ชำแหละแผนป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล ขาดหลักวิชา อย่า”ดราม่า-เน้นแจกของ”?
ที่มา -เฟซบุ๊คของ Chavarong Limpattamapanee นายกสมาคมนักข่าวนักหนังงสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้นำความเห็นของวิศวกรโยธาท่านหนึ่งเกี่ยวกับการรับมือน้ำของรัฐบาล เห็นว่า น่าสนใจ จึงได้ขออนุญาตเจ้าตัวมาให้ลองอ่านกัน
ขออนุญาตทุกท่านบ่นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นวิศวกรโยธาบ้างนะครับ (มิใช่มีอคติใดๆ) การรับมือน้ำท่วมครั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ใช้องค์ความรู้เรื่องวิศวกรรมแหล่งน้ำ และเทคโนโลยีวิศวกรรมโยธาน้อยมาก เพิ่งจะมาเริ่มจริงช่วงหลังที่สู้บริเวณปทุม ลองลำดับความดู
1.เริ่มแรก มวลน้ำเริ่มเคลื่อนย้ายลงมา ขาดการระดมสมองจากกูรู ทั้งในภาครัฐและเอกชน(พวกกรมชลประทาน กรมทรัพย์น้ำฯ กรมโยธาธิการและผังเมือง ภาควิชาแหล่งน้ำของคณะวิศวกรรมโยธาต่างๆ หรือพวกบริษัทที่ปรึกษาต่างๆเช่น บริษัท ทีม กรุ๊ป) เพื่อประเมินปริมาตรมวลน้ำทั้งหมด(V) อัตราความเร็วการไหลบ่า พื้นที่การไหล และเวลา เพื่อนำมาประเมินผลกระทบพื้นที่ราบภาคกลางตอนล่าง โดยแยกเป็น
(1)พื้นที่ต้องยอมเสียสละให้ท่วมเพื่อลดความรุนแรง เช่น พื้นที่เกษตรซึ่งต้องแจ้งให้ ประชาชนทราบล่วงหน้าเตรียมการอพยพเลย
และ(2)พื้นที่ต้องรักษาได้แก่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งสามารถประเมินความสูงระดับน้ำ ความเร็ว และแรงกระทำต่อพนังกำแพงต่างๆได้ จะต้องระดมหน่วยก่อสร้างของรัฐทุกหน่วยเข้าทำงานเพื่อป้องกัน และต้องใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างของบริษัทชั้นนำเข้าเสริม(คงต้องจัดจ้างแบบวิธีพิเศษเข้าช่วยแบบเร่งด่วน แต่ก็น่าจะเป็นงบที่น้อยกว่าที่ต้องใช้ฟื้นฟูเมื่อเสียหาย) ก็จะสามารถสร้างพนังที่แข้งแรงป้องกันแต่เนิ่นๆ ก่อนที่น้ำจะลงมา (ที่เห็นเริ่มมีการใช้ sheet pile ก็ที่คลองบ้านพร้าว ปทุมธานี ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมก่อนหน้าใช้แค่รถแบ็คโฮ ปั้นดินเลนเป็นพนังแค่ 2-3 คัน ไม่มีระบบตอกเข็มกันสไลด์ เลย)
แต่เท่าที่เห็น ตอนแรก ไม่ไห้ความสำคัญกับงานวิชาการดังกล่าวเลย เน้น แจกของ ออกทีวี (ไม่ได้ว่านะ) และไล่ตามซ่อมจุดที่แตกโดยปล่อยให้ท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ .) องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต., ทหาร ปิดทองหลังพระไป (แหล่งข่าววงใน(insider )ศปภ.เล่าว่า สัปดาห์แรกที่ ศปภ.เต็มสลอนไปด้วย นักการเมือง อดีตนักการเมืองที่ถูกแขวน ข้าราชการการเมือง(อดีตผู้นำม็อบ)
แต่หัวหน้าส่วนราชการที่มีองค์ความรู้เรื่องน้ำก็มี แต่เงียบ เพราะไม่ถามหรือไม่สั่ง ไม่ต้องนับกูรูหรือนักวิชาการน้ำที่อยู่นอกแวดวงไม่มีทางถูกเชิญมาใช้ประโยชน์
2.ที่สำคัญไม่แพ้กันคือเมื่อคำนวนมวลน้ำที่มี และที่กำลังไหลมารวม ต้องสร้างทางบายพาสน้ำ ฝั่งตะวันออก โดยกำหนดพื้นที่ที่ต้องให้น้ำไหลบ่า แล้วแจ้ง ทำความเข้าใจประชาชนไปเลย บางจุดต้องเปิดถนน ก็ต้องทำ ลำพังขุดลอกคูคลองไม่พอ( เพราะมวลน้ำเป็นล้านลูกบาศก์เมตร ) และไม่มีทางที่จะดันสู้ด้านเหนือ กทม.อย่างเดียว ไม่เช่นนั้นแต่ละวันก็ต้องมาลุ้นว่าที่ไหนพนังจะแตก และน้ำจะขังนานมาก
อยากเห็นนายกรัฐมนตรีนั่งแท่นหัวโต๊ะบัญชาการภาวะวิกฤติ ขนาบข้างไปด้วยกูรูผู้รู้จากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน เช่น วิศวกรแหล่งน้ำผู้มีหน้าที่คำนวณการไหล วิศวกรโยธาผู้มีหน้าที่ก่อสร้างต่อสู้กะน้ำ ฝ่ายกู้ภัยผู้มีหน้าที่อพยพช่วยเหลือผู้คน ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ ฯลฯ
ส่วนนักเลือกตั้ง นักการเมือง หัวหน้าม็อบ หรือพวกอยากเข้ากล้องถอยห่างไปสักหน่อยได้มั้ย นี่แหละเขาถึงจะเรียกว่าบูรณาการอย่างแท้จริง (ทุกท่านน่าจะเคยเห็นบทบาทกู้วิกฤติของ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กรณีเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001) หรือแม้แต่หนังฮอลลีวู้ด เวลาเกิดวิกฤติประเทศ ผู้เชี่ยวชาญจะถูกดึงตัวมาใกล้ชิดผู้นำทันที)
ดังนั้นวันนี้ต้องทำ ไม่มีโอกาสให้มา “ดราม่า” ร้องให้เรียกคะแนน เพราะคุณคือผู้นำมีหน้าที่ป้องกัน แก้ไขอย่างเข้มแข็งเท่านั้น หากจะเข้ามาเพื่อร้องไห้โฮก็อย่าเลย