สถานะพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทย กับตะวันตก
ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยกับประมุขของรัฐ แต่ละประเทศกำหนดไว้ต่างกัน รัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ฉบับ ๑๐ ธันวา ๒๔๗๕ สะท้อนว่าประชาชนใช้อำนาจอย่างจำกัด โดยผ่านพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นผู้แทนปวงชนตามจารีตประเพณี และคอยกำกับดูแลผู้ใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการแทนปวงชน
แนวคิดนี้ปรากฏในรัฐธรรมนูญ ๒๔๗๕ ซึ่งสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงให้แก้ไขปรับปรุงด้วยพระองค์เอง ในมาตรา ๒ ว่า “อำนาจอธิปไตยย่อมมาจากปวงชนชาวสยาม พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นแต่โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะถือกันว่า พระมหากษัตริย์เป็นมหาสมมติ ตามหลักเอนกชนนิกรสโมสรสมมติ อันมีที่มาจากอำนาจประชาชนอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแต่เพียงตกลงกันระหว่าง พระมหากษัตริย์ในฐานะผู้แทนปวงชนโดยจารีตประเพณี กับคณะราษฎร์ซึ่งยืนยันว่าทำการแทนปวงชน เกิดเป็นข้อสรุปต่อไปว่า ต่อไปนี้ผู้แทนปวงชนตามจารีตประเพณี คือพระมหากษัตริย์ ยังคงเป็นประมุข แต่จะใช้อำนาจแทนประชาชนอย่างจำกัดภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
แนวคิดนี้ยังปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับจนฉบับ ๒๕๕๐ ซึ่งบัญญัติในมาตรา ๓ ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้น ทางคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”
ความข้างต้นนี้แตกต่างจากแนวคิดในโลกตะวันตกอย่างสำคัญ ดังที่สะท้อนออกมาในรัฐธรรมนูญของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญต้นแบบของชาติต่าง ๆ ในโลกที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๐ (๒) ว่า “อำนาจอธิปไตยมาจากปวงชน ปวงชนเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง และการลงคะแนนเสียงอย่างอื่น และผ่านองค์กรโดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ”
ในรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐฝรั่งเศส พ.ศ. ๒๕๐๑ ก็บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ปวงชนใช้อำนาจอธิปไตยผ่านผู้แทนราษฎร”
การที่เยอรมันและฝรั่งเศสไม่บัญญัติว่า ประธานาธิบดีใช้อำนาจอธิปไตยผ่านรัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะเขาถือว่าประชาชนใช้อำนาจอธิปไตยผู้แทนโดยตรง และประธานาธิบดีก็มาจากการเลือกตั้งจึงไม่มีการบัญญัติไว้เช่นนั้น
แต่การที่ไทยบัญญัติไว้โดยพระมหากษัติรย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนี่สิน่า คิดว่า เป็นเพียงบทประดับประดา หรือเป็นบทรากฐานที่ให้เอกสิทธิ์แก่พระมหากษัตริย์ในฐานะผู้ถือตราแผ่นดิน และถืออำนาจแผ่นดินมาแต่เดิม? ผมเห็นค่อนมาทางอย่างหลัง
แน่นอนว่าประธานาธิบดีของเยอรมันและฝรั่งเศสอาจยับยั้งกฎหมายขององค์กรฝ่าย นิติบัญญัติได้ และมีเอกสิทธิ์ในการให้อภัยโทษอันเป็นการถ่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติและให้ ความเมตตาธรรมแก่ผู้ต้องคำพิพากษาตามเหตุอันควรเช่นเดียวกับไทยแต่ประธานาธิบดีในประเทศทั้งสองล้วนเป็นผู้แทนปวงชนผ่านการเลือกตั้ง
ส่วนของไทยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อธิบายได้อย่างเดียวว่าเป็นผู้แทนทางจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีอันเป็น รากฐานของระบบกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี
สถานะของพระมหากษัตริย์ไทยในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นโดยการ เปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร และการสถาปนาระบอบกษัตริย์ที่แม้มีพระราชอำนาจจำกัดตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็คงฐานะผู้แทนปวงชนเอาไว้ของสมเด็จพระปกเกล้าฯ ที่รัฐบาลและรัฐสภาไม่อาจทำการสำคัญ ๆ ได้โดยไม่แสดงออกผ่านพระมหากษัตริย์อันเป็นอำนาจกำกับตรวจสอบที่สำคัญยิ่ง กว่าในเยอรมันและฝรั่งเศสนี้ แสดงออกผ่านรัฐธรรมนูญทุกฉบับตราบจนปัจจุบัน จึงมีข้อแตกต่างจากระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแบบตะวันตกด้วยประการฉะนี้
แต่ถ้าใครอยากจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๓ เอาอย่างประชาธิปไตยฝรั่ง คงมีคนค้านแยะ เห็นจะต้องผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในสังคมไทยครั้งใหญ่เสียก่อนนะครับ .