เมียอดีตปลัดกลาโหมลบประกาศขายโรงแรมผ่านเว็บ หลังถูกสอบทรัพย์สิน
“ณัฐณิชาช์”เมีย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกลาโหม ชิงลบประกาศขายโรงแรม จ.อุบลราชธานี หลัง ป.ป.ช. ลุยตรวจสอบทรัพย์สิน
กรณี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2556 ก่อนหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีคำสั่งอายัดทรัพย์ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลมโหม เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ได้มีการประกาศขายโรงแรมวารินบุรีวิลล่า&สปาในเว็บไซต์www.thaibizpost.com/ad66530.htmซึ่งปรากฏชื่อ นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยา พล.อ.เสถียร เป็นผู้บริหารและเจ้าของโรงแรม
(อ่านประกอบ: เมีย พล.อ.เสถียร ประกาศหราขายโรงแรม 25 ล้าน-เป็นทรัพย์สินไม่ถูกอายัด)
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2556 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ www.thaibizpost.com/ad66530.htm ที่ประกาศขายโรงแรมดังกล่าวอีกครั้ง พบว่า ข้อมูลดังกล่าว ได้ถูกลบออกไปแล้ว
ภาพก่อนโดนลบข้อมูล
ภาพหลังโดนลบข้อมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า ในเว็บไซต์ประกาศขายอสังหาริมทรัพย์แห่ง อื่นๆ พบว่า มีการลบข้อมูลการประกาศขายโรงแรมวารินบุรีวิลล่า&สปา ออกไปเช่นกัน อาทิ เว็บไซต์ddpromote ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการลงประกาศขายโรงแรมแห่งนี้ไว้เช่นกัน พร้อมระบุข้อมูลบุคคล ที่รับหน้าที่ประสานงาน ไว้ คือ นายอาทร วงสา พร้อมแจ้งอีเมล์ส่วนตัว พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้
แต่ปัจจุบันข้อมูลส่วนนี้ถูกลบไปเหลือเพียงแค่ ขาย โรงแรม วารินบุรีวิลล่าสปา พร้อมระบุราคาไว้ที่ 25 ล้านบาท เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2556 ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายอาทร วงสา ซึ่งถูกระบุชื่อเป็นผู้ประสานงานการขายโรงแรม วารินบุรีวิลล่า&สปา ที่เคยประกาศไว้ตามเว็บไซต์หลายแห่ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องการลบข้อมูลประกาศขายโรงแรมตามเว็บไซต์ต่างๆ
เบื้องต้น นายอาทร ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยระบุว่า ไม่ทราบและไม่สามารถบอกอะไรได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้โรงแรม วารินบุรีวิลล่า&สปา ยังประกาศขายอยู่หรือไม่ นายอาทร หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “เออ..ไม่ทราบเหมือนกันครับ” “คือ...เออ..ตอนนี้ไม่ทราบ เลย..คือ..ตอนนี้ ไม่ทราบเลยครับ”
เมื่อถาม ก่อนหน้านี้ มีการระบุข้อมูลว่า คุณอาทร เป็นผู้ติดต่อประสานงานการขายโรงแรมตามเว็บไซต์ต่างๆ นายอาทร ตอบว่า “คือ..ใช่ครับ ..แต่ตอนนี้ไม่ได้ประกาศขายแล้วครับ”
เมื่อถามย้ำว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องยกเลิกการประกาศขายโรงแรม นายอาทร หยุดคิดนานขึ้น ก่อนจะตอบว่า “เหตุผล..คือตอบไม่ได้ครับ”
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีป้ายประกาศขายโรงแรมตามเว็บไซต์ โดนลบทิ้งเพราะอะไร นายอาทร ตอบว่า “คือ ไม่ทราบเหมือนกันครับ...คือ..จริงๆ...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”
เมื่อถามว่า หมายถึงเจ้าของโรงแรมไม่ให้ขายแล้วหรือ นายอาทร หยุดคิด ก่อนจะตอบว่า “ตรงส่วนนี้ ..คือ ไม่ทราบเหมือนกันครับ ว่าเพราะเหตุผลอะไรครับ”
เมื่อถามย้ำว่า ขอความชัดเจนจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น นายอาทร หยุดคิดนานขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรที่ชัดเจน บอกแต่เพียงว่า “คือ...เออ....เรื่องนี้....คือ..บอกอะไรไม่ได้ครับ”
เมื่อถามย้ำอีกว่า ก่อนหน้านี้ คุณอาทร ได้รับมอบหมายจากคุณณัฐณิชาช์ ภรรยา พล.อ.เสถียร ให้มาประกาศขายโรงแรมแห่งนี้ ใช่หรือไม่ นายอาทร หยุดคิดไปนาน และไม่ตอบคำถามอะไร
เมื่อถามย้ำว่า สรุปคือตอนนี้ ได้รับคำสั่งจากภรรยา พล.อ.เสถียร ไม่ให้ประกาศขายโรงแรมแล้วใช่หรือไม่ นายอาทร ไม่ตอบคำถามอะไร พร้อมตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นายอาทร อีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายอาทร วงสา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่าโรงแรม วารินบุรีวิลล่า&สปา เป็นของ คุณณัฐณิชาช์ ภรรยา พล.อ.เสถียร เหตุผลที่ต้องการขายเพราะจะนำเงินไปสร้างโรมแรมแห่งใหม่ ที่วารินชำราบ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนส่งผ้าไปสักที่อื่น ซึ่งอยู่ห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก
โดยเบื้องต้นตั้งราคาขายไว้ที่ 25 ล้านบาท แต่สามารถต่อรองได้ถึง 23 ล้านบาท
แหล่งข่าวระดับสูง จาก ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการลบประกาศขายโรงแรมดังกล่าว ที่ประกาศตามเว็ปไซต์หลายแห่ง ว่ามาจากสาเหตุใดกันแน่ เช่นกัน แต่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบข้อมูลโรงแรมทั้งสองแห่ง ของ นางณัฐณิชาช์ ภรรยา พล.อ.เสถียร อยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ นางณัฐณิชาช์ ภรรยา พล.อ.เสถียรปรากฏชื่อเป็นผู้บริหารและเจ้าของโรมแรมสองแห่งในจ.อุบลราชธานี คือ โรงแรมวารินบุรีวิลล่า&สปา และโรงแรมเดอะบูทิค วารินบุรี โฮเทล
โดยในส่วนของโรงแรมเดอะบูทิควารินบุรี โฮเทล ปรากฎข้อมูลว่าขายไปก่อนหน้านี้ ให้กับ นายวรวิต พันธ์ทอน ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับบริษัทเอกชนหลายแห่ง ที่เคยได้รับงานว่าจ้างจาก หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ในช่วงที่พล.อ.เสถียร เป็นผู้บัญชาการทหารพัฒนา