อุทัย พิมพ์ใจชน:เตือน 'บิ๊กตู่' ซ้ำรอย 'ทักษิณ'เสียคนเพราะ 'ลูกยอ'
"...ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเข้ามายึดอำนาจนั้น เข้าใจว่ามันจำเป็น เพราะต้องเข้ามาหย่าศึก แต่อย่างไรก็ตาม เคยเตือนมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรจะลงไปต่อยมวยเสียเองไม่งั้นจะเสียคน ซึ่งทุกวันนี้ก็เสียคนมากไปเรื่อยๆแล้ว..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2562 ที่ห้องประชุมศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ประชุม โฉมฉาย คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการจัดปาฐกถาสุภา ศิรินานนท์ ประจำปี 2562 ครั้งที่ 29 ในหัวข้อ ‘การเมืองไทย: ในมุมมองของนักการเมืองระบอบประชาธิปไตย’ ของ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาดังนี้
นายอุทัย ระบุว่า "ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเข้ามายึดอำนาจนั้น เข้าใจว่ามันจำเป็น เพราะต้องเข้ามาหย่าศึก แต่อย่างไรก็ตาม เคยเตือนมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรจะลงไปต่อยมวยเสียเองไม่งั้นจะเสียคน ซึ่งทุกวันนี้ก็เสียคนมากไปเรื่อยๆแล้ว"
"เพราะผู้ที่มีอำนาจมักจะมีผลไม้พิเศษที่เรียกกันว่า ลูกยอ ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นแบบเดียวกับที่สมัยที่ผมไปช่วยนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคการเมือง ซึ่งตอนหลังๆ ก็เจอกรณีได้รับลูกยอเข้ามากๆ จนในที่สุดก็คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งที่สุดในประเทศไทย ใครว่าอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็เจ๊ง อยู่ไม่ได้ ดังนั้น สรุป ก็คือผู้ที่มีอำนาจก็ต้องระวังลูกยอ ลูกสรรเสริญให้มากๆ"
นายอุทัย กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งปัญหาสำคัญ คือ นิสัยคนไทย ที่เป็นคนติดลาภยศ สรรเสริญ
"ดูตัวอย่างคนบางคนอายุ 80 กว่าแล้ว ทำไมยังจะถูกหิ้วปีกให้ไปเป็นประธานสภาชั่วคราวอีก โดยอ้างว่าเพราะเขามีอาวุโสสุงสุด ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่ ในปัจจุบันเทคโนโลยีสื่อสารก้าวไกลไปมากแล้ว แม้แต่คนที่อายุน้อยกว่าก็มีความสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วกว่าคนรุ่นเก่าๆได้ ซึ้งยุคนี้ใครเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอะไรได้เร็วกว่า ก็ถือว่าเป็นผู้ชนะแล้ว "
“ถ้าพูดถึงเรื่องการเมือง ตอนนี้ก็มีคนมองประเทศจีนที่เขาเจริญว่า คอมมิวนิสต์ดีกว่าประชาธิปไตยแบบบ้านเราที่มันวุ่นวายทุกวันนี้หรือดีกว่าประชาธิปไตยในประเทศตะวันตกที่ขณะนี้มีปัญหาวุ่นวายหรือเปล่า ซึ่งผมต้องเรียนว่าข้อเท็จจริงคือของเขานั้นแม้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่เขาก็เป็นประชาธิปไตยมาก่อน เพราะเขามีการเลือกตั้งทุกระดับชั้น"
"พรรคการเมืองเขาก็มีมากกว่า 20 พรรคการเมือง แต่ว่าเลือกตั้งนั้นแพ้พรรคคอมนิวนิสต์จีนหมดในทุกระดับ เขาก็เลยบริหารง่าย แล้วพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีการคัดคนที่มีความสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เป็นผู้ว่ามณฑลต่างๆตลอด โดยเฉพาะ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเองก็จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งคนไทยก็มีน้อยคนนักที่จบจากมหาวิทยาลัยนี้ ดังนั้นจึงถือว่าแม้แต่ประเทศจีนที่มีความเป็นคอมมิวนิสต์ แต่แท้จริงแล้วเขาเข้มแข็งเพราะมีประชาธิปไตย มีการยึดโยงกับประชาชนโดยมีสภาและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น”
อดีตประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า การมีอยู่ของรัฐบาลชุดนี้ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจโดยชัดเจน เพราะว่ามีการเอาคนไปตั้งกติกาเพื่อให้ผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารนั้นกลับเข้ามามีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้อีก
"ถ้าหากเขาไม่สืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง เขาก็ไม่เคยพูดเลยว่าบริหารมา 5 ปีแล้ว ขอพอแล้วไม่ยุ่งกับอำนาจแล้ว แต่กลับอ้างว่าไม่ได้สืบทอดอำนาจเพราะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่ว่านั้นแท้จริงแล้วก็เป็นกติกาที่เขียนกันขึ้นมาเอง ด้วยรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติที่ไม่ได้ถามความเห็นประชาชนในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ซึ่งจากเท่าที่ไปพูดคุยกับผู้ที่โหวตรัฐธรรมนูญนั้นแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงเอง เขาก็มีคนโหวตผ่านให้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นกัน แต่เหตุผลที่เขาโหวตให้ผ่านนั้น เขาไม่ได้โหวตเพราะรัฐธรรมนูญมันดี แต่โหวตเพราะว่าอยากให้รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจนั้นไปเสียที"
“ถ้าหากจะให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยนั้น ก็มีอยู่ทางหนึ่งที่จะทำให้ได้ คือ เวลาเขาชวนไปร่วมรัฐบาล ผู้ถูกชวนก็รู้จักที่จะปฏิเสธเสียบ้าง ไม่ใช่ว่าไปหมด เช่นเดียวกับผู้มีอำนาจบางทีก็ควรจะปล่อยวางเสียบ้าง”
นายอุทัยกล่าวต่อว่า "อยากให้ดูอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีกรณีว่า ส.ส.ตีรวน ทำให้บ้านเมืองนั้นไม่สามารถเดินหน้าผ่านกฎหมายต่อไปได้ ผมก็ได้แนะนำไปว่าให้มีการยุบสภาเพื่อทุเลาอาการเหล่านี้ ซึ่ง พล.อ.เปรม ก็รับฟังและได้ใช้กลไกยุบสภามาตลอด ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้น จนในที่สุดสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีและบริหารประเทศต่อไปได้ โดยมีการยุบสภา 2-3 ครั้งเพื่อให้ผ่านปัญหาไปได้ในช่วงเวลาที่ พล.อ.เปรมเป็นนายกรัฐมนตรี"
"ระบอบรัฐสภานั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดมั่นถือมั่นมาตลอด เพราะสภาเป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทำให้รู้ว่าคนในพื้นที่นั้นเป็นอย่างไร เขาเอาคนแบบไหนมาเป็นผู้แทน เป็นคนดี คนโง่ คนชั่ว คนฉลาด เมื่อผู้นำประเทศได้เห็นภาพนี้แล้วเขาก็จะได้รู้ว่าจะแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ว่านี้อย่างไร แต่ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขาชอบอ้างว่าเขามีความสามารถ เพราะอยู่มา 5 ปีออกกฎหมายได้หลายฉบับ ถ้าหากเทียบกับกรณีการออกกฎหมายของสภาทั่วไปนั้น จะต้องมีการคิดด้วยว่าออกกฎหมายตัวนั้นตัวนี้แล้วมันจะไปกระทบกับประชาชนคนไหนบ้าง ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกกฎหมาย"
“ปัญหาของการเมือง ปัญหาการซื้อเสียงทุกวันนี้ มีคนบอกให้แก้ที่นักการเมือง ความจริงนักการเมืองนั้นเป็นปลายเหตุ แก้ไม่ได้หรออก ต้นเหตุต้องแก้กันที่การเสริมสร้างจิตสำนึก แก้ที่ประชาชน ซึ่งบอกตรงๆประชาชนรุ่นเรามันแก้ยากแล้ว ต้องมีการส่งเสริมให้เด็กในช่วง 5-15 ปีนั้นมีคุณธรรม เป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน ผมเชื่อว่าเราได้คนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจำนวนเยอะอย่างแน่นอน เพราะคนรุ่นเก่าๆที่ไม่มีคุณภาพก็คงตายไปเยอะแล้ว” นายอุทัยระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/