มายาคติ "อีเอ็มบอล" กับการแก้น้ำเน่า น้ำเสีย
ช่วง ที่ผ่านมา กระแสการปั้นลูกอีเอ็มบอล ได้กระจายอย่างแพร่หลาย หลายหน่วยงานระดมอาสาสมัครปั้นอีเอ็มบอล เพื่อที่จะเร่งนำลูกอีเอ็มบอลไปโยนเพื่อช่วยบำบัดน้ำเสียให้กับมาดีขึ้นได้
แต่จากความเห็นของ ศ.ดร.อมเรศ ภูมิรัตน์ และ ศ.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ อาจทำให้ความรู้เกี่ยวกับลูกอีเอ็มบอลเปลี่ยนไป ...
อีเอ็มบอล อาจไม่สามารถใช้ได้ผลจริง และอาจเป็นการทำให้น้ำที่เน่าอยู่แล้ว เน่าเสียเพิ่มขึ้นอีกได้ (?)
"ศ.ดร.อมเรศ ภูมิรัตน์" นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ปี 2535
และผอ.ฝ่ายโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สกว.
"การใส่ อีเอ็มบอล ลงไปไม่ได้เป็นการเพิ่มออกซิเจน ฉะนั้นจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และจะยิ่งทำให้ไปกันใหญ่"
ในกระบวนการบำบัดน้ำเสียตามธรรมชาติ จะมีสิ่งมีชีวิตที่จะย่อยสลายสารที่ทำให้น้ำเน่าเสียได้จนหมด และถ้าปฏิกิริยาของจุลินทรีย์สามารถที่จะทำลายได้เร็วกว่าการเพิ่มปริมาณของ เสียที่จะลงไปอยู่ในน้ำ น้ำก็จะใสสะอาด เพราะฉะนั้นการที่น้ำเสียในปัจจุบันไม่ใช่เพราะไม่มีจุลินทรีย์ในน้ำ แต่เป็นเพราะว่า ออกซิเจนในน้ำไม่พอ
"การใส่ อีเอ็มบอล ลงไปไม่ได้เป็นการเพิ่มออกซิเจน เพราะในอีเอ็มบอลไม่มีสารที่จะช่วยในการเพิ่มออกซิเจนในน้ำเลย ฉะนั้นจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และจะยิ่งทำให้ไปกันใหญ่ เนื่องจากจุลินทรีย์ที่โยนลงไปเพิ่มนั้นไม่สามารถเติบโตได้เร็วพอที่จะกำจัด ของเสียได้ เพราะไม่มีออกซิเจนในน้ำ และของเสียอยู่ในน้ำมีเป็นจำนวนมาก ทำให้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในน้ำนั้นใช้ออกซิเจนไปจนหมด จนไม่พอ และไม่สามารถย่อยสลายของเสียได้อีก”
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการทำให้เน่าเกิดการเน่า เสียเพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ในปัจจุบัน กับจำนวนที่โยนลงไป ไม่ได้มีผลทำให้น้ำเน่าเสียมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าโยนลงไปจำนวนมากก็อาจส่งผลให้เกิดการเน่าเสียมากขึ้นได้เช่นกัน
นั่นเพราะเป็นเหมือนการโยนของเสียลงไปเพิ่ม โดยที่ไม่ได้มีการเติมออกซิเจนตามไปด้วย
แต่ทั้งนี้ อีเอ็มบอลจะมีประสิทธิภาพกับการบำบัดของเสีย เช่น ในส้วมซึม หรือถังมากกว่า เนื่องจากกระบวนนี้ไม่ต้องใช้ออกซิเจน สิ่งที่ควรจะทำคือ การเพิ่มออกซิเจนลงไปในน้ำ ไม่ใช่การเพิ่มจุลินทรีย์ลงไป เพราะมีจุลินทรีย์อยู่ในน้ำมากพอแล้ว และการเพิ่มออกซิเจน ก็เพื่อให้จุลินทรีย์ที่มีอยู่สามารถที่จะย่อยสลายสิ่งสกปรกได้
ในสภาวะปัจจุบันโอกาสที่จะเปลี่ยน น้ำเสียให้เป็นน้ำดีไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากปริมาณน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน กับพื้นที่ที่ครอบคลุมอยู่ ไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่เปิดโล่งได้ และ ไม่มีการพัฒนาเตรียมไว้สำหรับการนี้ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่นานๆเกิดขึ้นที ซึ่งวิธีทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือ ต้องเร่งระบายน้ำออก ไม่ให้ขังอยู่นาน
อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมปั้นลูก EM Ball คงเป็นที่คนต้องการที่พึ่งทางใจ และพยายามที่จะทุกอย่างโดยที่ไม่ได้ทำความเข้าใจกับระบบของมันอย่างแท้จริง
ศ.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ รักษาการผอ.สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
“เราเอาสิ่งที่มันเน่าได้ ทิ้งลงในน้ำที่เน่า แล้วบอกว่าจะทำให้น้ำหายเน่า ผมยังไม่เห็นตรรกะว่าจะทำได้อย่างไร”
เราเคยเห็นโรงงานน้ำตาลปล่อยน้ำเสียออกมาแล้วทำให้น้ำเน่า อีกทั้งเรายังเคยมีปัญหาเรื่องเรือน้ำตาลล้ม ต้องกู้กันยกใหญ่ เพราะกลัวว่าน้ำจะเน่า สองเหตุการณ์ดังกล่าวจึงยืนยันว่าน้ำตาลหรือกากน้ำตาล ทำให้น้ำเน่าได้อย่างแน่นอน
“อีเอ็มใช้น้ำตาลและกากน้ำตาลเป็นสารอาหาร ในการเพาะเชื้อให้เป็นจุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรีย์ดังกล่าวก็มีอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อนำ ‘น้ำอีเอ็ม’ หรือ ‘อีเอ็มบอล’ ไปใส่ในแหล่งน้ำสกปรก จะเท่ากับว่ามีการเติมของ 2 อย่างลงไปในแหล่งน้ำ นั่นคือ เชื้อจุลินทรีย์และสารอินทรีย์ ซึ่งจะกลายเป็นกรดแลคติก โดยกรดแลคติกที่ว่าจะมีผลให้น้ำเน่าได้”
ยกตัวอย่าง เราเอาข้าวไปหมักเป็นเบียร์ แต่เมื่อเอาเอาข้าวไปทิ้งลงน้ำ ก็พบว่าน้ำเน่า เอาเบียร์ทิ้งลงน้ำๆ ก็เน่าอีกเช่นกัน ฉะนั้น การเปลี่ยนรูปจากข้าวไปเป็นเบียร์ไม่ได้หมายความว่า น้ำจะไม่เน่า เช่นเดียวกัน การเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นกรดแลคติก น้ำก็เน่าได้ นั่นจึงหมายความว่า เราเอาสิ่งของที่มันเน่าได้ ทิ้งลงไปในน้ำที่เน่า แล้วจะบอกว่าทำให้น้ำที่เน่าหายเน่าได้ ผมยังไม่เห็นตรรกะว่าจะทำได้อย่างไร
ในทางกลับกัน การใช้อีเอ็มบอลแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในขณะนี้ คงไม่ได้ทำให้ปัญหานน้ำเน่าเสียขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะน้ำมีปริมาณมหาศาล อีกทั้งหากอีเอ็มบอลแก้ปัญหาน้ำเน่าได้จริง ปริมาณอีเอ็มบอลที่ใส่ลงไปขณะนี้คงไม่มากพอที่จะแก้น้ำเน่าได้ อย่างที่บอกน้ำที่มีอยู่มีปริมาณมากมาย ความสกปรกมหาศาล อีเอ็มบอลทำเท่าไหร่ถึงจะพอสู้กับน้ำเน่าได้ จริงๆ แล้ว ผมไม่คิดว่ามันทำได้ด้วยซ้ำไป
ส่วนที่ระบุว่าจุลินทรีย์ไปย่อยสลายแบคทีเรียในน้ำนั้น ข้อเท็จจริงคือ จุลินทรีย์จะไปย่อยสลายสารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำ ซึ่งก็จะทำให้ออกซิเจนที่มีอยู่ในน้ำหายไป ซึ่งโดยหลักการแล้วน้ำสะอาดคือน้ำที่มีออกซิเจน แต่เมื่อน้ำถูกจุลินทรีย์ดึงออกซิเจนไปใช้ในการย่อยขยะ ออกซิเจนก็จะหายไป ทิ้งไว้สักพักน้ำก็จะเน่า ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็งานวิจัยชัดเจนเลยว่า ที่ใดใส่อีเอ็มมากเท่าไร ค่าบีโอดี ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เน่ามากขึ้นเท่านั้น สรุปคือ เรากำลังเอาของสกปรกทิ้งลงแหล่งน้ำนั่นเอง
สำหรับการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียนั้น การเติมออกซิเจนลงไปนับว่าเป็นวิธีการที่ดีกว่า แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำมีมหาศาล การที่จะไปหาเครื่องเติมอากาศเติมเข้าไป คิดว่า คงจะมีพลังไฟฟ้า หรือพลังอะไรก็ตามมากพอ ดังนั้นทางออกขณะนี้คือ ทำเหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
“อเมริกาเมื่อครั้งไต้ฝุ่นแคทรีน่าเข้า ก็ไม่ได้มีการใช้อีเอ็มบอล หรืออีเอ็มใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนญี่ปุ่นเมื่อเกิดสึนามิ ก็ไม่ได้ใช้อีเอ็มบอลหรืออีเอ็มอื่นๆ เช่นกัน แต่จะใช้วิธีนำน้ำเสียไปเข้าระบบกรองน้ำ บำบัดน้ำเสียแบบโมบาย แบบชั่วคราว ช่วยทำให้น้ำสะอาดขึ้น เอาเป็นว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ไม่แนะนำให้ใช้อีเอ็มใดๆ ทั้งสิ้นในการแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ”