- Home
- Isranews
- เวทีทัศน์
- เจาะใจ.. อธิบดีกรมชลประทาน คนใหม่ 'เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ' ถ้าน้ำยังท่วมอีก ..เราต้องรับผิดชอบ!!
เจาะใจ.. อธิบดีกรมชลประทาน คนใหม่ 'เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ' ถ้าน้ำยังท่วมอีก ..เราต้องรับผิดชอบ!!
มติการเสนอโยกย้าย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อสับเปลี่ยนให้นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ มานั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน คนใหม่ ที่เกิดขึ้นภายกลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
กำลังถูกจับตามองจากสังคมเป็นอย่างมาก ว่า จะทำให้การบริหารงานของกรมชลประทาน ในการดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำของประเทศมีประสิทธิภาพ มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ประเทศไทย ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วมซ้ำรอยเดิมหรือไม่
เพราะในทางปฏิบัติแม้การเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมชลประทาน ครั้งนี้ จะถูกมองว่าเป็นหมากทางการเมืองอย่างหนึ่ง ของรัฐบาล ที่ต้องการหาผู้รับผิดชอบปัญหาความผิดพลาดในอดีต เพื่อสร้างภาพความมั่นใจให้กับประชาชน ว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม นอกเหนือจากการเปิดตัวโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ทั้งระยะสั้น ระยะยาว มูลค่าหลายแสนล้านบาท ออกมาเป็นระยะๆ ในช่วงก่อนหน้านี้
แต่ไม่ว่าการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมชลประทาน คนใหม่ ครั้งนี้ จะมีเหตุผลนัยยะทางการเมืองอะไรแฝงอยู่ แต่วันนี้ กรมชลประทาน มีอธิบดีคนใหม่ ชื่อ เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ แล้ว ภารหน้าที่ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เกี่ยวกับเรื่องน้ำ ของกรมชลประทาน จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลียงได้ สำหรับชีวิตข้าราชการรายนี้
ซึ่งได้ชื่อว่า "ลูกหม้อเก่า" ของกรมชลประทาน มาตั้งแต่เข้ามารับราชการเป็นข้าราชการใหม่ ก่อนจะเติบโตขึ้นเป็นถึงรองอธิบดีกรมชลประทาน และก้าวขึ้นตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนจะย้อนกลับมาสู่ถิ่นเดิม ในตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานอีกครั้ง
ภายหลังจากที่รับทราบมติ ครม.เรื่องการเสนอชื่อตนเอง ให้เป็นอธิบดีกรมชลประทาน คนใหม่ อย่างเป็นทางการ นายเลิศวิโรจน์ ได้เปิดใจ กับสำนักข่าวอิสรา (www.isranews.org) ถึงการเตรียมความพร้อมในการทำหน้าที่ เบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างหมดเปลือก ในการเข้ารับตำแหน่งนี้
++ การเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมชลฯ คนใหม่ครั้งนี้ รู้ตัวมาก่อนหรือเปล่า
ยอมรับว่ารู้ตัวก่อน เนื่องจากผมเคยอยู่กรมชลฯ มาก่อน ท่านผู้ใหญ่ก็บอกว่า ให้ศึกษางาน ไว้
" ถามว่ารู้ตัวก่อนไหม ก็รู้ตัวก่อนในระยะเวลาไม่มากนัก ว่า อาจจะถูกได้รับมอบหมายให้มารับหน้าที่ตรงนี้"
++ รู้ตัวก่อนนานไหม
"ไม่ค่อยแน่ใจ อาจจะประมาณสัปดาห์กว่าๆ"
++ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนตัวอธิบดีคนเก่า เกิดจากกระแสกดดันทางการเมือง เพื่อหาคนรับผิดชอบปัญหาน้ำท่วม หนักใจประเด็นนี้หรือไม่
"ไม่หรอกครับ เพราะความจริงในส่วนของผม วันนี้ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่นี้ เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่เขา"
" คือเราเคยทำงานตรงนี้ ผู้ใหญ่เขาอาจจะเห็นว่า โอเค เราน่าจะทำงานได้ ส่วนท่าอธิบดีคนเก่า (ชลิต ดำรงศักดิ์) ผู้ใหญ่เขาอาจจะเห็นว่าทำงานมาเยอะแล้ว
++ อธิบดีคนเก่า อาจจะเหนื่อย
ก็ไม่เชิง.. อย่างที่ติดตามข่าว อย่างที่ ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) พูด การเปลี่ยนตัวครั้ง เป็นการเปลี่ยนตัวกันทำงาน ก็เป็นลักษณะนั้นมากกว่า
++ อะไรคือ ความโดดเด่นในตัวท่านที่ผู้ใหญ่มองเห็น ว่าเหมาะสมกับตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่
" ผมเคยเป็นคนในกรมชลฯ มาก่อน ผมเติบโตมาจากที่นี้ และการทำงานที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ผู้ใหญ่น่าจะมองว่าทำงานตรงนี้ได้ ผมมองว่าน่าจะเป็นจุดนั้น"
++ พร้อมสำหรับตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่หรือไม่
มีความพร้อมอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ เนื่องจากตนเคยทำงานอยู่ในกรมชลประทานมาก่อน การทำงานในตำแหน่งนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
++ นโยบายกรมชลประทาน ในยุดที่มีอธิบดีคนใหม่ชื่อ เลิศวิโรจน์ เป็นอย่างไร
ในยุคของผม คงจะต้องบริหารจัดการเรื่องน้ำอย่างใกล้ชิด เกาะติดกับสถานการณ์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ในอดีตที่ผ่านมาความเสียหายเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร เครื่องมือเครื่องไม้ ที่มีอยู่จะต้องทำให้มันดีให้ได้อย่างที่ควรจะเป็น ส่วนแผนการบริหารงานคงจะต้องรอหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เรื่องการบริหารจัดการน้ำ และปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
++ ขณะนี้คนในสังคม ยังมีความกังวลว่าน้ำจะท่วมอีก ยืนยันได้หรือไม่ ว่าน้ำจะไม่ท่วมอีกแล้ว
จากที่ผมติดตามการทำงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างจะมั่นใจว่า สิ่งที่กำหนดเป็นทิศทาง กำหนดเป็นโครงการอะไรต่างๆ ก็น่าจะบริหารจัดการไม่ให้น้ำท่วมได้เหมือนปี 2554
++ คิดว่าสิ่งไหนจะเป็นอุปสรรคในการทำงานบ้าง
ก็มีหลายเรื่อง (หยุดคิด) ... เรื่องระยะเวลา เพราะกว่าที่เราจะได้ลงมือทำ กว่าที่งบประมาณจะมา หรืออะไรก็แล้วแต่ ขณะนี้เหลือเวลาไม่กี่เดือนแล้ว สิ่งที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนที่ฝนปี 2555 จะมา กังวลเรื่องระยะเวลาเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ก็คงต้องไปดูว่า อะไรที่มันมีปัญหา ต้องรีบแก้ไขให้มันเสร็จ ตามระยะเวลาให้ได้
" ผมว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ งานเร่งด่วน คงทำให้ปัญหาน้ำท่วม มันไม่มากอย่างปี 2554 แต่ปัญหามันอาจจะมีบ้าง เนื่องจากการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน คงทำทุกจุดไม่ได้ แต่แนวทางการบริหารจัดการที่มีอยู่ในขณะนี้ น่าจะการันตีได้ว่า มันคงไม่ท่วมถึงขนาดที่จะทำให้เกิดความเสียหายมากมายอย่างปี 2554"
++ โครงการฟลัดเวย์ (ทางระบายน้ำ พื้นที่รับน้ำ โครงการเขื่อนต่างๆ เตรียมความพร้อมไว้ดีแล้วใช่ไหม
โครงการเหล่านี้เป็นโครงการระยะยาว เรื่องฟลัดเวย์ เป็นเรื่องที่เรารื้อมาพูดกันใหม่ แต่เรื่องเขื่อนใหม่ อย่างเขื่อนแก่งเสือเต้น เข้าใจว่า กรมชลฯ เราเตรียมตัวมานาน เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนว่า จะทำกันอย่างไร เพราะเป็นโครงการใหญ่ กระทบกับพื้นที่ในวงกว้าง ต้องให้รัฐบาลให้นโยบายที่ชัดเจน
++ เขื่อนแก่งเสือเต้น จะต้องทำแน่ๆ ใช่ไหม
ในฐานะที่มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำ ผมมองว่าลุ่มเจ้าพระยา ที่เรามีแม่น้ำสายหลักสี่สาย ในส่วนแม่น้ำยม เรายังไม่มีอะไรมาควบคุมน้ำในแม่น้ำสายนี้ ทุกสายมันมีหมดแล้ว ขาดแต่แม่น้ำยม
"ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมปี 2538 ปริมาณน้ำจำนวนมาก ก็ไหลมาจากแม่น้ำยม เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเขื่อน ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนรูปแบบลักษณะไหน เล็กหรือใหญ่ จะเป็นเครื่องมือที่เราจะบริหารจัดการน้ำได้ดีกว่าการไม่มี ผมยังมองว่า แก่งเสือเต้น หรือเขื่อนที่อยู่ในแม่น้ำยม ไม่ว่าจะเป็นขนาดไหน ก็จะเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนที่ปริมาณน้ำจะไหลมาสู่ภาคกลาง และลงเข้ากรุงเทพฯ จะทำให้มีปัญหาน้อยลง"
++ กรมชลฯ ถูกมองว่ามีปัญหาเรื่องการพร่องน้ำออกจากเขื่อน จะแก้ไขอย่างไร
"วันนี้มีการพูดถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนแล้ว เมื่อก่อนเราดูความสมดุล การจัดการน้ำเน้นไปในทางเกษตรกรรม ในขณะนี้เดียวกันดูเรื่องอุทกภัยด้วย ตอนนี้สถานการณ์ภัยธรรมชาติเกิดรุนแรงมากขึ้นกว่าในอดีต มันไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ คราวที่แล้วพายุมาหลายลูกติดต่อ ทำให้เกิดปัญหา การปรับปรุงการบริหารน้ำในเขื่อน ตอนนี้ สิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้จะให้ความสำคัญกับเรื่องการป้องกันน้ำท่วมมากขึ้น กว่าเดิม อันนี้ อาจจะการันตันได้ เพิ่มเติมว่า เราบริหารจัดการน้ำท่วมได้ดีกว่าเดิมแน่นอน ถ้าใช้หลักเกณฑ์นี้
"แต่ปัญหาสำคัญที่อาจจะตามมาก็คือ น้ำเพื่อการเกษตรกรรม หรือน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ในกิจการอื่นๆ อาจจะต้องน้อยลงไป การส่งน้ำเพื่อการเกษตร ในช่วงฤดูแล้ง ตอนนี้ต้องเปลี่ยนให้น้อยลงอะไรแบบนี้ แต่พื้นที่ช่องว่าง ในการบริหารป้องกันน้ำท่วมจะมีมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาล กำลังมองอยู่"
++ การระบายน้ำที่ผ่านมา มักมีปัญหาถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง จะแก้ปัญหานี้อย่างไร
"ผมว่า กรมชลประทาน เรามีหลักเกณฑ์ปล่อยน้ำอยู่ ยกตัวอย่างน้ำที่ระบาย ลงมาจากข้างบน ฝนตกท้ายอ่าง มารวมหน้าเขื่อนเจ้าพระยา เราพยายามให้ระบายไปตามช่องทางต่างๆ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ผมเข้าใจว่าเราต้องมีหลักเกณฑ์ของเรา ใครจะมาสั่งอะไรคงไม่ได้"
++ มีข่าวว่า อธิบดีกรมชลฯ คนใหม่ เป็นหนึ่งในลูกรัก ของท่านบรรหาร ทำให้ถูกเลือก
"คำว่าลูกรักหมายถึงอะไรผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ผมว่าท่านคงมองว่า ผมพอที่จะมาทำงานนี้ได้มากกว่า คงไม่ใช่คนโปรดอะไร เพราะท่านใช้งานคนเยอะ ตัวท่านเอง เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรฯ มานาน คงมองออกไว้ว่า ใครที่จะมานั่งทำงานงานจุดไหน อย่างไร วันนี้ท่านมองว่า ผมน่าจะทำงานตรงจุดนี้ได้ ท่านก็มอบหมายมา ผมเข้าใจว่ามีเท่านี้แหละ"
++ ท่านบรรหาร ฝากให้ดูอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
"ท่านบอกว่า ภารกิจการเป็นอธิบดีกรมชลฯ เป็นภาระสำคัญมากๆ เน้นมากในเรื่องของแผนงานป้องกันน้ำท่วมที่กำลังดำเนินการอยู่ เนื่องจากต้องทำให้เสร็จทันตามเวลา ท่านเน้นจุดนี้ เพื่อรองรับฝนที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 ต้องทำให้สำเร็จ"
++ยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาการล้วงลูก
"ตั้งแต่ทำงานที่กรมชลฯ มา ผมไม่เคยเห็นว่า จะมีการเข้ามาล้วงลูกอะไรในขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องน้ำ ผมเห็นว่าการระบายน้ำไปในช่องไหนอย่างไร ก็ติดตามอยู่ มันก็น่าจะเป็นไปตามที่กรมชลประทานพิจารณาไว้ คงไม่มีถึงขนาด ต้องมีใครมาบอกว่าตรงนี้ตรงนั้น คงไม่ใช่"
"ผมว่าท่านคงไม่มาสั่งหรือมาล้วงลูกอะไร เพราะตัวเลขมันมีอยู่ ถ้าน้ำมาขนาดไหน จะต้องบริหารอย่างไร"
++ พรรคเพื่อไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา กำลังแย่งชิงเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ในฐานะคนทำงานที่อยู่ตรงกลางหนักใจหรือไม่
"คงไม่ลำบากเพราะวันนี้ มันชัดเจนแล้วว่า มันมีหน่วยงานกลางที่มากำหนดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำ หรือที่เรียกว่า ซิงเกิ้ล คอมมานด์ ความจริงไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ผมว่าคนที่ทำเรื่องน้ำมีเยอะ พอถึงเวลามัน ก็ไม่มีเอกภาพเท่าไร ที่นี่ฟังดูเหมือนแนวทางที่รัฐบาลจะทำ คือ จะให้มีหน่วยงานกลางขึ้นมาดูแล แล้วก็มีกฎเกณฑ์ชัดเจน เราจะเอาเรื่องไหนก่อน"
"ในอดีต กรมชลฯ เราดูการบริหารจัดการน้ำ หลักการเราดูเรื่องการเกษตร แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องการป้องกันน้ำท่วม แต่บังเอิญมันเกิดฝนมากในปีที่ผ่านมา พายุเข้าหลายลูก มันก็ทำให้สิ่งที่เราปฏิบัติกันมาในอดีต ต้องมานั่งทบทวน เพราะธรรมชาติปัจจุบันนี้ มันเป็นสิ่งที่ใช้หลักสถิติเดิมมาดูไม่ได้ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงภาวะโลกร้อนค่อนข้างมาก ผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทยมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องกลับไปดูว่า จะต้องปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นอย่างไร" กลางได้ดีกว่า
++ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาฯ ส.ป.ก. มีข่าวว่าทนแรงกดดันเรื่องปัญหารุกที่ดินวังน้ำเขียวไม่ไหว เลยขอเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ
"ปัญหาวังน้ำเขียวไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมออกมาจาก ส.ป.ก. คือผมโตมาจากกรมชลฯ ผมก็คิดว่าผมไปอยู่ ส.ป.ก. ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ได้เรียนรู้เรื่อง ส.ป.ก. พอจะเข้าใจอะไรพอสมควร ก็เรียนตามตรง เมื่อมีตำแหน่งรองปลัดว่างอยู่ ก็เลยคิดว่า น่าจะมาดูเรื่องอื่นบ้าง ก็เลยมาก็เท่านั้น"
++ กำลังบอกว่า ต้องการเปลี่ยนมุมการทำงานใหม่ๆ บ้าง
ใช่ครับ
++ เรื่องน้ำ อาจจะกดดันกว่า ปัญหา ส.ป.ก. วังน้ำเขียว
"มันไม่ใช่เรื่องแรงกดดันนะครับ เรื่องนี้บางคนอาจจะคิด แต่โดยส่วนตัวผม วันนี้ถ้าผมมาเป็นอธิบดีกรมชลฯ มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ ตั้งแต่ผมทำงานที่กรมชลฯ แล้ว แต่กรณี ส.ป.ก.เป็นคนละกรณี คือ ผมไปเรียนรู้พอสมควรแล้ว ผมก็อยากไปหาสิ่งอื่นทำ
" คือเป้าหมายการทำงานของเรา อยู่กับเรื่องน้ำมาตลอดชีวิต แต่วันหนึ่ง ไปมีปัญหาเรื่องวังน้ำเขียว มีเรื่องการฟ้องร้อง ไม่ใช่งานที่ผมถนัด และถ้ายังไม่ได้ทำงานที่กรมชลฯ ผมก็คงขอไปศึกษาเรื่องอื่น คือ เรารู้เยอะๆ มันก็น่าจะดีกว่า ถ้าจะให้ผมนั่งเป็นเลขา ส.ป.ก. ต่อผมก็ทำได้ แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายของเรา"
"เราอยู่กรมชลประทาน เราส่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เรา ให้ประโยชน์กับประชาชน แต่เมื่อเราไปอยู่ ส.ป.ก. มันมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผมก็ต้องไปฟ้องร้องเกษตรกร ผมคิดว่าผมไม่ถนัด จริงๆ มันฝืนความรู้สึกในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่า เมื่อผมเจอปัญหาแล้ว ผมจะไปหนีปัญหา เพียงแต่ผมมองว่า ถ้ายังกลับไปทำงานที่ถนัดไม่ได้ เราก็ไปเรียนรู้งานอื่นเรื่อยๆ ก็เท่านั้นเอง หลักคิดผมมีแค่นี่"
++ หลัง ครม. มีมติแต่งตั้งอธิบดีกรมชลฯ คนใหม่ ได้คุยกับอธิบดีคนเก่าบ้างหรือยัง
"ยังไม่มีโอกาสเลย แต่ในอดีตผมกับท่านชลิต ก็รักนับถือกันอยู่แล้ว ท่านเป็นรุ่นพี่ผม ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ไม่มีปัญหาในการสานงานต่อ เข้าใจว่าพี่เขา ก็มีความเมตตากับผมอยู่ ผมเองก็เคารพนับถือพี่เขาอยู่แล้ว"
++ มีข่าวว่า ท่านชลิต อาจจะได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ ในปีหน้า
"ผมว่าท่านก็เหมาะสม ท่านอาวุโส มองในกระทรวงแล้ว ท่านน่าจะอาวุโสที่สุด ไม่น่าจะมีใครค้าน มีความเสียสละทำงาน มีความอาวุโส ถ้าในสายตาผม ผมว่าท่านเหมาะสม"
++ ท่านชลิต ก็เป็นลูกรัก ท่านบรรหาร การโยกย้ายตำแหน่งครั้งนี้ จะพูดได้ว่า ลูกรักทั้งสองคน วินวิน ทั้งคู่ ได้หรือไม่
"คงไม่ใช่ตรงนั้น (หัวเราะ) .. ผมว่าท่านบรรหารก็มองคน เป็นหลักการบริหาร ไม่ใช่เรื่องการรักใคร เพราะคนเราต่อให้รักให้ตาย แต่ไม่มีความสามารถก็คงไม่ให้ทำอะไรหรอก ใช่ไหม ผมว่าท่านบรรหาร มีคนเกี่ยวข้องเยอะ ท่านคงมองว่า ใครอยู่ตรงไหน ทำงานอะไรได้ เพื่อให้งานสำเร็จ ได้"
++ ถ้ามีปัญหาน้ำท่วมเกิดอีก ในฐานะอธิบดีกรมชลฯ จะรับผิดชอบอย่างไร
"เมื่อมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลฯ แล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด วันนี้มีเป้าหมายว่า การบริหารจัดการน้ำ จะต้องเน้นไม่ให้น้ำท่วม ถ้าน้ำยังท่วมมากอีก ก็เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ แต่อย่างที่ผมเรียนไปในตอนแรก ว่า การดำเนินงานเรื่องน้ำ ตอนนี้ เป็นการปฏิบัติงานจากนโยบายส่วนกลาง มันมีความชัดเจนมากกว่าเดิม"
++ ชัดเจนว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ใครจะต้องรับผิดชอบบ้างใช่หรือไม่
ใช่ครับ ....