เตือน "บึ้มลูกสาม" ดักสังหารชุดกู้ระเบิด... เปิดจุดอ่อน "อีโอดี" อุปกรณ์มีครบแต่ไม่ค่อยใช้
อดีตบิ๊กสีกากีรับผิดชอบงานวัตถุระเบิดชายแดนใต้เตือนภัยเจ้าหน้าที่ชุดกู้บึ้ม หลังพบสถิติคนร้ายใช้วิธีลอบวางระเบิดลูกที่สาม หรือ Third Bomb ถี่ยิบ หวังล็อคเป้าสังหารโดยตรง เผยกลุ่มก่อความไม่สงบส่งคนตามดูพฤติกรรมทีมกู้ระเบิด ก่อนวางบึ้มดัก เพราะมักตายใจที่กู้ระเบิดลูกสองได้ ติง “อีโอดี” อุปกรณ์มีให้ครบแต่ไม่ค่อยใช้ ทั้งบอมบ์สูท แขนกล ผ้าคลุมลดแรงระเบิด ย้ำอย่าประมาท ชี้ฝีมือต่อระเบิดของคนร้ายไม่ก้าวหน้า แต่กลับตรวจหายากเพราะใช้พลาสติกทั้งดุ้น ขณะที่สถานการณ์ไฟใต้ยังระอุ บึ้มลูกสามที่รามันเจ้าหน้าที่เจ็บระนาว ควงอาวุธสงครามซุ่มยิงประธานอิหม่ามระแงะดับ
อดีตนายตำรวจระดับสูงซึ่งรับผิดชอบงานด้านวัตถุระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ว่า เหตุระเบิดลูกที่สาม หรือที่เรียกว่า “Third Bomb” ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้และสร้างความสูญเสียเยอะมาก เป็นความจงใจของกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อดักสังหารชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ที่มักตายใจเวลากู้ระเบิดลูกที่สองได้สำเร็จ และไม่คิดว่าจะมีระเบิดลูกที่สามซุกซ่อนอยู่อีก
“แผนของคนร้ายในช่วงหลังจะวางระเบิดเอาไว้ 3 ลูกหรือมากกว่านั้น โดยลูกแรกจะวางดักทำร้ายชาวบ้าน เช่น ในสวนยางพารา เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เข้าไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปก็จะต้องตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียดตามระบบปกติ แล้วก็จะพบระเบิดลูกที่สอง (Second Bomb) ซุกซ่อนอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้สำเร็จก็มักตายใจว่าคงไม่มีระเบิดลูกที่สามหรือสี่อีกแล้ว เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะมีแค่ 2 ลูก แต่จริงๆ แล้วคนร้ายวางไว้แบบอันลิมิต (ไม่จำกัด) ฉะนั้นพอเกิดระเบิดลูกที่สามหรือสี่ จึงมักก่อความสูญเสียจำนวนมาก”
ยันอุปกรณ์ครบแต่ไม่ค่อยใช้
อดีตนายตำรวจผู้นี้ กล่าวต่อว่า ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากทุกหน่วยต้องระมัดระวังการปฏิบัติมากกว่านี้ โดยเฉพาะตำรวจและตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ซึ่งระยะหลังได้รับบาดเจ็บและสูญเสียบ่อยครั้ง เพราะฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเฝ้าดูพฤติกรรมการทำงานของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตลอด และพยายามหาช่องโหว่จากการทำงานเพื่อวางแผนประทุษร้ายย้อนรอย
“จริงๆ แล้ววัตถุระเบิดทุกลูกไม่สมควรกู้ เพราะมีความเสี่ยงสูง ควรใช้วิธียิงทำลายเป็นหลัก และไม่ควรเข้าไปตรวจสอบในระยะใกล้โดยไม่สวมใส่บอมบ์สูท หรือใช้อุปกรณ์เสริม ทั้งๆ ที่หน่วยจัดหาอุปกรณ์ให้หมดแล้ว เช่น บอมบ์สูทก็จัดซื้อให้เยอะมากและน่าจะเพียงพอ หรือแขนกลเก็บกู้ระเบิดซึ่งมีความยาวถึง 3 เมตร และผ้าคลุมลดแรงระเบิด หรือ Bomb Blanket ที่ใช้วางคลุมวัตถุต้องสงสัยเพื่อป้องกันสะเก็ดระเบิดหากเกิดการระเบิดขึ้นระหว่างตรวจสอบเราก็มีให้ แต่หลายครั้งเราพบว่าเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ไม่ได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้ แต่เข้าไปตรวจสอบและเก็บกู้ด้วยมือเปล่าตามความเคยชิน เจ้าหน้าที่หลายรายกู้ระเบิดได้สำเร็จก็นำมารื้อในที่เกิดเหตุกันเลยก็มี ซึ่งอันตรายมาก"
ฝีมือต่อระเบิดถอยหลัง-แต่...
อดีตนายตำรวจระดับสูงผู้นี้ ยังบอกอีกว่า จากการประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลวัตถุพยานที่เก็บได้จากเหตุระเบิด ยืนยันได้ว่าเทคนิคการประกอบระเบิดของคนร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อน ระยะหลังดูด้อยลงไปด้วยซ้ำ เพราะหันไปใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบพื้นฐานมาก ประกอบขึ้นจากดินดำกับท่อพีวีซี ระเบิดแบบนี้แม้อำนาจการทำลายล้างจะไม่สูง แต่ก็ตรวจหายาก โดยเฉพาะหากคนร้ายฝังดินเอาไว้ เนื่องจากมีส่วนประกอบที่เป็นโลหะเพียงชิ้นเดียว คือถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ นอกนั้นเป็นพลาสติกหมด
“เจ้าหน้าที่ของเรามักใช้ แลนด์-ไมน์ ดีเทคเตอร์ (Land-Mine Detector) หรือเครื่องตรวจจับโลหะในการตรวจหาวัตถุระเบิดลูกที่ 2 หรือ 3 ในที่เกิดเหตุ แต่การค้นหาในระยะหลังทำได้ยาก เพราะส่วนประกอบระเบิดที่คนร้ายใช้เกือบทั้งหมดเป็นพลาสติก มีเพียงถ่านไฟฉาย 9 โวลต์เท่านั้นที่เป็นโลหะ แต่ก็ขนาดเล็กมาก ฉะนั้นต้องฝึกตรวจหาบ่อยๆ เพื่อความชำนาญ ไม่อย่างนั้นก็หาไม่เจอ”
ส่วนประสิทธิภาพของเครื่องตัดสัญญาณ หรือ "แจมเมอร์" ที่ใช้กวนสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสาร โทรศัพท์เคลื่อนที่ และรีโมทคอนโทรลรถยนต์ เพื่อป้องกันการจุดชนวนระเบิดนั้น อดีตนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญงานด้านระเบิด กล่าวว่า ไม่มีเครื่องตรวจสัญญาณเครื่องไหนที่ตัดสัญญาณได้ครอบจักรวาล ขณะที่คนร้ายก็พยายามเปลี่ยนรูปแบบการจุดระเบิดไปเรื่อยๆ เพื่อหลบหลีกเครื่องตัดสัญญาณ
“ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องแจมเมอร์มีระยะรัศมีที่สามารถปฏิบัติงานได้จริงค่อนข้างจำกัด เช่น 5 เมตร หรือ 10 เมตร คล้ายๆ กางร่ม หากอยู่ใต้ร่มก็ไม่เปียกฝน หลายๆ ครั้งจึงพบว่าคนร้ายปรับแผนด้วยการแยกอุปกรณ์จุดระเบิดออกจากตัวระเบิด โดยใช้วิธีลากสายให้ยาวขึ้น เช่น ตัวระเบิดวางอยู่หน้าบ้าน แต่ตัวอุปกรณ์จุดระเบิดอยู่หลังบ้าน แม้จะใช้เครื่องแจมเมอร์ก็ไม่สามารถตัดสัญญาณในระยะที่กว้างพอ สุดท้ายก็เกิดระเบิดขึ้น กรณีแบบนี้เคยเกิดแล้วที่ จ.ยะลา”
อดีตตำรวจผู้นี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า การเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ดีและรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่ประมาท ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันหรือลดแรงระเบิดทุกครั้งไม่ว่าระเบิดจะลูกเล็กหรือใหญ่ หรือสงสัยว่าเป็นระเบิดปลอมก็ต้องใช้ แม้บางครั้งเครื่องมืออาจขัดข้อง ก็ไม่ควรด่วนเข้าไปกู้ แต่ควรกันพื้นที่ กันประชาชนออกห่าง แล้วรอเครื่องมือชิ้นใหม่ เพราะคนร้ายในพื้นที่เฝ้าดูพฤติกรรมเจ้าหน้าที่อยู่ทุกฝีก้าว สิ่งสำคัญคือหากเป็นไปได้และสถานที่อำนวย ก็ไม่ควรเก็บกู้ แต่ควรยิงทำลาย ไม่ต้องเสียดายหลักฐาน เพราะถึงที่สุดแล้วก็ยังสามารถเก็บเศษซากมาตรวจพิสูจน์ได้อยู่ดี
ย้อนรอย “บึ้มลูกสาม” ซุกป่วนถี่ยิบ
เหตุระเบิดที่สร้างความสูญเสียจากการวางระเบิดลูกที่สาม หรือ “Third Bomb” เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง เช่น เหตุการณ์เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเลือกตั้งเพียง 1 วัน ทำให้ชุดอีโอดีของทหาร (หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย) ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หรือเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย.ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส คนร้ายจุดชนวนระเบิด 3 ลูกซ้อนทำให้คนงานก่อสร้างของกรมชลประทานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 5 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีของตำรวจได้รับบาดเจ็บถึง 9 นาย เป็นต้น
บึ้มลูกสามในสวนยางรามัน “อีโอดี”เจ็บระนาว
สำหรับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดล่าสุดที่ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลเกี่ยวกับระเบิดลูกที่สาม หรือ “Third Bomb” ก็คือเหตุระเบิดเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 11 ก.ค. เวลา 07.15 น.โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดไว้ในสวนยางพารา ท้องที่บ้านทุ่งขมิ้น บ้านย่อยของบ้านบือแนกูจิ หมู่ 3 ต.ตะโล๊หะลอ อ.รามัน จ.ยะลา แรงระเบิดทำให้ นายสุนทร มณีสังข์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/6 บ้านทุ่งขมิ้นได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า โดยระเบิดที่คนร้ายใช้เป็น “กับระเบิดแบบเหยียบ” ฝังไว้ที่โคนต้นยาง
ต่อมาเวลา 09.05 น.เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ และพบระเบิดซุกซ่อนอยู่อีก 1 ลูกจึงเก็บกู้ไว้ได้สำเร็จ แต่จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ก้าวพลาดไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายฝังซ่อนไว้อีกลูกจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนววน 10 นาย ในจำนวนนี้ 3 นายอาการสาหัส ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทั้งนี้หลังจากเกิดระเบิดลูกที่ 3 ชุดอีโอดีของทหารยังเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดไว้ได้อีก 1 ลูก รวมระเบิดที่คนร้ายวางไว้ในพื้นที่ดังกล่าวถึง 4 ลูก
สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย ร.ต.ต.สมพร สุขสะอาด ส.ต.อ.สมควร จันยากร ส.ต.ท.สุริยา ไสเนตร ทั้งสามนายอาการสาหัส ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ได้แก่ ร.ต.ต.สว่าง มาลับ ด.ต.นิพนธ์ ชูมณี ร.ต.ต.ไพศาล พิมทอง ด.ต.สถาพร เสือชาวนา ส.ต.อ.ธีรยุทธ จันทร์สิงห์ ส.ต.ท.สมเกียรติ เตยแก้ว และ ส.ต.ต.อดิศักดิ์ อ่อนรอด เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังเกิดระเบิดขึ้นอีกจุดหนึ่งบริเวณริมถนนสายลำใหม่-ท่าสาป บ้านปรีชัด หมู่ 1 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา แรงระเบิดทำให้รถกระบะของประชาชนที่จอดไว้ปากทางเข้าสวนยางพาราเสียหายยับเยิน แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ยิงประธานอิหม่าม อ.ระแงะ ดับ
เวลา 06.08 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้าและเอ็ม 16 ยิง นายมามะ สาเมาะ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 บ้านไอปาเซ หมู่ 8 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต และ นางต่วนยานารียา ระยีแก อายุ 38 ปี ภรรยาของนายมามะ ภูมิลำเนาเลขที่ 35/2 บ้านป่าไผ่ หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปกรีดยางที่สวนยางพาราของตนเอง โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง และใช้อาวุธปืนสงครามรัวยิงจนนายมามะเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนในสวนยางพารา บ้านกายูมาตี (บ้านย่อยของบ้านไอปาเซ) หมู่ 8 ต.ตันหยงลิมอ
สำหรับนายมามะ เป็นประธานชมรมอิหม่ามและคอเต็บบิหลั่น อ.ระแงะ เคยถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบยิงที่หน้าบ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วเมื่อกลางปี 2552 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
อดีตผู้ใหญ่บ้านสังเวยอีกศพที่มายอ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.เวลา 19.20 น. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายยูโซ๊ะ อาเด อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากร้านน้ำชาในหมู่บ้านเพื่อกลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิงดังกล่าว
วันเสาร์ที่ 9 ก.ค.เวลา 18.40 น.คนร้าย 1 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนยิง นายอิสมาแอ กระโด อายุ 43 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 70/1 บ้านพงสาฆอ หมู่ 1 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายอิสมาแอกำลังเก็บของอยู่ในร้านของตนเอง ในตลาดนัดบ้านกูมุง หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งทางธุรกิจและประเด็นการเมือง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพหุ่นยนต์กู้ระเบิด บอมบ์สูท และผ้าคลุมลดแรงระเบิด จากอินเทอร์เน็ต (นำมารวมและปรับแต่งภาพโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา)