ไม่มีรัฐบาลทหารยุคไหนอยากลดอำนาจตำรวจ
รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารทุกยุคสมัยย่อมต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองประเทศ ซึ่งเขามีอยู่แล้วบางส่วนผ่านอำนาจเหล่าทัพและการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกหรือคำสั่งคณะปฏิวัติ
แต่เพื่อให้อำนาจนั้นครอบคลุมและถูกนำไปปฏิบัติ เขายังจำเป็นต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จผ่านกลไกอื่นของรัฐด้วย ซึ่งหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจทรงพลังและมีเครือข่ายมากที่สุดคือ ตำรวจ และ มหาดไทย เพราะหน่วยงานทั้งสองนี้มีอำนาจทางปกครอง ทำงานใกล้ชิดประชาชน มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายที่ให้คุณให้โทษมากมาย ทั้งรักษาความสงบและการปราบปรามจับกุม
อำนาจเหล่านี้สามารถเป็นมือไม้ในการควบคุมสถานการณ์ทางอำนาจของการรัฐประหารได้เป็นอย่างดี ดังที่เราเคยเห็นบทเรียนจากสถานการณ์ตำรวจแดงตำรวจเหลืองเหลืองและทหารแตงโมในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา
เห็นได้จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พูดในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า “...ได้ทำเรื่องปฏิรูปแล้วเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยให้รัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ”
ดังนั้นแม้จะมีอำนาจในการปลดและแต่งตั้งนายตำรวจระดับสูง รวมทั้งออกกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและอำนาจของตำรวจตามข้อเสนอหรือผลการศึกษาขององค์กรต่างๆ ได้ แต่ผู้นำทหารย่อมเลือกวิธีการที่เป็นมิตรและประนีประนอมกับผู้มีอำนาจของตำรวจมากกว่า
วันนี้เสียงความต้องการของประชาชนอาจจะยังไม่ดังพอ ก็หวังว่าบรรดาผู้มีอำนาจจะเห็นความจำเป็นและยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสถาบันตำรวจในสาระสำคัญๆ บ้าง เพื่ออนาคตของที่ดีของตำรวจเองและสังคมไทย
หมายเหตุ :
แรงบันดาลใจในการเขียนหัวข้อนี้จาก อดีตอัยการอาวุโส ประวัติ วีรกุล
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ สำนักข่าวเจ้าพระยา