เวลาเดินเท้าจากพระเนินทุ่ง ไปยังจุดเกิดเหตุ ที่ใกล้เนิน ๑๑๐๐ เป็นเวลา ๓ วัน และเดินกลับอีก ๓ วัน มีฝนตกหนัก และหมอกลงจัดทุกวัน ป่าชื้น และทางลาด และสูงชัน ทุกย่างก้าวจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะตอนกลางคืน มองแทบไม่เห็น ทหารบางนายถูกรองเท้ากัด เจ็บปวดทรมาน แต่ต้องอดทน หยุดไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบปัญหาตัวแมลงบินหลายชนิดที่กัดเจ็บ เช่น ตัวเลือด ลิ้น รวมถึงทาก ปลิงดูดเลือดที่ชอนไชรองเท้า เสื้อผ้าตลอดเวลา ซึ่งได้ใช้ยาที่ติดตัวไปรักษาตามอัตภาพ”
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้แนะนำให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน หลังจากพบว่านายชัยวัฒน์ มีรอยทากกัดเป็นแผลจำนวนมาก ซึ่งผลจากการตรวจเช็คเบื้องต้น พบว่ามีพยาธิจำนวนมากชอนไชเข้าไปตามเส้นเลือด ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังกล่าวต่อไปว่า “ผมจึงรู้สึกเป็นห่วงว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เข้าร่วมในภารกิจลำเลียงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในป่าแก่งกระจาน อาจจะเกิดปัญหาแบบเดียวกัน จึงให้ นายชัยวัฒน์ นำเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชุดดังกล่าว จำนวน ๒๐-๓๐ นาย เข้ามารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนด่วนที่สุด.....”
เหตุที่ผู้เขียนสนใจคำให้สัมภาษณ์ของบุคคลทั้งสองดังกล่าวแล้วก็เพราะ หลังจากนำศพทหารทั้ง ๑๖ นาย นักข่าว ๑ นาย ออกมาได้แล้ว ไม่ว่าทางราชการหรือสังคมส่วนใหญ่ ดูจะสนใจเฉพาะวีรกรรมของทหารที่เสียชีวิต มีการปูนบำเหน็จความดีความชอบกันมากมาย เช่น เลื่อนยศ เลื่อนขั้นเงินเดือน ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคนได้รับความชื่นชม มีการสัมภาษณ์ครอบครัวและยกย่องชมเชยได้เกียรติอย่างสูงแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมควรที่จะกระทำ แต่ทว่าสังคมน่าจะหลงลืมบุคคลสำคัญยิ่งที่มีส่วนในการปฏิบัติการลำเลียงศพทหารผู้เสียชีวิตออกมาจากที่เกิดเหตุเพื่อมอบให้ครอบครัว มีสื่อสนใจอยู่บ้างแต่ก็ดูจะไม่มากเท่าที่ควร ทั้งยังไม่ได้ข่าวว่าผู้บังคับบัญชาได้ยกย่องการปฏิบัติหน้าที่ให้สังคมรับรู้ หรือมีการปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้บ้างหรือไม่ นอกจากส่งตัวไปตรวจสุขภาพ บุคคลเหล่านี้หาได้ปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งเฉพาะในครั้งนี้ แต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลปกป้องทรัพย์สินของประเทศชาติมาเป็นเวลานาน การเสี่ยงภัย เสี่ยงชีวิตของบุคคลเหล่านี้น่าจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ดูแลประเทศชาติในตำแหน่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้เป็นวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ เหตุใดผู้เขียนจึงกล้ากล่าวเช่นนี้ก็มีเหตุผลที่ผู้เขียนถามความรู้สึกของตนเองว่า ถ้าตัวผู้เขียนต้องตกอยู่ในสภาพ และสถานการณ์เช่นนี้ คือเดินปีนป่ายตามเทือกเขาสูงชัน อากาศหนาวเย็นเยือก จับขั้วหัวใจ แถมพื้นที่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยรกรุงรัง ฝนตกหนักพื้นทางเดินทั่วบริเวณนั้นลื่น และมีแต่ความมืดมิด ผู้เขียนก็คงต้องกล่าวว่าแม้เพียงจะเอาชีวิตของตนเองออกมาให้พ้นจากสถานที่ดังกล่าว ก็ยังยากแสนยาก แต่บุคคลเหล่านั้นยังต้องมีหน้าที่อันสำคัญยิ่งคือ แบกศพของทหารและนักข่าวผู้เสียชีวิตออกมา เพื่อมอบให้แก่ครอบครัวของบุคคลเหล่านั้น นอกจากจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำนึก ด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่งแล้ว ผู้เขียนยังทราบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ ส่วนหนึ่งเป็นลูกจ้าง มีเงินเดือนเพียงเดือนละ ๔,๑๐๐ บาท แถมยังได้รับบ้างไม่ได้รับบ้างอีก หากไม่มีจิตสำนึกในหน้าที่อย่างแท้จริงแล้วคงหาคนทำหน้าที่นี้ได้ยากจริง ๆ ผู้เขียนไม่ทราบว่าผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้มีการสดุดียกย่องการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลเหล่านี้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมบ้างหรือไม่ เพียงแต่สังเกตเห็นว่าสังคมทั่วไปเฝ้าแต่ตื่นเต้นและยกย่องทหารทั้ง ๑๖ นาย และนักข่าวเช่นเดียวกับวีรบุรุษผู้กล้า อันนำความภาคภูมิใจมาสู่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สังคมสมควรกระทำ หากแต่คงหลงลืมบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องไม่ยิ่งหย่อนกว่าทหารกล้าทั้ง ๑๖ นาย และนักข่าวที่เสียชีวิต ทั้งๆ ที่บุคคลเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ยังปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อยากให้สังคมหันมาให้ความสนใจเจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญเหล่านี้บ้าง เพราะในความรู้สึกของผู้เขียน หากสังคมยกย่องทหารผู้เสียชีวิต ๑๖ นาย และนักข่าวในครั้งนี้เยี่ยง วีรชน แล้วละก็บุคคลที่นำร่างทหารทั้ง ๑๖ นาย และนักข่าว ออกมาอย่างลำบากยากเย็นแทบจะเอาชีวิตไม่รอดเพื่อมอบร่างแก่ครอบครัวนั้นคือ “ยอดวีรชน” ที่สังคมไม่ควรหลงลืมพระคุณเป็นอันขาด