สกอ. จ่อแก้พ.ร.บ.อุดมศึกษา คุมผู้ทรงคุณวุฒินั่งเก้าอี้สภาฯ ซ้ำซ้อน
“กำจร ตติยกวี” เล็งแก้ไขกฎหมาย สร้างกติกาแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัย ชี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีงานประจำ ควรนั่งไม่เกิน 3 แห่ง ส่วนผู้ที่เกษียณแล้ว ไฟเขียวให้ไม่เกิน 5 แห่ง
หลังจากที่ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” สำรวจข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย ทั้งในส่วนมหาวิทยาลัยของรัฐและในกำกับของรัฐ รวมทั้งสิ้นจำนวน 77 แห่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 พบว่า มีรายชื่อนายกสภามหาวิทยาลัยบางรายซ้ำซ้อน รั้งตำแหน่งนายกฯ ในมหาวิทยาลัยมากกว่า 2 แห่งขึ้นไปในคราวเดียว โดยรายชื่อผู้ที่ได้รับความนิยมและถูกคัดสรรให้นั่งเก้าอี้นายกสภามหาวิทยาลัยติดอันดับต้นๆ มีดังนี้
- นายเกษม สุวรรณกุล ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย 4 แห่งด้วยกัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 หมดวาระวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555, มหาวิทยาลัยบูรพา รับตำแหน่งวันที่ 10 มกราคม 2552 หมดวาระวันที่ 9 มกราคม 2555, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รับตำแหน่ง 2 เมษายน 2552 หมดวาระ 1 เมษายน 2555 และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รับตำแหน่ง 26 สิงหาคม 2553 หมดวาระ25 สิงหาคม 2555
- นายเกษม จันทร์แก้ว ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย 3 แห่งคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ รับตำแหน่ง 30 ธันวาคม 2551 หมดวาระ 29 ธันวาคม 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร รับตำแหน่ง 2 ตุลาคม 2551 หมดวาระ 1 ตุลาคม 2554 และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ รับตำแหน่ง 30 กันยายน 2551 หมดวาระ 29 กันยายน 2554
- นายสุชาติ เมืองแก้ว ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย 3 แห่งคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย รับตำแหน่ง 30 กันยายน 2551 หมดวาระ 29 กันยายน 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง รับตำแหน่ง 5 กันยายน 2551 หมดวาระ 4 กันยายน 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ รับตำแหน่ง 29 สิงหาคม 2551 หมดวาระ 28 สิงหาคม 2554
นอกจากนี้ นายสุชาติยังเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัยอีก 3 แห่งด้วยกันคือ กรรมการสภาฯ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
สืบเนื่องจากการดำรงตำแหน่งในลักษณะซ้ำซ้อนดังกล่าว รศ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏถึงความซ้ำซ้อนการดำรงตำแหน่งของผู้ทรงคุณวุฒิ วันนี้เป็นเพราะบ้านเรายังหาผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากไม่ได้ หากคำนวณตัวเลขคร่าวๆ จะพบว่า มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7-8 คน บ้านเรามีมหาวิทยาลัย 100 กว่าแห่ง แปลว่า จะต้องมีผู้คุณวุฒิที่อยู่ในข่ายประมาณ 700-800 คน ถามว่าจะหาจากที่ไหน จะมีคนที่รู้เรื่องมหาวิทยาลัยโดยตรงกี่คน
"การนั่งหลายตำแหน่งไม่ใช่ประเด็นใหญ่ หากนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมีความตระหนักถึงหน้าที่ในการดูแลมหาวิทยาลัย อย่างเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล แม้จะมีการซ้ำซ้อนกันอยู่ แต่กลับทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข้ง ติดตามควบคุมฝ่ายบริหารที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างใกล้ชิด จนไม่มีปัญหาใดๆ"
รศ.กำจร กล่าวถึงข้อดีของนายกสภาฯ ที่ดำรงตำแหน่งในมหาวิทยาลัยหลายแห่งว่า มีประสบการณ์สูง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถให้ข้อคิด คอยควบคุมได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ส่วนข้อเสียมักจะมีปัญหาในเรื่องเวลา ดังนั้น เพื่อให้นายกสภามหาวิทยาลัยทุ่มเททำงานได้อย่างเต็มที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จะพยายามแก้ไข พ.ร.บ.อุดมศึกษา ให้ครอบคลุมไปถึงกติกาในการแต่งตั้งสภามหาวิทยาลัย โดยกำหนดให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีงานประจำ ไม่ควรเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเกิน 3 แห่ง ขณะที่ผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่มีงานประจำ ควรเป็นกรรมการสภาฯไม่เกิน 5 แห่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รองเลขาธิการ สกอ. กล่าวด้วยว่า การพิจารณาเรื่องการดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อน ในที่สุดแล้วคงต้องวิเคราะห์ไปถึงผลประกอบการหรือผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยนั้นๆ หากมีผลงานวิชาการ คุณภาพบัณฑิตที่ผลิตออกมาดี มีชื่อเสียง ต่อให้อธิการสองสมัยเป็นคนเดิม สภาชุดเดิมไม่เปลี่ยน ก็คงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพิจารณาอะไร แต่ในทางกลับ หากมหาวิทยาลัยมีปัญหาเรื่องคุณภาพบัณฑิต คุณภาพวิชาการ มีการทะเลาะแย่งชิงกันเป็นใหญ่ โดยใช้สภาฯ อธิการชุดเดิม ก็คงจะปล่อยผ่านเรื่องดังกล่าวไม่ได้เช่นกัน