ทหารให้อธิการ มอ.เคลียร์ อจ.ต้านโรงไฟฟ้า นักวิชาการแนะรัฐเปิดเวที ดีกว่าปิดกั้น

ดร.สมพร ยันทำตามหน้าที่นักวิชาการ ตั้งคำถามเพื่อเพราะห่วงผลกระทบจากโครงการ ชี้เรื่องธรรรมดาที่จะมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายเห็นด้วย แนะรัฐเปิดเวทีพูดคุยเพื่อประโยชน์สูงสุด 

จากกรณี พล.ต.วิรัชช์ กมลศิลป์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 (มทบ.42) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีหนังสือถึง อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (ม.อ.)  เรื่องขอความร่วมมือการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 

ใจความโดยระบุว่า ตามที่มีกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหวต่อต้าน กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ถ่านหินเทพา โดยมีกลุ่มแกนนำในพื้นที่และนอกพื้นที่ กลุ่มราชการ กลุ่มนักวิชาการและกลุ่มประชาสังคม หรืออาจมีบุคลากรในหน่วยงานของท่านบางคนไม่เข้าใจการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อาจหันไปให้การสนับสนุนให้ความร่วมมือกับฝ่ายต่อต้าน

ทางมณฑลทหารบกที่ 42 จึงขอความร่วมมือจากท่านทำความเข้าใจกับบุคลากรเพื่อให้ทราบถึงวิธีการดำเนินงานในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

ในท้ายหนังสือมีการระบุสำเนาแจ้งไปยัง คณบดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อแจ้งไปยังดร.สมพร ช่วยอารีย์ นอกจากนี้ยังมีการนัดประชุมหารือกับอาจารย์และบุคลากรที่เดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในวันที่ 25 พ.ค. 2559 นี้ด้วย

ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ม.อ.ปัตตานี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศราว่า รูปแบบของหนังสือดังกล่าว  หวังว่าจะเป็นตัวแทนที่จะเข้ามาประสาน เพื่อเกิดการถกเกียงทางวิชาการน่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่หากมองลึกๆ การมาขอความร่วมมือตรงนี้อาจหมายถึงการขอให้ยุติบทบาทก็ได้ แต่ยังไม่อยากสรุปอะไรในตอนนี้ ต้องรอการประชุมทางมหาวิทยาลัยในวันที่ 25 พ.ค. นี้ก่อน

ดร.สมพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาในฐานะนักวิชาการ ได้ตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วง ว่าการพัฒนาจะนำไปสู่ผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เพราะเท่าที่อ่านข้อมูลในเวที ค.1 ค.2 ค.3 ก็มีความเป็นห่วง การจะขอความร่วมมือ ฝ่ายเจ้าของโครงการต้องหาคำตอบมาให้ได้ เพื่อยืนยันว่าถ้าสร้างจะไม่เกิดปัญหา

“ผมคิดว่าโครงการใหญ่ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ไม่ว่าที่ไหน  เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้เห็นด้วยและเห็นต่าง ผมเลยมองว่าเราควรจะมีการจัดเวทีขึ้นมา เพื่อที่จะนำไปสู่ การถกเถียงของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งสังคมน่าจะดีกว่า” 

ด้านรศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงประเด็นนี้ในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) หรือสถาบันอุดมศึกษาทั้งหลายเป็นสถาบันทางวิชาการ การจะมีความเห็นสนับสนุนหรือคัดค้านกิจการใดๆ ย่อมเป็นไปบนพื้นฐานทางวิชาการทางราชการไม่สมควรขอความร่วมมือให้สถาบันอุดมศึกษาสนับสนุนหรือไม่ให้คัดค้านกิจการใดๆ ของรัฐ แต่ควรขอความร่วมมือให้เป็นผู้ให้ความเห็นทางวิชาการ ว่ากิจการนั้นๆ สมควรดำเนินการหรือไม่เพียงใด บนพื้นฐานที่ใช้วิชาการมาเป็นฐานรองรับ 

กรณีเช่นนี้จึงไม่ควรที่จะเกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานของรัฐกับสถาบันอุดมศึกษา เพราะเข้าข่ายที่ถือได้ว่าเป็นการปิดกั้นคุกคามทางวิชาการ ซึ่งถือเป็นการไม่ยอมรับในระดับสากล.

ด้านเครือข่ายพลเมืองสงขลา  แสดงความคิดเห็นต่อการทำหนังสือฉบับนี้  ผ่านจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 24 พ.ค. 2559 ระบุว่า 1.การทำหนังสือดังกล่าวเป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่ สะท้อนถึงวิธีคิด และการไม่เข้าใจต่อความเป็นจริงของสังคม 2.การทำหนังสือฉบับดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิ และเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพทางวิชาการ

การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เครือข่ายพลเมืองสงขลามีข้อเสนอในการจัดการพลังงานใหม่ทั้งระบบ พร้อมทางเลือกในการจัดการพลังงาน หากแต่เรื่องราวเหล่านี้ต้องอาศัยการพูดคุยปรึกษาหารือกัน การที่นักวิชาการหลายท่านได้ออกมาตั้งข้อสังเกต ออกมาให้ข้อมูล รวมถึงการศึกษาวิจัยร่วมกับประชาชนในพื้นที่ในการแสวงหาทางเลือกทางออกให้กับสังคม ย่อมเป็นสิ่งที่ดี

" แต่หนังสือฉบับดังกล่าวแสดงนัยยะแฝงถึงการสกัดกั้นการแสดงออกทางความคิดของกลุ่มคนที่เห็นต่าง ซึ่งบทบาทเหล่านี้ ไม่ควรเป็นบทบาทของทหารในยุคปฏิรูป ซึ่งแนวทางการปฏิรูปพลังงานไทยไม่ใช่แนวทางการใช้พลังงานถ่านหินอย่างแน่นอน" 

เครือข่ายพลเมืองสงขลา ยังกล่าวด้วยว่า เราต้องการสังคมที่ดี การเปิดพื้นที่พูดคุยจึงมีความจำเป็น นี้เป็นเรื่องความมั่นคงของประชาชน การใช้พลังงานถ่านหินจะทำลายฐานทรัพยากรในการดำรงชีวิตมีความสำคัญและจำเป็นของเรา จึงขอความร่วมมือจากท่าน ขอให้ท่านให้ความร่วมมือกับประชาชน โดยยุติบทบาทการสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และขอคืนหนังสือฉบับดังกล่าว เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนกลางจัดเวทีนำข้อมูลของทั้งสองสามฝ่ายที่มีความคิด และข้อมูลต่างกันมาเปิดให้ประชาชน สาธารณะชนได้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา นำไปสู่การปฏิรูปจริง ๆ 

ขอบคุณภาพประกอบ ดร.สมพร ช่วยอารีย์ จาก http://mpics.manager.co.th/