- Home
- Isranews
- เวทีทัศน์
- ถอดคำเทศนา “ชีวิตแห่งความสุข” ในเทศกาลคริสตมาส : บุตรน้อยหลงหาย กับความรักของพ่อ (1)
ถอดคำเทศนา “ชีวิตแห่งความสุข” ในเทศกาลคริสตมาส : บุตรน้อยหลงหาย กับความรักของพ่อ (1)
เทศกาลคริสตมาส เป็นเทศกาลที่มีความหมายต่อชาวโลกทุกคน ผมได้มีโอกาสเทศนาเรื่อง “ชีวิตแห่งความสุข” จึงอยากมีโอกาสนำเนื้อหามาแบ่งปันกับท่านผู้อ่าน จากคำสอนของพระเยซูเรื่อง “บุตรน้อยหลงหาย”
พระเยซูได้ทรงตรัสสอนเป็นคำอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคนบุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ขอทรัพย์ที่ตกเป็นส่วนของข้าพเจ้าเถิด’ บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสองต่อมาไม่กี่วันบุตรคนเล็กนั้นก็รวบรวมทรัพย์ทั้งหมดแล้วไปเมืองไกล และได้ผลาญทรัพย์ของตนที่นั่นด้วยการเป็นนักเลงเมื่อใช้ทรัพย์หมดแล้วก็เกิดกันดารอาหารยิ่งนักทั่วเมืองนั้น เขาจึงขัดสนเขาไปอาศัยอยู่กับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง และคนนั้นก็ใช้เขาไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนาเขาใคร่จะได้อิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น แต่ไม่มีใครให้อะไรเขากินเมื่อเขารู้สำนึกตัวแล้ว จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของบิดาเรามีมาก ยังมีอาหารกินอิ่มและเหลืออีก ส่วนเราจะมาตายเสียที่นี่เพราะอดอาหารจำเราจะลุกขึ้นไปหาบิดาเรา และพูดกับท่านว่า “บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วยข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด” ’แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน
แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขาฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป’แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ กับเอารองเท้ามาสวมให้เขาจงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิดเพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี “ฝ่ายบุตรคนโตนั้นกำลังอยู่ที่ทุ่งนา เมื่อเขากลับมาใกล้ตึกแล้ว ก็ได้ยินเสียงมโหรีและเต้นรำเขาจึงเรียกบ่าวคนหนึ่งมาถามว่า เขาทำอะไรกันบ่าวจึงตอบว่า ‘น้องของท่านกลับมาแล้ว และบิดาได้ให้ฆ่าลูกวัวอ้วนพีเพราะได้ลูกกลับมาโดยสวัสดิภาพ’ฝ่ายพี่ชายก็โกรธไม่ยอมเข้าไป บิดาจึงออกมาชักชวนเขาแต่เขาบอกบิดาว่า ‘ดูแน่ะ ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติท่านกี่ปีมาแล้ว และมิได้ละเมิดคำบัญชาของท่านสักข้อหนึ่งเลย แม้แต่เพียงลูกแพะสักตัวหนึ่งท่านก็ยังไม่เคยให้ข้าพเจ้า เพื่อจะเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริงยินดีกับเพื่อนฝูงของข้าพเจ้าแต่เมื่อลูกคนนี้ของท่าน ผู้ได้ผลาญสิ่งเลี้ยงชีพของท่าน โดยคบหญิงชั่วมาแล้ว ท่านยังได้ฆ่าลูกวัวอ้วนพีเลี้ยงเขา’บิดาจึงตอบเขาว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับเราเสมอ และสิ่งของทั้งหมดของเราก็เป็นของเจ้าแต่สมควรที่เราจะได้รื่นเริงและยินดี เพราะน้องของเจ้าคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ ”
ผมมีแรงบันดาลใจถึงคำสอนจากบทนี้ ดังต่อไปนี้
1.ความทุกข์ของบุตรน้อย : บุตรน้อยมีลักษณะหลงไปจากทางชอบธรรม หวังเพียงส่วนแบ่งสมบัติ ละทิ้งความรักของบิดา แม้ผลาญสมบัติจนสิ้น ก็ยังไม่พบความหมายของชีวิต
1.1)เชื่อในสมบัติ : บุตรน้อยหลงให้ความสำคัญกับเพียงสมบัติ อาจหลงติดกับดักที่คิดเพียงว่า “ถ้าผมหล่อกว่านี้ ฉันสวยกว่านี้ ก็จะมีความสุข” “ถ้าฉันรวยกว่านี้ ฉันก็จะมีความสุข” “ถ้าฉันเก่งกว่านี้ ฉันก็จะมีความสุข เขาจึงคิดแต่เพียงว่า จะขอแบ่งสมบัติ ความยึด “สมบัติ” เป็นที่ตั้งของชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้น ชีวิตก็ไม่ได้เป็น “เจ้าของ” สมบัติ แต่กลับเป็นเพียง “ทาสของ” สมบัติเสียมากกว่าทำให้เกิดปัญหา 2 ประการ
ประการแรก ทำให้คิดเอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดแต่สมบัติ ความรักของพ่อหรือพี่ก็ไม่สนใจเลย
ประการที่สอง เมื่อคิดเช่นนั้น “เท่าไรถึงจะพอ” ถึงกับขอแบ่งมรดกก่อนถึงเวลาที่พ่อจะมอบให้
1.2)ไม่เชื่อในความรักของพ่อ : ในความรู้สึกของเด็กเล็กๆ ความรักของพ่อแม่ ทำให้ลูกๆมีความสุขชื่นชมยินดีอยู่เสมอ ลองใช้ตัวเราเองเป็นตัวอย่าง นึกถึงตอนวัยเด็ก เมื่อไรที่เราได้ระลึกถึงความรักของพ่อแม่ เราก็จะมีความสุข และกลับกัน เมื่อใดที่ลูกๆไม่รับรู้ถึงความรักของพ่อแม่ หรือเริ่มสงสัยในความรักของพ่อแม่ ชีวิตของลูกก็ไม่มีความสุข บุตรน้อยในคำอุปมาเรื่องนี้ ถูกความโลภบังตา มองไม่เห็นความรักของพ่อ ตัดความรักของพ่อ และชีวิตกลับตกต่ำ เป็นทุกข์
1.3)หลงไปในทางบาป : เมื่อบุตรน้อยจมอยู่กับความทุกข์ แม้จะยิ่งดื่มกินเพียงใด ชีวิตก็ยังว่างเปล่า และยิ่งห่างไกลจากการสัมผัสถึงความรักของพ่อ ไม่พบความสุขแท้ ก็ในเมื่อความสุขแท้คืออ้อมกอดแห่งความรักอันอบอุ่น แต่ตนกลับได้ละทิ้งด้วยเห็นว่า ส่วนแบ่งในสมบัติมีความสำคัญยิ่งกว่า
1.4)ชีวิตที่ตกต่ำ ไร้ความหมาย : เมื่อบุตรน้อยหลงไปในทางบาป มีแต่การใช้เงินทอง ก็ย่อมมีวันหมดสิ้นไป ยิ่งหลงไกล ก็ยิ่งตกต่ำ จนในที่สุด ก็กลายเป็นชีวิตที่ไร้ความหมาย กระทั่งจะขออาหารหมูแบ่งมารับประทานยังไม่ได้ เกรงว่าจะมาตายเสียที่เมืองไกล
2.ความสุขของบุตรน้อย : เมื่อบุตรน้อยเริ่มกลับใจ ให้คิดถึง และเปิดใจรับรู้ถึงความรักของพ่อ ก็ทำให้ได้พบกับความสุข หลายประการ ดังนี้
2.1)เห็นความรักของพ่อ : ยังนับว่ายังดี ที่ความทุกข์ตกต่ำถึงที่สุดของบุตรน้อย ได้นำไปสู่การกลับใจ ให้คิดถึงความรักของพ่อ และมีความหวังที่จะกลับไปหาพ่อ ทำให้ได้พบกับความสุขเติมเต็มด้วยความรักของพ่ออีกครั้ง
หลายครั้งในชีวิต เราก็อาจจะลืมนึกถึงความรักของพ่อ แต่เมื่อถึงจุดที่ชีวิตลำบาก รู้สึกทุกข์ใจ รู้สึกชีวิตยังว่างเปล่า สับสนในชีวิต ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม และอยู่ไปทำไม ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนให้กลับมาหาความรักของพ่อได้เช่นกัน
และเมื่อเราเปิดใจ รับรู้ความรักของพ่อได้ ชีวิตแห่งสันติสุขก็หวนกลับคืนมา ยิ่งได้เห็นว่า แม้ยังอยู่แต่ไกล พ่อก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างอบอุ่น แสดงว่า พ่อยังรัก ยังห่วงใย ยังคิดถึงอยู่เสมอ
2.2)กลับใจ ใฝ่ทางสว่าง : ชีวิตที่หลงไปในทางบาป คิดถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียวเป็นสำคัญ ก็มีชีวิตที่ไม่ได้เป็น “เจ้าของ” สมบัติ แต่กลับเป็นเพียง “ทาสของ” สมบัติเสียมากกว่า กลายเป็นชีวิตที่ว่างเปล่า ไร้ความสุขแท้
แต่เมื่อกลับใจมาเดินในทางสว่าง ชีวิตก็เป็นสุขแท้ และพบกับความหมายของชีวิต
2.3)สารภาพ เลิกทางบาปผิด : จุดเริ่มที่บุตรน้อยอยากกลับมาสู่ทางสว่าง ก็คือการยอมรับความผิด สารภาพความผิดบาป ก็จะเป็นโอกาสที่จะได้กลับมาเดินในทางสว่างได้ต่อไป
ชีวิตคนเราก็เช่นกันครับ เมื่อเราไม่รับรู้ความรักของพระเจ้า ชีวิตเราก็ว่างเปล่าแต่เมื่อไรที่เราเปิดใจ เห็นถึงความรักของพระองค์ ถึงขั้นทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือ พระเยซูคริสต์ มาไถ่บาปแทนเรา ก็ทำให้เราได้พบกับความสุขแท้ อันเป็นความหมายของวันคริสตมาสครับ