22 องค์กรภาคีสมัชชาคุณธรรมส่งมอบ 4 ข้อเสนอถึงรบ.ใหม่
ผู้แทน 22 องค์กร ร่วมลงนามปฏิญญาฯ 6 ข้อ เสนอตั้งเครือข่ายสังคมคุณธรรมแห่งชาติ ประกาศ 22 ก.ค.เป็นวันแห่งความซื่อตรงของสังคมไทย “ดนัย จันทร์เจ้าฉาย” มองทุจริตคอรัปชั่น เป็น “มนุษยภัย” ร้ายแรงกว่าทุกภัยธรรมชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่สองของการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ปี 2554 ที่จัดโดยเครือข่ายสมัชชาคุณธรรม ประกอบด้วยหน่วยงานองค์กรอิสระภาคเอกชน เครือข่ายด้านคุณธรรมจริยธรรม ภาคประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2554 ในช่วงเช้ามีการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้แทนองค์กรต่าง ๆ อาทิ นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นางนภา เศรษฐกร ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายสมชาย เขมะรังสี ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นางสุภาวดี ถิระพานิช รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) น.ส.วิภาศศิ ช้างทอง สภาพัฒนาการเมือง (สพม.) ฯลฯ
จากนั้นมีการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เยาวชนไทย กับความซื่อตรง” โดย นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย กล่าวตอนหนึ่งถึงผลการวิจัยของศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์ พบว่า 84.5% ของประชาชนมองว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจ และ 51.2% ของประชาชนมองว่า ยอมรับได้กับการทุจริตคอรัปชั่น หากทำแล้วประเทศชาติอยู่ดีกินดี และประชาชน 64.5% เห็นว่า ยอมรับได้หากรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง และจุดที่น่าสนใจ คือ 71.0% ของกลุ่มเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 มองว่า ยอมรับได้กับการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลถ้าทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข
“ความเห็นของเยาวชนในลักษณะนี้ สอบถามมาแล้วพบว่า สืบเนื่องมาจากการได้เห็นพ่อแม่และคนในสังคมทำเรื่องทุจริตคอรัปชั่น พบเห็นการติดสินบน ไร้ระเบียบวินัย ซึ่งความคิดเช่นนี้ เป็น “มนุษยภัย” ที่รุนแรงกว่าภัยธรรมชาติทั้งหมด”
นายดนัย กล่าวต่อว่า คำว่า “มนุษย์” มาจากคำว่า “มน” หรือ “มโน” ที่หมายถึง หัวใจที่สูง ดังนั้น มนุษย์จึงไม่ควรแข่งกันต่ำควรจะแข่งกันสูง ตามความหมายของคำว่ามนุษย์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เด็ก และเป็นการสร้างสังคมที่ดีไว้ให้ลูกหลาน เพราะหัวใจของเด็ก เป็นจิตที่ไม่มีสินบน ไม่ติดคอรัปชั่น การจะพูด หรือสื่อสารใดๆ ออกมาก็สื่อสารด้วยหัวใจอย่างแท้จริง ผู้ใหญ่ทุกคนจึงควรเปิดพื้นที่ความดีให้ลูกหลาน ปลูกฝังให้เยาวชนมีความนอบน้อม และมีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ฝากคำถามทิ้งท้ายไว้ว่า วันนี้เราได้สร้างสังคมส่วนรวมของประเทศไทยอย่างไรไว้ให้ลูกหลานของเราบ้าง
จากนั้นในช่วงบ่าย มีพิธีลงนาม และส่งมอบปฏิญญา/แผนขับเคลื่อนฯ รับมอบปฏิญญาคุณธรรม โดย พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งมอบให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของ “ปฏิญญาเพื่อการขับเคลื่อนคุณธรรมความซื่อตรงของสังคมไทย” ได้แก่
1.เราตระหนักว่า การเสริมสร้างคุณธรรมและความซื่อตรงต้องเริ่มปฏิบัติที่ตัวเราและหน่วยงานของเราก่อน ดังนั้น จึงขอประกาศว่าจะรวมตัวกันก่อตั้งเป็นเครือข่ายสังคมคุณธรรมแห่งชาติ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สถาบันและเครือข่ายของเราเป็นต้นแบบ ซึ่งมีผู้นำ ผู้ปฏิบัติงาน และวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างคุณธรรมความซื่อตรง
2.เราในนามเครือข่ายสังคมคุณธรรมแห่งชาติ จะร่วมกันสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความซื่อตรง โดยใช้กระบวนการเสริมสร้างและกล่อมเกลาทางสังคมจากสถาบันครอบครัว สถาบันชุมชน สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันข้าราชการและการเมือง รวมทั้งสถาบันสื่อมวลชนในการเข้ามาร่วมคิด วางแผนและร่วมแรงร่วมใจในการปลูกฝัง เสริมสร้างและกล่อมเกลาสมาชิก โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน โดยใช้หลักธรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามดั้งเดิมเป็นเครื่องมือการพัฒนา
3.เราขอประกาศให้วันที่ 22 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันแห่งความซื่อตรงของสังคมไทย โดยเครือข่ายจะร่วมกันสร้างระบบและกระบวนการยกย่องเชิดชูการเป็นต้นแบบด้านคุณธรรมความซื่อตรงในระดับบุคคลและหน่วยงานอย่างเป็นรูปธรรม
4.เราจะร่วมกันใช้มาตรการทางสังคมในการลงโทษและประณามผู้ฝ่าฝืนกฎ กติกามารยาทของสังคมและกฎหมายบ้านเมือง พร้อมทั้งต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นในทุกรูปแบบ และจะผลักดันให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบและกระบวนการติดตามตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิดให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
5.เราจะขยายเครือข่ายสังคมคุณธรรมและการรณรงค์ค่านิยมความซื่อตรงออกไปอย่างอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ และเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกิจกรรมและมาตรการภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
6.ทุกองค์กรภาคีจะยึดกรอบทิศทางการขับเคลื่อนเครือข่ายสังคมคุณธรรม พ.ศ.2555-2564 และแผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ พ.ศ.2555-2557 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 นี้เป็นเครื่องมือในการจัดทำกิจกรรม โครงการและงบประมาณของตน เพื่อสนับสนุนเครือข่ายและการณรงค์สร้างพลังทางสังคมให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน
ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลและรัฐสภา ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2554
1.รัฐบาลควรสนองตอบความไว้วางใจของประชาชนทั่วประเทศ ด้วยการประกาศความมุ่งมั่นอย่างบริสุทธิ์ใจที่จะเป็นรัฐบาลแห่งความซื่อตรง และมีนโยบายสร้างเสริมคุณธรรมความซื่อตรงเคียงคู่กันไปกับนโยบายประชานิยม เศรษฐกิจ และความมั่นคงทุกนโยบาย
2.รัฐบาลควรมีมติ ครม.ประกาศให้ วันที่ 22 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันแห่งความซื่อตรงของชาติเพื่อนหนุนเสริมการรณรงค์ทางสังคม
3.รัฐบาลควรประกาศการสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่าย ภายใต้แผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 โดยจัดตั้งกองทุนไทยซื่อตรง เป็นกองทุนเฉพาะกิจเพื่อหนุนเสริม
4.รัฐสภาควรประกาศสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายสังคมคุณธรรมแห่งชาติ โดยใช้ข้อบังคับจรรยาบรรณนักการเมืองเป็นเครื่องมือสร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง