ผอ.สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย คนใหม่ พร้อมช่วย กยน. หนุนเสริมข้อมูลทรัพยากรทางทะเล
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เปิดตัวผอ.สถาบันคนใหม่ ชูนโยบาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เผย ปัจจุบันพฤติกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมคนไทยเติบโตช้า
วันที่ 19 ธันวาคม ดร.มีชัย วีระไวทยะ ประธานมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (สสท.) เปิดตัวผู้อำนวยการสถาบันคนใหม่ ได้แก่ “ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์” ซึ่งมีประสบการณ์และผลงานด้านสิ่งแวดล้อมมากว่า 20 ปี เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ อาคารมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
ดร.มีชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ทางสถาบันจะมุ่งเน้นในการพัฒนาที่ตัวบุคคล โดยเริ่มต้นจากตัวนักเรียน และการศึกษา มุ่งเน้นให้โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ ที่นอกจากเด็กจะมีความรู้ ผู้ปกครองต้องไม่ยากจนด้วย
“เราจะไม่แนะนำการทำงานรัฐบาล แต่จะแนะนำให้กับเจ้าของประเทศ นั่นคือประชาชนคนไทย โดยเริ่มต้นจากนักเรียน อาจผ่านทางสภานักเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่ง โดยต้องปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อม ให้เด็กมีความคิดที่นอกกรอบ เพื่อให้ช่วยตนเองได้ และสามารถขยายไปช่วยผู้อื่น แทนที่จะรอความช่วยเหลือ”
จากนั้น ดร.ขวัญฤดี กล่าวถึงภารกิจใหม่ของทางสถาบัน ว่า ทางสถาบันจะมุ่งเน้นการทำงานเชิงรุก เน้นการพัฒนาที่ตัวคน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย โดยสิ่งแรกที่ต้องเริ่มลงมือทำ คือการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของคนไทย เนื่องจากพฤติกรรมในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นเติบโตช้า แม้จะมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแต่ยังขาดการปฏิบัติ
“เริ่มการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ต้องรู้จักที่จะสังเคราะห์ว่าภายใน 24 ชั่วโมงเราใช้ทรัพยากรไปมากน้อยเพียงใด ซึ่งทางสถาบันจะผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเริ่มจากกลุ่มนักเรียน และคนรุ่นใหม่ โดยจะร่วมมือกับทางโรงเรียน เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนให้มากขึ้น”
ดร.ขวัญฤดี ยังกล่าวอีกว่า ทางสถาบันจะตอบโจทย์กับทางสังคม ในเรื่องของการวางรากฐานสิ่งแวดล้อม และการรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งที่ผ่านมาทางสถาบันได้มีส่วนช่วยเหลือในการรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมในการตั้ง Hotline รับแจ้งความช่วยเหลือจากหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชน และหลังจากนี้จะเป็นเครือข่ายโรงเรียนและชุมชนด้านอุทกภัยและภัยพิบัติเพื่อให้โรงเรียนและชุมชนมีความพร้อมในการรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ทางสถาบันจะเพิ่มบทบาทให้เป็นหน่วยงานให้ทุน โดยจะให้ทุนแก่องค์กรภาคประชาชน ชุมชน และเยาวชน เพื่อสร้างชุมชนให้แข็งแรงและสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในระยะยาว อีกทั้ง จะมีการเพิ่มบทบาทของสถาบันในการชื่นชมองค์กรอื่น และจะมุ่งเน้นการทำงานด้านวิจัยกับต่างประเทศให้มากขึ้น โดยจะดึงความร่วมมือจากประเทศอื่นๆเข้ามา และขณะเดียวกันก็ขยายผลออกไปด้วย” ดร.ขวัญฤดี กล่าวและว่า สำหรับความร่วมมือกับภาคเอกชน นั้น ต้องให้ภาคเอกชนเข้ามาดูแลในด้านความหลากหลายทางชีวภาพมากยิ่งขึ้น นั่นคือ ใช้ทรัพยากรไปเท่าไหร่ ก็ต้องคืนกลับมาให้แก่สิ่งแวดล้อมด้วย และการทำ CSR ต้องเป็นแบบยั่งยืน ไม่ใช่แบบฉาบฉวย
นอกจากนี้ ดร.ขวัญฤดี กล่าวถึงการมีส่วนในการช่วยเหลือให้ข้อมูลกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยผ่าน ศ.ดร.สนิท อักษรแก้ว และ นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ซึ่งเป็นคณะกรรมการมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย โดยให้ช่วยเหลือในส่วนข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำไปเสนอ และนำโครงการที่จะทำของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมาต่อยอด
“ขณะนี้ ศ.ดร.สนิทได้รับมอบหมายให้ดูแลในเรื่องของผลกระทบน้ำท่วมต่อทรัพยากรชายฝั่ง ซึ่งหลังจากนี้หากทาง ศ.ดร.สนิทจัดเสนอโครงการที่เกี่ยวข้อง ทางสถาบันก็จะช่วยสานต่อ และนอกจากนี้ทางสถาบันยังเห็นความสำคัญกับทรัพยากรทางทะเล จึงได้เสริมข้อมูลในเรื่องของทรัพยากรทางทะเลไปยังคณะกรรมการ กยน. เพื่อพิจารณาด้วย”