เงิน...เงิน...เงิน (2) : เงินยังเป็นพระพร
สืบเนื่องจากเทศนาของผมที่คริสตจักรกิจการแห่งพระคริสต์ ในหัวข้อ “เงิน...เงิน...เงิน” ตอนที่ 1 ที่ว่า “เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ” แต่อย่างไรก็ตาม “เงินก็ยังเป็นพระพร” ให้กับชีวิต โดยมีตัวอย่างวีรบุรุษคนหนึ่งในพระคัมภีร์เดิม คือ “โยเซฟ”
โยเซฟ เป็นบุตรชายคนที่ 11 ของยาโคบ (ซึ่งต่อมาเรียกว่า “อิสราเอล”) กับนางราเชล ที่เกิดในแผ่นดินคานาอัน คราวหนึ่งโยเซฟฝัน แล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟังว่า “ฟังความฝันซึ่งฉันฝันเห็นซิ พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของฉันตั้งขึ้นยืนตรง แต่ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ มาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของฉัน” พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า “เจ้าจะปกครองเรากระนั้นหรือ เจ้าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ” พวกพี่ชายก็ชังโยเซฟมาก เพราะความฝัน และเพราะคำของเขา ต่อมาโยเซฟก็ฝันอีก จึงเล่าให้พี่ชายฟังว่า “ฉันฝันอีกครั้งหนึ่ง เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ฉัน” เมื่อเล่าให้บิดาและพวกพี่ชายกับน้องฟัง บิดาก็เตือนโยเซฟว่า “ความฝันที่เจ้าได้ฝันเห็นนั้นหมายความว่าอะไร เรากับมารดาและพี่น้องของเจ้าจะมาซบหน้าลงถึงดินกราบไหว้เจ้ากระนั้นหรือ” พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ บิดาก็นิ่งตรองเรื่องนี้อยู่แต่ในใจ
เมื่ออายุ 17 ปี โยเซฟตามพวกพี่ ๆ ไปเลี้ยงแกะที่เมืองเชเคม พวกพี่ชายคิดจะฆ่าเขา แต่น้องคนหนึ่งได้ช่วยพูดไว้ โยเซฟจึงถูกขายให้เป็นทาสในประเทศอียิปต์ ฝ่ายพี่ๆ ได้แจ้งให้ยาโคบเข้าใจว่าโยเซฟตายแล้ว
เมื่อโยเซฟถูกขายไปยังอียิปต์นั้น โปทิฟาร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ ได้ซื้อโยเซฟไว้ โยเซฟรับใช้ถูกใจโปทิฟาร์ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลทั้งหมด และโยเซฟมิเคยแตะต้องทรัพย์สมบัติของโปทิฟาร์เลย ด้วยโยเซฟเป็นคนหน้าตาดี ภรรยาของโปทิฟาร์จึงมองด้วยความปฏิพัทธ์ เมื่อสบโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน นางจึงชวนโยเซฟให้ร่วมหลับนอนกับนาง แต่โยเซฟสามารถหลบเลี่ยงได้ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งนางคว้าเสื้อผ้าของโยเซฟไว้ได้ จึงแจ้งแก่โปทิฟาร์ โดยใส่ร้ายว่าโยเซฟปลุกปล้ำตนเอง จึงนำโยเซฟไปจำไว้ที่คุกหลวงโดยมิได้ไต่สวนแต่อย่างใด
เมื่อโยเซฟไปอยู่ในคุกหลวง พระเจ้าก็ยังทรงอยู่กับเขา เป็นเหตุให้พัศดีเมตตา และมอบนักโทษทั้งปวงที่ในเรือนจำให้อยู่ในความดูแลของเขา ต่อมาพนักงานน้ำองุ่น และพนักงานขนมขององค์ฟาโรห์ทำผิด และถูกส่งมาอยู่ในคุกหลวงนี้ โยเซฟจึงได้รับคำสั่งให้ปรนนิบัติทั้งสองคน คืนหนึ่งทั้งสองคนฝันกันคนละเรื่อง คนละความหมาย แต่ไม่มีผู้ใดแก้ความฝันให้ได้ โยเซฟจึงขอแก้ฝันให้
โยเซฟแก้ความฝันได้แม่นยำนัก กับกรณีพนักงานน้ำองุ่นว่า จะได้รับตำแหน่งคืนภายใน 3 วัน ก็เป็นดังนั้น และได้แก้ความฝันพนักงานขนมว่าภายใน 3 วันจะถูกประหาร ก็เป็นดังนั้นเช่นกัน
หลังจากเหตุการณ์ที่โยเซฟทำนายฝันในคุกผ่านไป 2 ปี ฟาโรห์ทรงมีพระสุบิน 2 เรื่องที่แตกต่างกัน และเมื่อทรงเรียกโหร และปราชญ์ทั้งปวงมาเฝ้า ก็ไม่มีผู้ใดสามารถแก้พระสุบินได้เลย พระสุบินของฟาโรห์ทั้งสองเรื่องเป็นดังนี้
เรื่องที่ 1 มีโคอ้วนพี 7 ตัวขึ้นมาจากแม่น้ำ ต่อมามีโคผอม 7 ตัว วัวทั้ง 7 ตัวนี้ก็กินวัวอ้วนพีทั้งหมด และ เรื่องที่ 2 มีต้นข้าว 1 ต้น มีรวงข้าวงอกงามดีออกมา 7 รวง ต่อมามีรวงข้าวเหี่ยวลีบงอกออกมาอีก 7 รวง แล้ว รวงข้างลีบ 7 รวงก็กลืนกินรวงข้าวดีทั้งหมดไปเสียสิ้น
ขณะนั้น พนักงานน้ำองุ่นจึงได้ทูลฟาโรห์ให้เรียกโยเซฟมาทำนายฝัน โยเซฟก็ได้ทำนายว่า ทั้งสองเป็นเรื่องเดียวกัน ประเทศอียิปต์จะมีอาหารบริบูรณ์ทั่วประเทศ เป็นเวลา 7 ปี หลังจากนั้นจะเกิดการกันดารอาหารใหญ่เป็นเวลา 7 ปี จนประชาชนจะลืมความบริบูรณ์ใน 7 ปีแรกเสียสิ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ โยเซฟยังได้เสนอแนะให้ฟาโรห์แต่งตั้งบุคคลที่มีปัญญา และเป็นคนดีมาเป็นผู้ปกครองอียิปต์ และเก็บผลผลิตในตลอด 7 ปีที่อุดมสมบูรณ์นี้ไว้เพื่อใช้ใน 7 ปีที่ทุรกันดาร ฟาโรห์จึงทรงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ตั้งแต่นั้นมา
เมื่อเกิดการกันดารอาหารอย่างหนักตามอย่างที่โยเซฟทำนายฝันให้องค์ฟาโรห์นั้น แต่อียิปต์มีอาหารอุดมสมบูรณ์เนื่องจากโยเซฟได้เก็บอาหารไว้มากมายตามหัวเมืองต่าง ๆ
เช่นเดียวกัน แผ่นดินเกิดของโยเซฟก็กันดารอาหาร เมื่อยาโคบ (บิดาของโยเซฟ) ทราบว่า มีข้าวในอียิปต์ จึงให้ลูกๆไปซื้อข้าวจากที่นั่น และภายหลังโยเซฟจึงได้ช่วยให้พี่ๆให้แลกซื้ออาหารกลับไป
เมื่อพี่ชายพบความจริงว่าผู้สำเร็จราชการผู้ทรงอำนาจในอียิปต์ คือน้องชายที่ตนเคยคิดจะฆ่าเสียก็ตกใจกลัว โยเซฟจึงได้บอกกับพี่ๆว่า “เราคือโยเซฟน้องที่พี่ขายมายังอียิปต์ แต่บัดนี้ อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้มาก่อนหน้าพี่ เพื่อจะได้ช่วยชีวิตครอบครัวของเรา” เพราะมีการกันดารอาหารในแผ่นดินสองปีแล้ว ยังอีกห้าปีจะไถนาหรือเกี่ยวข้าวไม่ได้เลย พระเจ้าทรงใช้เรามาก่อนพี่ เพื่อสงวนรักษาพงศ์พันธุ์อิสราเอลไว้สืบไป
ชีวิตของโยเซฟได้ให้บทเรียนดีๆมากมาย โยเซฟเป็นคนถ่อม หนักแน่น เข้มแข็ง อดทน มีกำลังใจเสมอ รัก เมตตา ด้วยเป็นผู้ที่ติดสนิทกับพระเจ้า แม้จะเกือบถูกฆ่า ถูกขายไปเป็นทาส ถูกใส่ร้ายจนเข้าคุก เขาก็ยังถ่อม ทำหน้าที่อย่างดี จนเป็นที่เอ็นดูและไว้วางใจของผู้มีอำนาจเสมอมา จนเป็นถึงผู้สำเร็จราชการผู้ทรงอำนาจ (เทียบเท่านายกรัฐมนตรี) แห่งแผ่นดินอียิปต์ในยุคนั้น
และที่สำคัญ โยเซฟยังมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ แม้เขาถูกพี่ๆแกล้ง เกือบจะฆ่าเขา และขายเขาไปที่อียิปต์ โยเซฟยังรัก เมตตา และให้อภัยพี่ๆ และมองโลกในแง่ดีว่า นี่ไม่ใช่เพราะพี่ๆแกล้งเขา แต่เพราะพระเจ้าทรงส่งเขามา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ของครอบครัวอิสราเอล (ยาโคบ) นั่นเอง
หากใจเขาอยู่แค่เรื่องเงิน เรื่องประโยชน์ส่วนตัว คิดถึงแต่อำนาจส่วนตัว ตั้งแต่ถูกจับมาขาย ก็น่าจะมีแต่ความโกรธแค้น ฝังใจ จะทำอะไร ก็คงยากจะทำได้ดี แต่เขากลับเลือกที่จะอยู่ในทางชอบธรรม ยอมรับสถานการณ์ ทำหน้าที่ทาสรับใช้ให้ดีที่สุด ทำหน้าที่คนคุกให้ดีที่สุด ไม่น้อยใจพระเจ้า แต่รักษาชีวิตในทางสว่างตามน้ำพระทัยของพรองค์ และขอกำลังจากพระองค์ จนมีผลงานการช่วยเหลือมนุษยชาติในยุคนั้นมากมาย และได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจและเงินทองมากมายในที่สุด
จะเห็นว่า พระเจ้าไม่ทรงพระประสงค์ให้คน “คิดแต่เรื่องเงิน” หรือ “คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน” แต่พระองค์ ยังทรง “ให้เงินเป็นพระพร” ในที่สุด หลังจากนี้ จะมีตอนที่ (3) เงินเป็นการทดลอง (4) อย่าให้เงินอยู่ที่ใจ (5) ที่ให้ใจอยู่กับพระองค์ สัปดาห์หน้า เรามาต่อกันนะครับ