เครียดแค่ไหน ไม่ผิดปกติ?
ในชีวิตคนเรามีโอกาสต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เครียดไม่สบายใจ มากบ้าง น้อยบ้าง เช่น สอบตก อกหัก มีหนี้สิน เป็นต้น นอกจากนี้ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ละคนก็มีปฏิกิริยาหรือระดับการตอบสนองทางจิตใจไม่เท่ากัน ช่วงนี้คนส่วนใหญ่ในหลายจังหวัดของประเทศ กำลังเผชิญภัยรุนแรงจากน้ำท่วม บางคนอยู่กับน้ำท่วมมาแล้วเป็นเดือน บางคนน้ำยังไม่ท่วมบ้านแต่ก็กังวลว่าจะท่วมหรือไม่ ท่วมแล้วจะไปอยู่ที่ไหน เสียหายขนาดไหน อนาคตจะทำอย่างไร
ฝ่ายจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้คำแนะนำว่า ที่จริงแล้วความกังวลเมื่อต้องเผชิญสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือไม่ปกติ กลัวจะควบคุมไม่ได้ ถือว่าเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ที่มีเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับและปรับตัวต่อสถานการณ์ ซึ่งหากอยู่ในระดับเหมาะสม บุคคลนั้นจะมีสติ ติดตามข่าวสาร เตรียมสิ่งของยังชีพหรือแนวทางรับมือเพื่อความปลอดภัย หรือป้องกันอย่างพอเหมาะ ไม่ตื่นตระหนก หรือกังวลเกินไป ปรับตัวและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และในที่สุดได้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้น
ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ที่เป็นภยันตรายหรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง อาจเกิดอาการผิดปกติทางจิตเวชได้ โดยมีลักษณะหวนระลึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ ฝันถึงเหตุการณ์ ความสนใจสิ่งต่าง ๆ ลดลงหรือหมดไป พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรม สถานการณ์ที่กระตุ้นให้คิดถึงสิ่งสะเทือนใจ รู้สึกเหินห่างจากญาติหรือคนใกล้ชิด ตื่นเต้นตกใจง่าย ขาดสติ นอนหลับยาก หงุดหงิด เครียดและระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดหลังจากประสบเหตุการณ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ถึง 2-3 เดือน แต่ไม่ค่อยเกิน 6 เดือน ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายเป็นปกติ มีส่วนน้อยที่มีอาการเรื้อรังนานเป็นปี ๆ ซึ่งการเกิดความผิดปกติทางจิตใจชนิดนี้ ขึ้นกับปัจจัยทั้งด้านความรุนแรงของภยันตรายที่ประสบ ด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับบุคลิกภาพ ประสบการณ์ในอดีตและการปรับตัวของแต่ละคน ปัจจัยด้านชีววิทยา และด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติที่มีต่อเหตุการณ์และความช่วยเหลือจากบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ
ในแง่ของการรักษาความผิดปกติดังกล่าว เป็นการผสมผสานทั้งด้านจิตบำบัดและการใช้ยาทางจิตเวช สำหรับผู้มีอาการแบบเฉียบพลัน และเป็นไม่มาก การทำจิตบำบัดประคับประคองหรือฟื้นฟูสภาพจิตใจพบว่าได้ผลดี โดยช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจบุคลิกภาพของตน ร่วมกับวิธีการปรับตัวเพื่อสามารถเข้าใจและทนต่อความเครียดได้มากขึ้น ระบายความรู้สึกต่าง ๆ มากขึ้น สำหรับการใช้ยาจะช่วยลดปัญหาการนอนฝันร้าย อาการทางระบบประสาทอัตโนมัติที่ตื่นตัว และอารมณ์ซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความผิดปกติรุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น ก้าวร้าวควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คิดมาก จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรือติดสุราและใช้ยาเสพติด อาจต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลหรือใช้วิธีบำบัดรักษาอื่นร่วมด้วย
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่หลายคนร่วมกันประสบอยู่ในขณะนี้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายฝ่ายกำลังพยายามให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้เราแต่ละบุคคลคงต้องปรับตัวและมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง อดทนในการผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ ให้กำลังใจตนเองและคนรอบข้าง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีวิธีคิดแง่บวกเพื่อสร้างพลังใจและความหวัง ติดตามข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยใช้วิจารณญาณและเหตุผล เรียนรู้และเข้าใจที่จะปรับตัวอยู่กับธรรมชาติ แต่ถ้ารู้สึกว่าตนเองหรือผู้ใกล้ชิดมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์ จิตแพทย์ หรือบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตเพื่อรับการช่วยเหลือและรักษาที่เหมาะสม