ป.ป.ช. ตั้งอนุฯศึกษาข้อเรียกร้องปรับเพิ่มวงเงินคู่สัญญารัฐ 2 ล้าน
ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการ ศึกษาผลดีผลเสียปรับเพิ่มวงเงินคู่สัญญารัฐที่ต้องทำบัญชีรายจ่ายกลับมาเป็น 2 ล้าน ห่วงปรับเพดานแล้วเป็นผลดีเอกชน อาจขัดเจตนารมณ์กฎหมาย
สืบเนื่องจากกฎหมายพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2554 มาตรา 103/7 กำหนดให้คู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐวงเงินตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไป จัดทำและแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายของโครงการ ส่งกรมสรรพากร โดยวงเงินดังกล่าวปรับลดจากเดิมที่ระบุให้คู่สัญญาของรัฐต้องจัดทำบัญชีในวงเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้มีผู้ร้องเรียนมายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อทบทวนวงเงินดังกล่าวให้กลับมาใช้ 2 ล้านบาทตามเดิมนั้น
ศาสตราจารย์ ดร. ภักดี โพธิศิริ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผย สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่าผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมามีมติให้ตั้งอนุกรรมการมาศึกษาเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ในชั้นของอนุกรรมการมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจาณาความเหมาะสมในการปรับเพิ่มวงเงินเป็น 2 ล้าน ตามที่มีคนร้องขอ โดยให้คณะทำงานไปวิเคราะห์ถึงความจำเป็น ว่าหากปรับลดจะทำให้ขัดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ เพราะทางฝ่ายผู้ที่เสนอคือคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีเจตนารมณ์ในตอนร่างกฎหมายว่าอยากให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบให้ครอบคุลมทั้งหมด
“หากทาง ป.ป.ช.จะขยับเพดานเข้ามาเป็น 2 ล้านเพื่อไม่ให้เป็นภาระของทางเอกชน จะดีกับอีกฝ่ายแต่จะมีปัญหากับอีกฝ่ายหรือไม่ ฉะนั้นคณะทำงานต้องไปวิเคราะห์ว่าโครงการที่อยู่ในระหว่าง 5 แสน กับ 2 ล้าน มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน มันจะมีนัยสำคัญที่จะทำให้ป.ป.ช. หลุดข้อมูลที่จะต้อง มอนิเตอร์รึเปล่า เมื่อคณะทำงานศึกษาเรียบร้อยแล้วก็จะรายงานคณะอนุกรรมการ เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาอีกครั้ง คาดว่าใช้เวลาในการศึกษา 1 เดือน”ศาสตราจารย์ ดร. ภักดี โพธิศิริ กล่าว
ขอบคุณภาพประกอบจาก : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์