บทเรียนเสื้อเหลือง-แดง 3 :“รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ขอไทย “รวยด้วยรัก”
ได้เห็นปรากฏการณ์ การจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งเห็นภาพที่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เข้าร่วมงาน พบกับ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ้มแย้มกันอย่างน่าชื่นใจ
ได้เห็นปรากฏการณ์ การจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งเห็นภาพที่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เข้าร่วมงาน พบกับ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ้มแย้มกันอย่างน่าชื่นใจ
เป็นแบบอย่างของผู้ใหญ่ที่ให้ความรัก และให้อภัยอย่างแท้จริง
เป็นแบบอย่างกิจกรรมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่น่าชื่นชมในการ “เลือก” เดินในทางสว่าง ทางแห่งความรัก...
เป็นบทเรียนของชาวไทยว่า ไม่ควรมีใครยุแยกให้แตกกันว่าบ้านเมืองนี้ มีการแบ่งชนชั้น มีชนชั้น “ไพร่” ถูก กดขี่ เหยียดหยามโดย ชนชั้น “อำมาตย์” อีกเลย
... เพราะหากมีเรื่อง ชนชั้น “อำมาตย์” เกลียดชัง เหยียดหยาม ชนชั้น “ไพร่” จริง ภาพตัวแทนอำมาตย์อย่างท่าน พลเอก เปรม ของไม่อยาก “ลดตัว” มางานของรัฐบาล “ไพร่”
... เพราะหากมีเรื่อง กลุ่ม “อำมาตย์” มุ่งล้มรัฐบาลระบอบทักษิณจริง ก็คงใช้อำนาจทหารปกป้องอำนาจรัฐ ให้พ้นอำนาจระบอบทักษิณไปแล้ว
... เพราะหากมีเรื่อง กระบวนการศาลไทย เป็นสาย “อำมาตย์” ใส่ร้าย และไม่ให้ความเป็นธรรมกับระบอบทักษิณ ก็คงไม่มีการเปิดโอกาสให้ให้การต่อศาล และหากจะชี้แจง และก็ยังทำได้ โดยเพียงชี้แจงว่า ที่ศาลตัดสินว่า มีการ “ซุกหุ้น” จริงนั้น ศาลตัดสินโดยใส่ร้ายยัดเยียดความผิดหรือไม่ ก็ลองแสดงว่า เงินที่ได้คืนไป 3 หมื่นล้านบาทนั้น ได้แจกจ่ายคนใกล้ชิดแล้วหรือไม่ พานทองแท้ได้ประมาณ 9 พันล้านบาท พินทองทา (เพิ่งแต่งงาน) ได้ประมาณ 1 หมื่น 2 พันล้านบาท บรรณพจน์ได้ประมาณ 8 พันล้านบาท และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อาจควรได้คืนร่วมพันล้านบาทหรือไม่ ?
ในเมื่อทั้งหมดนี้ ไม่เป็นจริง ก็ดีแล้วที่จะไม่ “ใช้ความเท็จ” ใส่ร้ายประเทศไทย
...ทำให้ประเทศไทยแตกแยก ขาดความรักสามัคคี มีความอ่อนไหวทางการเมือง
... ทำให้คนไทยที่ถูกทำให้เชื่อว่า “เป็นไพร่” ต้องรู้สึกอาภัพ น้อยใจ ไม่ได้รับเกียรติ โกรธ แค้น และเป็นทุกข์
... ทำให้คนไทยที่ถูกกล่าหาว่า “เป็นกลุ่มอำมาตย์” ต้องอึดอัด เพราะ หลายคนก็มาจากฐานะไพร่เหมือนกัน ไม่มีใครรู้สึกเหยียดหยาม ดูถูก หรือคิดเอาเปรียบ คนที่เป็นชนชั้นไพร่อยู่แล้ว
ในเทศกาลแห่งความรัก การส่งเสริมความรัก จึงเป็นสิ่งดี และพึงทำอย่างต่อเนื่อง จริงจัง และจริงใจ ตลอดไป
เพียงอาจจะทำได้ดีกว่านี้อีกนิด หากได้มีโอกาสจัดให้ ส.ส. ฝ่ายค้านได้เข้าร่วมงานด้วย เพราะฝ่ายค้านชุดนี้ ก็ตั้งใจทำงานผ่านรัฐสภาอย่างถูกต้อง เพื่อความปรองดอง ไม่เคยสร้างความแตกแยกนำมวลชนของพรรคตนมาก่อกวนรัฐบาลตรงข้าม การมีความขัดแย้งในสภา ก็เป็นหน้าที่ที่ทำงานร่วมกันเพื่อประชาชน ประชาชนก็จะพิจารณาจากสาระที่ถกกัน จึงควรทำให้ประชาชนรู้สึกเป็นคนไทยร่วมชาติร่วมกัน คิดแตกต่างได้แต่ไม่คิดแตกแยก ก็จะเป็นเรื่องดีของแผ่นดินจริงๆ
ในโอกาสวาเลนไทน์นี้ ผมถือโอกาสแนะนำหนังสือน่ารัก “รวยด้วยรัก” เขียนด้วยนักเขียนน่ารัก คือ “มนตรี ศรไพศาล” ซึ่งมีหัวข้อครบคลุม บทเรียนความรู้รักสามัคคี พระเจ้าเป็นความรัก รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง รัก 360o ฯลฯ
หนังสือ “รวยด้วยรัก” นี้เริ่มวางแผงสัปด์นี้ โดยมี “เปิดใจผู้เขียน” ดังนี้ครับ
ท่านผู้อ่านครับ มีหลายคนดูข้อมูลของผมผ่านอินเตอร์เน็ต หรือข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนแล้วคิดว่า ผม “รวย” มีรายได้มาก มีทรัพย์สินมาก
จากใจ ... ผู้เขียน
จริงๆแล้ว ผมก็เชื่อว่า ผมไม่ได้ถึงกับเทียบได้กับเศรษฐี หรือคนรวยมากมายในสังคม และผมก็สังเกตจากประสบการณ์ชีวิตของผม ผมได้ผ่านมาทุกฐานะ ยิ่งนึกถึงสมัยพ่อแม่ของเรา ส่วนมากก็ยากจนกว่ารุ่นเรา ...
คุณแม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านอยู่ในครอบครัวที่ปากกัดตีนถีบ สมัยเด็กๆ คุณแม่ยังอายุประมาณ 2 ขวบ คุณตาของผมป่วยหนัก ครอบครัวเกือบตัดสินใจขายคุณแม่ไปให้บ้านอื่น แต่คุณลุงของผมไม่ยอม ร้องขอไว้ จากยังอยู่ด้วยกัน (ผมต้องขอขอบพระคุณคุณลุงไว้ ณ ที่นี้ด้วย ทำให้คุณแม่ของผมได้อยู่กับครอบครัว ไม่เช่นนั้น อาจไม่มีผมก็ได้ครับ)
คุณพ่อคุณแม่ของผมก็ช่วยกันทำมาหากิน คุณพ่อซื้อของไปขายตามต่างจังหวัด คุณแม่ผมก็เฝ้าร้านที่เช่าเขาขายของ คุณพ่อผมก็เสียไปตอนที่ผมอยู่เพียงชั้นปี 1 และพี่ชายคนโต (ดร.สมจินต์ ศรไพศาล) อยู่ชั้นปี 2 คุณแม่ต้องเลี้ยงดูลูกๆมาถึง 5 คน
พี่น้องเราได้เรียนเร็วและสอบข้ามขั้น เพื่อสอบข้ามชั้นให้สามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ประหยัดค่าเล่าเรียน ผมเองเริ่มสอนหนังสือเพื่อหาเงินช่วยลดภาระของคุณพ่อคุณแม่
ผมเริ่มทำงานด้วยเงินเดือนเดือนละ 7,500 บาท เริ่มซื้อรถยนต์มือสองมาใช้ และไต่เต้าชีวิตมาจนปัจจุบัน ที่ได้ก้าวหน้ามาสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ
ผมมั่นใจว่า ผมไม่ถึงกับเป็นคนรวย หรือเป็นเศรษฐี แต่สิ่งที่ผมภาคภูมิใจ คือ ผมมีชีวิตที่มีความสุขมาในทุกฐานะ ทุกสถานการณ์ ผมจึงมีแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้คือ “รวยด้วยรัก”
ผมเชื่อว่า ชีวิตผม “รวยด้วยรัก” คือ มีความรักมากมาย รักชีวิต รักความฝัน รักงานมันส์ รักปัญหา รักเวลา รักคุณค่า รัก... และผมเชื่อว่า ความรักในชีวิตนั้น ทำให้ชีวิตของผมมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์
ประสบการณ์ชีวิตของผม ทำให้ผมเรียนรู้บทเรียนสำคัญว่า
“รวย” ไม่ได้แปลว่าสุข สุขได้ โดยไม่ต้องรวย
รวยไม่รวย ก็เป็นสุข สุขได้เมื่อ... “รวยด้วยรัก”
ผมหวังว่า หนังสือเล่มนี้ จะมีส่วนช่วยให้ท่านผู้อ่านได้ “รวยด้วยรัก” ตั้งแต่ชีวิตการเรียนสำหรับเด็กๆ ชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัว และชีวิตในฐานะพลเมืองดีของชาติ ซึ่งจะทำให้ท่านมี “ความสุข” ได้ในทุกฐานะ ทุกเวลา และ ทุกสถานการณ์ ตลอดไปครับ
([email protected]; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)